เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังออกมาจากหอคอยสีดำเก่าแก่ในเมืองชายแดน ถึงเสียงนั้นจะไม่ได้กึกก้องแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ร่างสามร่างซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ห่างออกไปไม่ไกลลืมตาขึ้น
“ทำไมท่านมหาพรตจึงได้โมโหถึงเพียงนั้น ใครไปล่วงเกินท่านกัน”
ร่างที่สวมชุดคลุมยาวสีดำเปิดปากพูดด้วยสายตาฉงน ข้างกายมีบุรุษในชุดดำอยู่อีกสองคน
“ใครสนกันเล่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ล่วงเกินท่านมหาพรตย่อมต้องพบจุดจบแสนเลวร้ายเหมือนกันหมด พวกเราองครักษ์โลหิตหลักทั้งสามก็แค่ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงเท่านั้น”
“ตอนนี้ปรมาจารย์อาวุโสก็เริ่มเก็บแก่นวิญญาณไปทั่วจักรวรรดิแล้ว วันที่ลูกโลกวิญญาณล่วงลับตื่นขึ้นจะเป็นวันที่พวกเราลัทธิอสุราได้กลับคืนมา… ถึงวันนั้นเมื่อใด พวกเราจะแสดงให้พวกคนเถื่อนแห่แคว้นทางใต้เห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!”
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังประสานกับเสียงเย้ยหยัน หลังจากที่สรรพสำเนียงทั้งหลายเงียบลง ทั้งสามร่างก็กลับไปนั่งขัดสมาธิดังเดิม
…
“ศิษย์พี่ปู้… ท่านขุดหลุมตื้นๆ พวกนี้ทำไมหรือ”
ใบหน้าของถังอิ่นซีดขาวราวกับศพ การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้เขาเจ็บหนักเสียจนพลังชีวิตแทบไม่เหลือ
“ก็เห็นอยู่ว่าข้าขุดหลุมเพื่อทำอาหาร ไม่อย่างนั้นข้าจะขุดทำไมเล่า จะให้ขุดหลุมฝังศพอสูรเวทนี่อย่างสมเกียรติเช่นนั้นหรือ ขอโทษทีเถอะ ข้าไม่ได้ใจดีขนาดจะขุดหลุมฝังอสูรเวทที่พยายามกินตัวเองหรอก” ปู้ฟางโต้ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตรงหน้าชายหนุ่มขณะนี้มีหลุมตื้นๆ อยู่สองหลุม เศษดินเศษหินที่ถูกขุดขึ้นมาถูกถมไว้ด้านข้างจนกลายเป็นเนินเล็กๆ สองเนิน
“ทำอาหารรึ นี่ท่านทำอาหารในหลุมได้ด้วยหรือ”
ไม่ใช่แค่ถังอิ่นที่งุนงง คนอื่นๆ ก็ล้วนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
ปู้ฟางไม่ใส่ใจสายตาฉงนของฝูงชนแม้แต่น้อย ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก เหตุเพราะเขาไม่ได้เห็นวัตถุดิบชั้นดีมาตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพและไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ตนเองเลย แต่ตอนนี้ปู้ฟางอาจใช้กิ้งก่ายักษ์ตัวนี้ทำอาหารอีกจานที่ผ่านเกณฑ์ประเมินของระบบก็ได้
“ศ… ศิษย์พี่ ใบไม้พลังปราณที่ท่านขออยู่นี่แล้วขอรับ”
ไกลออกไป เว่ยต้าฝูกับหลงไฉวิ่งเข้ามาพร้อมใบไม้พลังปราณหอบใหญ่ ใบไม้สีเขียวสดเหล่านี้ปกคลุมไปด้วยลวดลายที่มีพลังปราณแผ่ออกมาจางๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันไม่ใช่ใบไม้ธรรมดา
ปู้ฟางพยักหน้า ก่อนจะสั่งให้เว่ยต้าฝูและหลงไฉเรียงใบไม้ที่หามาได้ลงไปในหลุม
เมื่อทั้งสองลงมือทำตามคำสั่ง ปู้ฟางก็เดินไปที่ซากของกิ้งก่า ชายหนุ่มผ่าท้องของมันเรียบร้อยแล้ว มีเศษเนื้อกิ้งก่ากระจายอยู่บนพื้นเต็มไปหมด
แต่ก่อนหน้านั้นเขาผ่าไปคร่าวๆ เท่านั้น แถมยังไม่ได้ใช้สมาธิหรือความแม่นยำใดๆ เลย ตอนนี้ได้เวลาที่ชายหนุ่ม
ต้องเริ่มจัดการกับเนื้อกิ้งก่าอย่างระมัดระวังแล้ว
กิ้งก่ายักษ์ตัวนี้เป็นญาติใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์มังกร แปลว่ามีสายเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่ในกาย
เกล็ดสีดำของมันแข็งมาก แต่ด้วยความคมของมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง ปู้ฟางก็จึงขอดเกล็ดของกิ้งก่าออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลังทำความสะอาดเนื้อกิ้งก่าจนเกลี้ยงเกลา ปู้ฟางก็ตัดเนื้อออกมาก้อนใหญ่เท่าหินขนาดเขื่อง บนเนื้อมีลวดลายสีแดงปรากฏอยู่ เนื้อชิ้นนี้ดูคล้ายเนื้อปลาชุ่มฉ่ำคุณภาพดี
ชายหนุ่มควงมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือก่อนจะบากเนื้อกิ้งก่าลงไปสองครั้ง
ปู้ฟางเจอสมุนไพรพลังปราณจำนวนหนึ่งในคลังเสบียงของกองทัพ แม้จะไม่ใช่ สมุนไพรพลังปราณระดับสูง แต่ก็ยังใช้ปรุงรสได้ดี ชายหนุ่มสับสมุนไพรเหล่านั้นก่อนวางลงบนเนื้อกิ้งก่า
จากนั้นเขาก็หั่นเต๋าเนื้อกิ้งก่าอย่างเป็นระเบียบ เนื้อที่หั่นออกมาแต่ละชิ้นถึงจะดูเป็นเอกภาพจากกันแต่ก็ยังเชื่อมกันอยู่เล็กน้อย
“ศิษย์พี่ปู้ ทางเราพร้อมแล้วขอรับ” เว่ยต้าฝูลุกขึ้นยืนแล้วแจ้งปู้ฟางด้วยความนบนอบ เขาไม่กล้าขัดใจปู้ฟางแม้แต่น้อย เพราะชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่พ่อครัวหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมฝ่ายโรงครัวประจำกองทัพอีกต่อไป
ตอนนี้เว่ยต้าฝูกลัวแค่ว่าปู้ฟางจะหันมาคิดบัญชีกับตัวเอง เพราะในค่ายทหารแห่งนี้ ไม่มีที่ใดให้เขาหลบซ่อนได้เลย
“ส่งใบไม้ที่เหลือมาให้ข้า” ปู้ฟางเก็บมีดก่อนจะส่งสายตาไปทางเว่ยต้าฝู
หัวใจของเว่ยต้าฝูสั่นสะท้าน เขากุลีกุจอยัดใบไม้พลังปราณที่เหลือลงในมือของปู้ฟางทันที
ปู้ฟางรับไปแล้วจัดการอะไรต่อเล็กน้อย จากนั้นก็นำใบไม้พลังปราณไปพันรอบเนื้อกิ้งก่าไว้ ต่อจากนั้นเขาก็เอาเนื้อไปวางในหลุมตื้นๆ ก่อนเอาดินกลบ
“ฮืม…” ความฉงนสงสัยฉาบเคลือบอยู่ในแววตาของเว่ยต้าฝู เขาทำอาหารมานานหลายปีแต่ก็ไม่เคยเห็นวิธีที่แปลกพิสดารเช่นนี้มาก่อน ขุดหลุมอย่างนั้นหรือ แล้วเนื้อกิ้งก่าจะสุกทั่วได้อย่างไรกัน
คำสั่งต่อมาของปู้ฟางทำให้ทุกอย่างกระจ่าง เขาสั่งให้นำฟืนจำนวนมากมาวางไว้ในหลุมที่เต็มไปแล้วครึ่งหนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มจึงเรียกคลื่นพลังปราณเที่ยงแท้ออกมาเพื่อก่อไฟ
เปลวไฟแรงกล้าพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าขณะที่กลุ่มควันลอยวนอยู่รอบๆ
ปู้ฟางเฝ้ามองเปลวไฟที่ลุกโชนด้วยสายตาพึงใจ เขายกมือไขว้หลัง
กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็สบตากันอยู่ไปมา ทุกคนล้วนอับจนถ้อยคำ ถังอิ่น จูเยวี่ย และเว่ยต้าฝูต่างก็งุนงงเพราะไม่อาจเข้าใจอาหารจานนี้ได้แม้แต่น้อย วิธีการทำอาหารเช่นนี้เป็นสิ่งใหม่ที่พวกเขาเพิ่งเคยได้เห็นก็วันนี้
“หากไม่สามารถจับตาดูสถานะของอาหารอย่างใกล้ชิดได้… แล้วจะปรุงอาหารรสชาติโอชะได้อย่างไรกัน” เว่ยต้าฝูบ่นพึมพำพร้อมเบ้ปาก แม้ปู้ฟางจะพิสูจน์ฝีมือให้เขาเห็นหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เว่ยต้าฝูเองก็ยังไม่แน่ใจว่าวิธีการทำอาหารเช่นนี้จะสามารถทำอาหารอร่อยๆ ออกมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD