จวนตรงหน้าเผยให้เห็นอีกโลกหนึ่ง สรุปแล้วพวกเขาเดินพ้นประตูรั้วเพื่อตรงไปสู่ทางเข้าเท่านั้น ทางเข้านำไปสู่สนามฝึกขนาดใหญ่ มีทหารในชุดเกราะหลายคนกำลังฝึกหนักจนเหงื่อท่วมอยู่ภายใน
“อย่างที่ท่านเห็น ที่นี่คือสนามฝึกของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ฝึกที่นี่ล้วนขึ้นตรงกับหน่วยที่ยอดเยี่ยมที่สุด การจะเข้าร่วมหน่วยนี้ได้ต้องผ่านการทดสอบด้วยคะแนนสูง ซึ่งยากยิ่งนักที่คนธรรมดาจะผ่านมาได้” หัวหน้าหมู่หลิวเอามือไพล่หลังเดินนำหน้าปู้ฟาง เขาเชิดศีรษะขึ้นสูงขณะประกาศอย่างภาคภูมิใจ
ปู้ฟางมองเหล่าทหารในสนามฝึกด้วยสายตาว่างเปล่า ทหารเหล่านี้มีระดับปราณไม่เลวเลย ส่วนมากอยู่ในระดับสามขั้นคลั่งยุทธการ ดังนั้นจึงถือเป็นส่วนสำคัญของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับ
ถึงอย่างนั้นปู้ฟางก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่อย่างใด เป้าหมายของเขาคือการเข้าร่วมหน่วยโรงครัวประจำกองทัพเพื่อเป็นพ่อครัวของกองทัพ สิ่งเดียวที่เขาสนใจในตอนนี้คือทำภารกิจให้ลุล่วงโดยเร็ว เพื่อจะได้เสี้ยวสุดท้ายของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพมาครอง
สำหรับปู้ฟางที่เป็นเจ้าของมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง เขารู้ดีว่าชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพนั้นทรงพลังเพียงใด ดังนั้นชายหนุ่มจึงคาดหวังกับชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพชิ้นที่สองไม่น้อย ไม่ว่าจะอย่างไรเครื่องครัวชิ้นนี้ย่อมต้องช่วยเพิ่มพูนทักษะการทำอาหารของเขาให้ก้าวกระโดด ส่งผลให้ทำอาหารจานอร่อยได้อีกมากมายแน่นอน
ปู้ฟางจมอยู่ในจินตนาการของตัวเองจนเดินใจลอย เขาไม่ได้ยินสิ่งที่หัวหน้าหมู่หลิวพูดไปก่อนหน้านั้นแม้สักนิด
ชายหนุ่มเดินตามหลังหัวหน้าหมู่หลิวไปนานพอควร จนในที่สุดทั้งสองก็พ้นส่วนสนามฝึกแล้วมาถึงจุดที่อยู่ลึกเข้าไปในจวน พื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างรกร้างพอสมควร มีเศษหินเล็กๆ ที่ถูกทุบจนแหลกกระจายเกลื่อนอยู่
ฝ่ายหัวหน้าหมู่หลิวจู่ๆ ก็หยุดเดิน เขาหันหลังกลับมามองปู้ฟางพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ปู้ฟางแปลกใจ เจ้านี่จู่ๆ จะหยุดเดินทำไมกัน
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อมองพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างและเต็มไปด้วยเศษหินรอบตัวแล้ว เขาก็มั่นใจว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ศูนย์รับสมัครทหารแน่นอน
หัวหน้าหมู่หลิวคนนี้… ล่อลวงปู้ฟางมาแน่แล้ว
เสียงฝีเท้าดังก้องอยู่ในอากาศขณะที่ความวุ่นวายก่อตัวขึ้นอย่างปุบปับ จู่ๆ ก็มีกลุ่มอันธพาลมาปรากฏตัวด้านหลังปู้ฟาง
กลุ่มชายหนุ่มผิวคล้ำจ้องมองปู้ฟางด้วยสายตามุ่งร้าย
“โห หัวหน้าหมู่หลิว ท่านไปได้เจ้าโง่ที่อยากเข้าร่วมกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับมาอีกคนแล้วหรือ”
“โอ้ ดูผิวพรรณของเขาสิ สงสัยจะเป็นนายน้อยของตระกูลมั่งมีแน่ๆ”
“นายน้อยนิสัยเสียจากตระกูลรวยๆ นี่ละสมบูรณ์แบบ เขาต้องถือเงินอยู่ในมือเยอะแน่ เราจะรวยกันแล้วคราวนี้!”
…
เสียงพูดคุยกันดังขึ้นในมุมหนึ่งที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้าง เสียงเหล่านั้นสะท้อนก้องไปมาฟังดูน่ากลัว
เจ้าขาวที่เดินตามปู้ฟางเข้ามา ยกฝ่ามืออวบอ้วนของตัวเองขึ้นแตะศีรษะล้านเลี่ยน ก่อนที่นัยน์ตาจักรกลของมันจะกะพริบแสงสีแดงวาบ
หัวหน้าหมู่หลิวม้วนริมฝีปากก่อนจะหรี่ตาไปทางปู้ฟาง เขาเดินไปทางหินก้อนใหญ่ กางขาลงนั่ง พลางจ้องมองปู้ฟางอย่างใจเย็น
“เจ้าหนุ่มเอ๋ย การเข้าร่วมกองทัพไม่ใช่เรื่องยาก แต่อย่าหวังว่าเจ้าจะใช้สิทธิพิเศษได้ กองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับของเราเป็นกองกำลังที่ทำแต่เรื่องโหดๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสังหารศัตรูและต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดบนสนามรบ หนุ่มน้อยนิสัยเสียเช่นเจ้าทนความลำบากเช่นนั้นไม่ไหวหรอก ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวเจ้าเอง” หัวหน้าหมู่หลิวจ้องปู้ฟางด้วยสายตาล้อเลียน
“พวกเราแค่คิดถึงความปลอดภัยของเจ้า ดังนั้น… จงทำตัวสงบเสงี่ยมแล้วทำตามที่บอก ส่งเงินของเจ้ามาเสีย จากนั้นพวกเราก็จะพูดคุยเล่นหัวกันสักพักก่อนปล่อยเจ้าไป”
หัวหน้าหมู่หลิวจ้องปู้ฟางด้วยสายตาที่เจือไปด้วยความเกลียดชัง เขาได้เห็นเด็กหนุ่มฐานะร่ำรวยอย่างปู้ฟางมามากในชีวิต ทุกคนมีผิวขาวผ่องเนียนละเอียด เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่การหลอกปล้นครั้งแรกของคนเหล่านี้
เด็กหนุ่มร่ำรวยพวกนี้ทั้งเปราะบางและนุ่มนิ่ม แถมส่วนมากยังไม่เคยเห็นเลือดจริงๆ ด้วยซ้ำ บอกตามตรงว่าพวกเขาเป็นได้ดีที่สุดก็แค่ตัวล่อในสงคราม นอกจากจะไปตายง่ายๆ กลางสนามรบแล้ว ยังเป็นภาระให้คนอื่นๆ ในสงครามด้วย ดังนั้นพวกเด็กหนุ่มรูปงามเหล่านี้จึงมักสอบคัดเลือกไม่ผ่านและหันมายัดเงินใต้โต๊ะแทน
หลังผ่านเข้ามาด้วยวิธีน่ารังเกียจ พวกเขาก็ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของหัวหน้าหมู่หลิว เมื่อมีเหยื่อมาให้เชือดถึงที่ หัวหน้าหมู่หลิวก็ไม่คิดเมตตาแต่อย่างใด การปล้นครั้งนี้จะต้องสำเร็จลุล่วงด้วยดี
ปู้ฟางไม่ได้มีอาการสะทกสะท้าน ถึงแม้ว่าเขาจะถูกกลุ่มอันธพาลล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ชายหนุ่มก็ยังคงความเยือกเย็นไว้ได้ ท่าทีนิ่งสงบของปู้ฟางลบรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของหัวหน้าหมู่หลิวไป
ปู้ฟางขมวดคิ้วแน่นจนใบหน้ายู่ยี่ ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกลุ่มทหารที่มีระดับปราณเพียงขั้นคลั่งยุทธการแม้แต่น้อย ต่อให้เจ้าขาวไม่ยื่นมือมาช่วย ชายหนุ่มก็น่าจะกำราบคนพวกนี้ได้ง่ายๆ ด้วยระดับปราณในปัจจุบันของเขา
แต่ความกังวลของปู้ฟางอยู่ที่ว่าหัวหน้าหมู่หลิวจะช่วยให้เขาเข้าร่วมกองทัพได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะหน่วยโรงครัว หาไม่แล้วชายหนุ่มคงต้องหาทางอื่น ซึ่งคงลำบากและวุ่นวายไม่น้อย
“นี่เจ้าแกล้งหูหนวกหรืออย่างไร ไม่ได้ยินที่หัวหน้าหมู่พูดหรือ รีบๆ เอาเงินออกมาเสีย!” ชายหนุ่มหัวโล้นคนหนึ่งถลึงตาใส่ปู้ฟาง เขาก้าวเข้ามาใกล้แล้วส่งเสียงข่มขู่ลอดไรฟันออกมา
ปู้ฟางเพียงแค่ปรายตามองอีกฝ่ายแล้วเมินใส่ ชายหนุ่มหันไปหาหัวหน้าหมู่หลิวก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เจ้าช่วยหาตำแหน่งในกองทัพให้ข้าได้จริงหรือ”
หัวหน้าหมู่หลิวและคนอื่นๆ ต่างผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ทหารหนุ่มหัวโล้นหัวเราะเสียงดังสนั่น พลางจ้องหน้าปู้ฟางราวกับว่าเขาเป็นคนโง่เขลาเสียเต็มประดา
“หัวหน้าหมู่หลิว เจ้าหมอนี่มันโง่เง่าที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมาเลยขอรับ มันยังคิดว่าจะได้เข้าร่วมกองทัพอีก ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลย…” ชายหนุ่มหัวล้านหยุดหัวเราะไม่ได้
หัวหน้าหมู่หลิวต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะหยุดหัวเราะได้เช่นกัน จากนั้นเขาก็มองหน้าปู้ฟางก่อนจะกล่าวขึ้น “ช่วยได้แน่นอน แต่ข้าจะช่วยทำไมเล่า ชายหนุ่มไร้ประโยชน์จากตระกูลใหญ่เช่นเจ้ารังแต่จะเป็นภาระในกองทัพของเรา!”
“เอ่อ… แปลว่าเจ้าจัดการได้ใช่ไหม” ปู้ฟางถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แน่นอนที่สุด เห็นอย่างนี้ข้าก็เป็นหัวหน้าหมู่เล็กๆ หมู่หนึ่ง การจะจัดการเรื่องแค่นี้นั้น… ประเดี๋ยวนะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้ากันเล่า ส่งเงินมาแล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว!” หัวหน้าหมู่หลิวขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นโบกตัดบท
ทหารหัวโล้นพลันเผยอริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขากำมือขึ้นเป็นกำปั้นก่อนจะหักข้อนิ้วเสียงดังกรอบ
“เจ้าหนุ่มเอ๋ย ทำตัวฉลาดๆ แล้วฟังพวกเราเอาไว้ ข้าเห็นไอ้หนุ่มผอมแห้งหน้าขาวอย่างเจ้ามานักต่อนัก… ส่งเงินมาแล้วเราจะยอมละเว้นเจ้า หาไม่แล้ว…”
“หาไม่แล้วจะอย่างไร” ปู้ฟางมองเจ้าหนุ่มหัวโล้นด้วยสายตาเยือกเย็น
“หาไม่แล้วก็กินหมัดข้าไปเสีย!” ชายหนุ่มหัวโล้นไม่ได้คาดคิดว่าปู้ฟางจะกล้าดีจ้องหน้าเขากลับในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกล้อมอยู่ด้วยซ้ำ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD