ยันต์แผ่นนั้นปลิวไสวในอากาศพลางสะท้อนแสงเจิดจ้าราวกับเป็นลูกไฟยักษ์ ความร้อนระอุและพลังงานแก่กล้าที่แพร่กระจายออกมาก่อเกิดเป็นวงแหวนปราณขนาดมหึมาบนท้องฟ้า คลื่นพลังลึกลับหมุนวนก่อนจะพุ่งไปยังร้านของปู้ฟางอย่างรุนแรง
คลื่นพลังนี้มีขนาดมหาศาลน่าสะพรึงกลัว ทุกคนในนครหลวงต่างพากันหวาดกลัวและสิ้นหวังเมื่อได้สัมผัส ความผันผวนของพลังงานรุนแรงราวกับกำลังมีอสูรร้ายคืบคลานออกมาจากนรกภูมิเพื่อหวังกลืนกินสรรพสิ่ง ความหวาดกลัวในใจของทุกคนต่างเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
จีเฉิงเสวี่ยจ้องไปยังยันต์ที่สะท้อนแสงแรงกล้าราวกับเป็นดวงตะวันด้วยสีหน้าเฉยเมย ดวงตาทั้งสองของเขาเจ็บปวดจากแสงดังกล่าวจนน้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่หยุด แต่เขาไม่อาจควบคุมร่างกายของตนได้ จำต้องปล่อยให้หยดน้ำตาไหลรินไปพร้อมลมหายใจที่หนักหน่วง เขาถูกพลังงานมหาศาลสะกดเอาไว้ไม่อาจจะต้านทานได้
ลูกไฟเริ่มปลดปล่อยพลังทำลายล้างออกมา ข่มขวัญให้ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังยิ่งขึ้น
ขนาดปู้ฟางยังเบิกตาโพลงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก
“ยันต์พลังปราณที่ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพเขียนขึ้นมาเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นนั่นก็น่าจะเป็นวงแหวนปราณ… ช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริง!” หัวใจของปู้ฟางสั่นไหวรุนแรง รัศมีจากวงแหวนปราณระเบิดผ่านอากาศราวกับเป็นขีปนาวุธ พลังทำลายล้างมหาศาลทำให้ปู้ฟางเกิดกลัวขึ้นมา
วงแหวนปราณไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับชายหนุ่มแม้แต่น้อย เพราะเขาเองก็เดินทางผ่านวงแหวนปราณของระบบอยู่เสมอ แต่วงแหวนปราณที่จู่ๆ ก็ระเบิดขึ้นนี้เตือนใจปู้ฟางให้นึกถึงระเบิดที่ใช้ด้านการทหารจากชีวิตในชาติก่อน สิ่งนี้ทำให้ความเข้าใจเรื่องวงแหวนปราณของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตู้ม ตู้ม!!
แรงกระเพื่อมกระจายออกมาจากวงแหวนปราณที่กำลังระเบิด ก่อให้เกิดลมกระโชกแรง
เจ้าดำหรี่ตาสำรวจสิ่งรอบกายแล้วส่งเสียงคำรามต่ำออกมา มันออกเดินอย่างสง่างามด้วยท่วงท่าเฉพาะตัว ก่อนกระโดดขึ้นหลังของมังกรอุทกตัวใหญ่ยักษ์ แล้วเดินทอดน่องไปหายันต์ที่กำลังระเบิดอยู่ ซึ่งขณะนี้แผ่ความร้อนรุนแรงราวดวงอาทิตย์ออกมา
ยันต์ที่สั่นไหวพุ่งเข้ามาใกล้เจ้าดำที่ยังคงก้าวย่างอย่างมั่นใจเข้าไปหาอันตรายเรื่อยๆ
ขนของเจ้าดำโบกสะบัดเมื่อปะทะเข้ากับสายลมรุนแรง มันยกอุ้งเท้าน่ารักขึ้น ดวงตาวาววับเป็นประกาย จากนั้นโลกทั้งใบก็ราวกับถูกกวาดหายไป เวลาถูกหยุดเอาไว้ในชั่วขณะ เกราะโปร่งแสงพลันปรากฏขึ้นขังยันต์ที่เจิดจ้าเอาไว้ภายใน
พลังงานของยันต์ถูกบีบอัดเข้าหากันเรื่อยๆ กระทั่งมันกลายเป็นลูกแก้วขนาดเล็ก แสงสว่างรุนแรงของมันอาจทำให้คนธรรมดาตาบอดได้
เจ้าดำยิ้มออกมา พลางเคาะยันต์ลูกแก้วเบาๆ ราวกับเป็นลูกยาง จากนั้นมันก็ออกแรงขว้างลูกแก้วไปด้วยอุ้งเท้าบอบบาง ลูกแก้วที่ส่องประกายวาววับพุ่งออกไปทิ้งแสงสว่างเอาไว้เป็นทาง มันเคลื่อนตัวตัดผ่านท้องฟ้าราวกับเป็นดาวหาง ก่อนจะพุ่งทะยานหายลับไปพร้อมประกายแสงสุดท้าย
ตู้ม!!
แม้แต่ผู้คนที่อยู่ภายนอกนครหลวงก็ยังได้ยินเสียงระเบิดรุนแรงที่ดังมาจากที่ไกลๆ แผ่นดินสั่นสะเทือนขณะที่ควันสีดำจางๆ ลอยขึ้นในอากาศ
เจ้าดำกลับลงมายืนสี่ขาบนพื้นถนนอีกคราว มันอ้าปากหาวก่อนจะเดินกลับร้านไปหาจุดสบายๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างไม่แยแสต่อสิ่งใดอีก
ฝูงชนรอบข้างพากันนิ่งอึ้ง ก่อนจะมองท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยสายตาตื่นตะลึง
ก่อนหน้านี้ทุกคนสัมผัสพลังงานมหาศาลจากยันต์ได้อย่างชัดเจน หลายคนคิดไปว่าชีวิตคงมาถึงจุดจบแล้วเป็นแน่ เพราะแรงระเบิดนั้นน่าจะรุนแรงพอสังหารคนทั้งมวลได้ แต่ท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่กลับทำเพียงใช้อุ้งเท้าตบยันต์จนปลิวหายไป
นัยน์ตาของจีเฉิงเสวี่ยยังคงอับแสง แต่ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะซึมซับเอาความรู้สึกชื่นใจของการรอดพ้นจากความตายอยู่ครู่หนึ่ง
ถึงกระนั้นระหว่างที่กำลังรู้สึกสุขใจอยู่ในอก จักรพรรดิหนุ่มก็ตระหนักได้ว่าตนต้องการเหล่าขุนพลที่แข็งแกร่งทรงพลังมากกว่านี้
“หากเรามีสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทานเช่นนี้คอยปกป้องจักรวรรดิ ไยเลยจะต้องแยแสผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามด้วย!”
พ่อลูกตระกูลเซียวต่างชื่นชมเจ้าดำยิ่งขึ้นไปอีก สมแล้วที่เป็นอสูรเวทขั้นเซียนเทพ… อสูรเวทขั้นเซียนเทพที่ไร้เทียมทาน! ก่อนหน้านี้เจ้าดำเคยออกโรงไม่กี่ครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดที่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าวันนี้ พวกเขาได้รับรู้พลังที่ยิ่งใหญ่ไร้ก้นบึ้งของอสูรเวทขั้นเซียนเทพก็วันนี้เอง
เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นเมื่อปู้ฟางเดินช้าๆ ออกมาจากร้าน ดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหามังกรอุทกตัวมหึมา เขายกมือตบร่างไร้วิญญาณของมันแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะเก็บซากมังกรอุทกทั้งตัวเข้าไปในกระเป๋าคลังเก็บของระบบ
หลังเก็บซากมังกรเรียบร้อยแล้ว ปู้ฟางก็ตบมือเข้าด้วยกันด้วยความยินดี เขาหันศีรษะกลับมามองฝูงชนที่ด้านหลัง ก่อนจะเดินย้อนเข้าร้านไป
“ร้านเปิดให้บริการตามปกติ ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่าน” น้ำเสียงเรียบเฉยของปู้ฟางดังขึ้น พาให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ แต่อนิจจาไม่มีใครรู้สึกอยากกินอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ทุกคนกล่าวลาปู้ฟางก่อนจะพากันเดินจากไป
ไม่นานหลังจากนั้น ร้านเล็กๆ ก็ว่างโล่ง
ปู้ฟางไม่ใคร่จะใส่ใจนัก เขาเหลือบมองเจ้าดำที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะหันหลังเดินเข้าครัวไป
จีเฉิงเสวี่ยกลับไปยังวังหลวง เซียวเยวี่ยกับเซียวเหมิงเองก็มาคอยอยู่ที่ท้องพระโรงแล้ว
แม้ว่าการบรรลุขั้นปราณสู่ระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการของเซียวเยวี่ยนั้นนับเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งสำหรับจักรวรรดิในเวลานี้ แต่กลับไม่มีใครยินดียินร้ายนักหลังจากการต่อสู้ที่เพิ่งจะจบลงไป
หากต้องเผชิญกับพลังมหาศาลเช่นนั้น ระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการก็ไม่ต่างอะไรจากคนไร้ความสามารถ ความรู้สึกตื่นเต้นกับพัฒนาการครั้งนี้ของเซียวเยวี่ยเองก็มลายหายไปด้วยเช่นกัน เหลือไว้เพียงความกระหายอยากจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเท่านั้น
…
เซี่ยอวี่ที่ร่างกายอาบไปด้วยโลหิตกำลังหนีเต็มกำลัง ใบหน้าของเขาหม่นหมอง ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ช่างน่าสะพรึงกลัว! น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!
เจ้าสุนัขดำนั่น… มันเป็นตัวอะไรกันแน่ มันสามารถหยุดระเบิดของยันต์เซียนเทพได้ ระเบิดนั่นเป็นยันต์ที่ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพเขียนขึ้นมาเชียวนะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD