ในเมืองประจิมเร้นลับ เจ้าเมืองก่งเหยากำลังเดินตามสตรีร่างสูงโปร่งด้วยท่าทางเคารพนบนอบ ข้างกายเขาคือบุตรชายคนโต ก่งเซวียน ผู้ซึ่งใบหน้าไม่ได้มีเพียงความเคารพเหมือนบิดา แต่ยังเผยความชื่นชอบเชิงชู้สาวที่แรงกล้าเกินกว่าจะปกปิดได้
ก่งเซวียนรู้สึกราวกับมีเพลิงรักเผาไหม้อยู่ในใจ ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวยามที่ปรายตามองสตรีตรงหน้า ชายหนุ่มไม่เคยเจอสตรีที่งดงามเท่านางมาก่อนในชีวิต เพียงแรกพบเขาก็ตกหลุมรักเข้าเต็มเปา
ผู้อาวุโสลำดับสามของสำนักความลับแห่งสวรรค์ หนี่หยัน เป็นผู้ที่เล่าลือกันว่ามีพลังปราณแข็งแกร่งแซงหน้าใครอยู่ในขั้นเทพแห่งสงคราม ทั้งยังมีใบหน้างดงามจนไม่อยากเชื่อสายตา ทุกส่วนของร่างกายนางดูสวยงามจับใจจนทำให้ก่งเซวียนถึงกับโง่หัวไม่ขึ้น
หนี่หยันเดินทอดน่องอยู่บนกำแพงเมืองพร้อมเอามือไพล่หลัง ผมยาวสีดำปล่อยสยายเป็นริ้วเหมือนน้ำตก นางเงยหน้าขึ้น ผิวกระจ่างตาเป็นสีชมพูเรื่อ ดวงตามองไปยังท้องฟ้ามืดมิดที่อยู่ไกลออกไป
“เจ้าส่งแค่กองทหารลำดับสามไปที่เมืองโม่หลัวเช่นนั้นหรือ” หนี่หยันถามเสียงนิ่ง น้ำเสียงดูเย็นชาเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสหนี่ ท่านอย่าได้ดูถูกกองทหารลำดับสามเด็ดขาด แม้จะเป็นกองทหารที่อ่อนแอที่สุดในเมืองประจิมเร้นลับ แต่ก็ยังเทียบเท่าได้กับกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองอื่นๆ ถึงอย่างไรก็มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นกำลังเสริมให้เมืองโม่หลัวอย่างแน่นอน” ก่งเซวียนตอบอย่างมั่นใจ
ก่งเหยาลูบเคราตนเองพลางยิ้มออกมา เขาเชื่อมั่นในความมั่นใจของบุตรชาย ในฐานะเจ้าเมืองประจิมเร้นลับที่ดูแลดินแดนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือมาหลายต่อหลายปี เขาแทบไม่เคยเจอสิ่งใดที่เป็นภัยอันตรายต่อเมืองประจิมเร้นลับเลย ด้วยเหตุนี้ชายชราจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าใดนัก
หนี่หยันมุ่นคิ้ว หันหน้าไปมองชายหนุ่มรูปงามที่มีนิสัยมุทะลุดุดันด้วยสายตาไร้อารมณ์ ก่อนเอ่ยถาม “หากกองทหารลำดับสามทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วโดนทำลายจนราบคาบเล่า”
“เป็นไปไม่ได้…” ก่งเซวียนพึมพำตอบ
“หึ… หากเมืองโม่หลัวถูกยึด เมืองประจิมเร้นลับก็จะเสียหน้าด่านสำคัญจนอาจถูกกองทัพข้าศึกล้อมปราบ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามีไพ่ตายอะไรซ่อนอยู่ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยไม่ให้ปีศาจร้ายจากลัทธิอสุราสังหารหมู่ผู้คนตามใจชอบเพียงเท่านั้น ส่วนเมืองประจิมเร้นลับจะอยู่หรือจะไป… ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้า”
หนี่หยันยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ตอนนี้หญิงสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก นางหันไปมองคู่พ่อลูกอีกครั้งพลางเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที
ก่งเหยาและก่งเซวียนตัวแข็งทื่อพลางหันมามองหน้ากัน
“ท่านพ่อ… หรือเราควรส่งกองทหารลำดับหนึ่งไป สิ่งที่ผู้อาวุโสหนี่พูดฟังมีเหตุผลทีเดียว” ก่งเซวียนเสนอขึ้นมาหลังจากคิดอยู่สักพัก
“พ่อให้เจ้าตัดสินใจตามเห็นสมควร” ก่งเหยาลูบเคราพร้อมหัวเราะหึๆ ในลำคอ
…
“เป็นแค่ระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ... กล้าดีอย่างไรมาทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้” ผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราลอยอยู่บนอากาศ มือหนึ่งถือยันต์หยกห้าแผ่นเอาไว้ วงแหวนปราณยังคงหมุนวนเพื่อดูดเอาแก่นวิญญาณเข้ามากักเก็บไว้ภายใน
วงแหวนปราณมีขนาดใหญ่โตมาก ปู้ฟางพินิจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ต้องมุ่นคิ้ว
“ศิษย์พี่ปู้ ไอ้หมอนี่มันเป็นปีศาจร้ายจากลัทธิอสุรา… พลังปราณของมันสูงส่งเป็นอันมาก พวกนี้เป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อชนวนสงครามในจักรวรรดิวายุแผ่ว ทั้งยังยึดเอาแก่นวิญญาณจำนวนมากไว้กับตัวด้วย ข้าบอกได้เลยว่าคนพวกนี้กำลังคิดทำเรื่องชั่วร้ายอยู่แน่นอน เราต้องหยุดเขาให้ได้นะขอรับ!” ถังอิ่นเอามือข้างหนึ่งกุมหน้าอกไว้ เลือดยังคงไหลออกจากมุมปากขณะที่เอื้อนเอ่ย
“ลัทธิอสุรารึ” ปู้ฟางหรี่ตา กลุ่มอำนาจใหม่นี้เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตนอยู่ดี
“เสียงนกเสียงกาน่ารำคาญเสียจริง! อีกไม่ช้าลัทธิอสุราของพวกเราก็จะฟื้นคืนชีพกลับมาผงาดอีกครั้ง ใครก็ตามที่บังอาจมาขวางเส้นทางการกำเนิดใหม่ของลัทธิอสุรา จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก!” ผู้ฝึกตนชุดดำประกาศก้อง พลังปราณเที่ยงแท้ที่ห้อมล้อมกายเขาไว้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
จู่ๆ สายลมก็กรรโชกแรง ตามมาด้วยร่างของผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าปู้ฟางชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ฝ่ามือของเขาที่ห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณเที่ยงแท้สีดำสนิทเรืองแสงสีดำแดงออกมา พร้อมตะปบส่ปู้ฟาง
เขาไม่คิดว่าขั้นจักรพรรดิยุทธการจะเป็นคู่ต่อกรกับตนด้วยซ้ำ แต่แก่นวิญญาณของขั้นจักรพรรดิยุทธการอย่างไรเสียก็ถือว่าส้มหล่น!
ชายชุดดำไม่ได้มีความคิดเลยว่าปู้ฟางจะรอดจากการโจมตีครั้งนี้ พลังในการโจมตีของเขานั้นลำพังผู้ฝึกตนระดับหกไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน หนำซ้ำตอนนี้เจ้าหนุ่มขั้นนักพรตยุทธการจากสำนักความลับแห่งสวรรค์ยังบาดเจ็บปางตายด้วย อย่างไรเสียก็ไม่มีทางป้องกันกรงเล็บนี้ได้
ฉะนั้น… ปู้ฟางจึงไม่ต่างจากซากศพแล้วสำหรับเขาในตอนนี้!
ปัง!!
ฝ่ามือโลหะขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าชายชุดดำแล้วสกัดการโจมตีเอาไว้ได้ กรงเล็บเปื้อนเลือดปะทะกับฝ่ามือโลหะเข้าอย่างจังจนเกิดเสียงดังปังสนั่นหวั่นไหว
ใบหน้าของผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราพลันแข็งทื่อ ร่างของเขาเซถลาไปด้านหลัง
พลังปราณเที่ยงแท้รุนแรงระเบิดออกมา ทำให้ฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณ
ปู้ฟางยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยท่าทางสงบนิ่ง ดวงตามองผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราที่กำลังล่าถอย
ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบแสงสีม่วงเข้ม ซึ่งแปลว่ามันเริ่มปฏิบัติการสังหารอีกครั้งแล้ว
ถังอิ่นมองเจ้าขาวแล้วรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที เขารู้ดีว่าเจ้าขาวแข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามยังโค่นมันไม่ลง หากมีเจ้าขาวช่วย… ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดีอย่างแน่นอน!
ปัง!!
เจ้าขาวพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วแสง มันกระโจนเข้าใส่ผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราพร้อมด้วยพลังกดดันมหาศาล
“อะไรกัน!” ผู้ฝึกตนคนนั้นตกใจแทบสิ้นสติ เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าไอ้ก้อนโลหะนี่จะป้องกันการโจมตีของตนได้
“อ้อ เจ้ามีเหตุผลให้ผยองได้นี่เอง!” เขายิ้มเยาะจากนั้นก็เบิกตาคู่แดงก่ำจนกว้าง ชายชรากำหมัดเพื่อเรียกกระแสพลังปราณสีดำสนิทออกมา แล้วอัดมันให้กลายเป็นก้อนพลังขนาดใหญ่
จากนั้นเขาก็ส่งก้อนพลังดังกล่าวใส่เจ้าขาว
เสียงปะทะดังสนั่นแก้วหูมาพร้อมแสงสว่างที่ส่องไปทั่วฟ้า แรงระเบิดในอากาศตามมาด้วยกระแสพลังปราณที่ถูกซัดกระจายออกไป
บนท้องฟ้าเบื้องบน ก้อนพลังปราณขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างกายของเจ้าขาวเอาไว้ ก้อนพลังปราณสีดำนั้นมีสีแดงโลหิตปะปนอยู่ด้วย พลังที่มีอำนาจกัดกร่อนทุกอย่างที่ขวางหน้านี้ดูราวกับกำลังกลืนกินเจ้าขาวเข้าไปทั้งตัวอย่างช้าๆ
ถังอิ่นตัวสั่น ใบหน้าฉายความกระวนกระวาย เคล็ดวิชาของลัทธิอสุรานี้ชั่วร้ายเลวทรามมาก พลังการกัดกร่อนของมันช่างน่ารังเกียจเดียดฉันท์เป็นที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD