เสียงคำรามดังสะท้อนก้องไปทั่วสวรรค์สนั่นไปทั้งเมืองประจิมเร้นลับ ทำเอาหัวใจของบรรดาผู้อยู่อาศัยทุกคนสั่นไหว
เหล่าคนบนกำแพงเมืองที่มองลงไปยังทะเลอสูรเวทเบื้องล่างต่างก็มีสีหน้าลำบากใจ
หนี่หยันผู้งดงามเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ใบหน้าของก่งหยวนเจ้าเมืองซีดขาว ส่วนบรรดาทหารก็มีความกลัวฉาบเคลือบอยู่บนใบหน้ากันทุกคน
แต่กลับมีคนหนึ่งไม่เข้าพวก ใบหน้าของคนผู้นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความยินดีปรีดาอย่างไม่น่าเชื่อ…
ยินดีอย่างนั้นหรือ… เหตุใดยังมีสีหน้าระรื่นอยู่ได้ขณะที่เมืองถูกล้อมด้วยอสูรเวทเช่นนี้
ถังอิ่นที่เฝ้ามองใบหน้าเปี่ยมสุขของปู้ฟางจู่ๆ ก็รู้สึกว่าหัวใจกระตุก เขารู้สึกราวกับว่าไม่อาจเข้าใจความคิดของเถ้าแก่ปู้ได้อย่างถ่องแท้
ทางด้านปู้ฟางนั้นก็กำลังตื่นเต้นจริงๆ ชายหนุ่มครุ่นคิดมาหลายวันว่าจะทำอย่างไรจึงจะปรุงอาหารที่ผ่านเกณฑ์ของระบบ อุปสรรคของเขาคือวัตถุดิบที่หน่วยโรงครัวประจำกองทัพมีนั้นคุณภาพไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มเคยทำน้ำแกงสี่ขุมทรัพย์จากวัตถุดิบธรรมดามาก่อน และแม้ระบบจะยอมรับอาหารจานนั้น แต่ปู้ฟางก็ไม่อาจใช้วิธีเดิมได้อีก เรื่องนี้ทำให้เขาปวดศีรษะเป็นอย่างยิ่ง
ปู้ฟางผู้ที่กำลังกังวลกับการไม่มีวัตถุดิบดีๆ ใช้บังเอิญได้มาเจอคลื่นอสูรเวทที่เกิดขึ้นทุกสามปีพอดี นี่มันไม่ต่างอะไรจาก… หยาดฝนอันชุ่มฉ่ำที่ตกลงมาในหน้าแล้งเลยมิใช่หรือ
“ท่านพ่อ ได้โปรดอย่างกังวลไป ถึงแม้ว่าฝูงอสูรเวทเหล่านี้อาจดูน่าวิตกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เราเคยจัดการพวกมันมาก่อน เราควรนิ่งเฉยและไม่ไปยั่วยุพวกมัน เมื่อผ่านวันนี้ไปคลื่นอสูรเวทก็จะบรรเทาไปเอง” ถึงแม้ว่าก่งเซวียนจะมีสีหน้ากังวล แต่เขาก็สามารถจัดการกับอารมณ์ตนเองแล้วหันมาปลอบโยนก่งเหยาได้
เจ้าเมืองก่งเหยาพยักหน้ารับ การปะทะของคลื่นอสูรเวทรบกวนจิตใจของเขาทุกครั้งไป
อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในขณะนี้คืออยู่ในเมือง แล้วรอให้คลื่นอสูรเวทบรรเทาไปเองตามที่ก่งเซวียนเสนอมา ฝูงอสูรเวทเหล่านี้จะเริ่มล่าถอยกลับไปหลังจากพยายามบุกครบหนึ่งวัน
โฮก!!
เสียงคำรามของอสูรเวทระดับเจ็ดสะท้อนก้องไปทั่วเมืองทำให้หูแทบดับ
บรรดาผู้คนที่ยืนอยู่บนกำแพงรู้สึกราวกับว่ากำแพงแทบถล่มลงมาเพราะเสียงคำรามเหล่านั้น
“เจ้าอยากชิมอาหารจานเด็ดอีกสักหน่อยไหมเล่า”
หลังเสียงคำรามเงียบลง จู่ๆ ปู้ฟางก็หันไปหาหนี่หยันที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มยกริมฝีปากขึ้นก่อนจะถามคำถามออกมา
หนี่หยันถึงกับผงะไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังอิ่นเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน เถ้าแก่ปู้… ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน ท่านเห็นอสูรเวทน่าสะพรึงกลัวด้านล่างนั่นเป็นวัตถุดิบจริงๆ น่ะหรือ ถังอิ่นรู้สึกเหมือนโลกมืดดับ อีกทั้งยังรู้นิสัยใจคอของผู้เป็นอาจารย์อย่างดี เขาจึงมีความรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา…
“อาหารจานเด็ดหรือ ข้าจะได้ชิมอาหารอันโอชะอีกใช่ไหม” นัยน์ตาคู่สวยของหนี่หยันทอประกายแสงสุกสว่างราวอัญมณี
“ใช่! ข้ารับประกันว่าจะต้องอร่อยสุดๆ แน่นอน!” ปู้ฟางพยักหน้าอย่างแข็งขัน
“พูดมา เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร” หนี่หยันแลบลิ้นอ่อนนุ่มสีชมพูของนางออกมาเลียริมฝีปากสีแดง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างขันแข็ง
ถังอิ่นยกมือถูหน้าผากอย่างสิ้นหวัง เขารู้ดี… รู้ดีว่าอาจารย์ย่อมไม่อาจควบคุมตนเองได้หากเป็นเรื่องอาหาร นับเป็นความป่วยไข้ที่สมควรได้รับการรักษาจริงๆ
สิ่งที่ปู้ฟางกล่าวออกมาต่อจากนั้นทำเอาถังอิ่นอยากจะสิ้นลมลงไปเสียเดี๋ยวนี้
“เจ้าเห็นสิงโตสีแดงนั่นหรือไม่ ลองนึกว่าถ้าเอาเนื้อของมันมาย่างไฟ มันจะต้องทั้งชุ่มฉ่ำและอร่อยมากเป็นแน่
“นอกจากนั้นเจ้าลองดูเจ้าช้างที่มีแต่หนามนั่นสิ หนามพวกนั้นช่วยปกป้องเนื้อคุณภาพดีของมันเอาไว้ เราต้องมองผ่านรูปลักษณ์ภายนอกไปให้ถึงคุณค่าภายใน ข้าสัญญากับเจ้าเลยว่าเนื้อของช้างนั่นต้องอร่อยล้ำแน่นอน”
“ไหนจะยังเจ้าเต่ายักษ์อีก กระดองของมันเปี่ยมไปด้วยพลังปราณ หากเอามาปรุงอย่างถูกต้อง มันต้องเป็นอาหารที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าแน่ๆ!”
…
ปู้ฟางพูดถึงอสูรเวทระดับเจ็ดตัวแล้วตัวเล่า ยิ่งเขาพูดดวงตาของหนี่หยันก็ส่องประกายกล้าขึ้นทุกที
“เจ้าบอกว่าอสูรเวทระดับเจ็ดข้างล่างนั่นเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศทั้งหมดอย่างนั้นหรือ แล้วอยากให้ข้าจับตัวไหนเล่า”
ปู้ฟางนิ่งไปชั่วอึดใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วยกมุมปากขึ้น
ชายหนุ่มเพ่งมองลงไปยังคลื่นอสูรด้านล่าง ควันจางๆ ลอยขึ้นมาตรงข้อมือ ก่อนที่มีดทำครัวกระดูกมังกรทองสีดำสนิทจะปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
ปู้ฟางกำมีดแน่น ก่อนจะใช้มีดชี้ลงไปยังอสูรเบื้องล่าง
“ทุกสิ่งที่มีดนี้ชี้ไปหาจะต้องกลายมาเป็นวัตถุดิบ”
ปู้ฟางประกาศอย่างยิ่งใหญ่
หนี่หยันถึงกับนิ่งไป ถังอิ่นเองก็เช่นกัน ก่งเหยา ก่งเซวียน และบรรดาแม่ทัพคนอื่นๆ ของเมืองประจิมเร้นลับล้วนจ้องมองปู้ฟางด้วยสายตามึนงง เจ้าหนุ่มนี่เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร
“ตอนนี้คลื่นอสูรเวทกำลังรุกรานเมืองอยู่แท้ๆ ได้โปรดลืมเรื่องวัตถุดิบทำอาหารไปเสียเถอะ… ยิ่งไปกว่านั้นหากท่านลงไปข้างล่าง ใครจะกลายเป็นวัตถุดิบก็ยังไม่รู้แน่ บางทีพรุ่งนี้… ท่านอาจจะโดนย่อยแล้วถ่ายออกมาจากลำไส้ของอสูรเวทก็เป็นได้
“ศิษย์พี่… ศิษย์พี่ปู้ อย่าล้อเล่นเลยขอรับ นี่มันคลื่นอสูรเวทนะขอรับ ไว้มันสงบลงแล้ว พวกเราค่อยหาทางล่าเหยื่อกันใหม่ก็ได้” ถังอิ่นพูดเสียงอ่อน
เมื่ออาจารย์ผู้ตะกละตะกลามของเขาร่วมมือกับชายสุดเพี้ยนอย่างเถ้าแก่ปู้ ถังอิ่นก็สัมผัสได้ว่าปัญหาใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“มันจะอร่อยแน่ใช่ไหม”
แต่ก็ตามที่ถังอิ่นคาดการณ์ไว้ หนี่หยันจับจ้องปู้ฟางด้วยนัยน์ตาที่ส่องประกายก่อนจะถามออกมา
“ถ้าไม่อร่อยเจ้ามาอัดข้าให้น่วมได้เลย”
ปู้ฟางสะบัดมืออย่างคล่องแคล่ว เขาควงมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือด้วยความว่องไวราวกับกำลังเล่นกล
“ดี! สตรีผู้นี้จะยอมเชื่อคำพูดของเจ้าสักครั้ง เพื่ออาหารอันโอชะ!” รอยยิ้มอันงดงามเกินบรรยายปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย้ายวนของหนี่หยัน ดวงตาของนางหรี่เล็ก
ปู้ฟางยกมือลูบท้องเจ้าขาว ก่อนจะสั่ง “เจ้าขาว ไปกันเลย!”
ไปไหน
ทุกคนบนกำแพงเมืองเว้นก็แค่ถังอิ่นกับหนี่หยันหันมองปู้ฟางอย่างไม่เชื่อสายตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD