นกอัคคีจรัสที่มีพลังแห่งไฟเป็นอสูรเวททรงพลังซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนแสนภูผา จัดเป็นอสูรเวทที่มีน้อยนิดยิ่งกว่าหยิบมือและหาได้ยากยิ่ง มันมีพลังปราณระดับแปดและมีพลังการต่อสู้ที่ร้ายกาจน่ากลัว แค่พ่นไฟออกมาเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ขั้นนักพรตยุทธการระดับเจ็ดกลายเป็นเถ้าถ่านได้เลยทีเดียว
แม้แต่สำนักเจดีย์นภากระจ่างแห่งดินแดนแสนภูผาเองก็มีนกอัคคีจรัสอยู่เพียงสองตัวเท่านั้น ทั้งสองตัวถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีนกอัคคีจรัสปรากฏขึ้นต่อหน้าตรงนี้…
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่อยู่บนหลังของนกอัคคีจรัสเป็นชายร่างท้วมที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ชายชราผู้นี้อยู่ในเครื่องแต่งกายที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร ผมสีเทาของเขาปลิวไสวไม่เป็นทรงอยู่ในอากาศ
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของผู้คนบนกำแพงเมือง สิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นเป้าสายตาเป็นเพราะชายชราผู้นี้กำลังตั้งหน้าตั้งตากินหวานเย็นแท่งอยู่นั่นเอง…
ขี่นกอัคคีจรัสไปกินหวานเย็นแท่งไป… “เจ้าพวกนี้ไม่รู้จักวิถีแห่งความสำราญเสียบ้างเลย”
ชายชราผู้มีพลังปราณกล้าแกร่งนามว่าเย่อวิ๋นชิงผู้นี้ เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเจดีย์นภากระจ่างแห่งดินแดนแสนภูผา พลังปราณแข็งแกร่งกระจายตัวไปทั่วบริเวณทันทีที่เขามาถึง ทำให้องครักษ์โลหิตที่กำลังจะพุ่งเข้าไปในนครหลวงต้องชะงักนิ่งอยู่กับที่
“อร่อย… น่าเสียดายนักที่ข้าทำหวานเย็นออกมาได้เพียงแท่งเดียวเท่านั้นหลังจากที่สังหารมังกรอุทกไปหลายต่อหลายตัวเพื่อเอาตับของมัน ทักษะการทำอาหารของตาแก่คนนี้ยังห่างชั้นกับเถ้าแก่ปู้อยู่หลายขุมนัก”
ชายชราร่างท้วมจ้องแท่งน้ำแข็งในมือตนเองพลางถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะแล้วยัดก้อนน้ำแข็งทั้งก้อนเข้าปาก
สีหน้าของชายชราค่อยๆ เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้อง ราวกับว่าเขากำลังแสดงสีหน้าหลายสิบแบบในเวลาเดียวกัน
แม้กระทั่งผู้ฝึกตนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างยังงุนงงอ้าปากค้าง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตนจะสามารถแสดงสีหน้าได้มากมายถึงเพียงนี้ในคราวเดียว…
พรวด
ทันทีที่ชายชรากัดลงไปในก้อนน้ำแข็ง น้ำสีเข้มก็ระเบิดออกจากหวานเย็นเป็นวิถีโค้งสวยงาม ชายชราร่างท้วมรีบยื่นมือออกไปรับหยดน้ำหวานอย่างรวดเร็วทันท่วงที
นี่คือน้ำส้มสายชูผลไม้แปดวิญญาณอันแสนล้ำค่า เขาซื่อบื้อเงอะงะขนาดทำมันหกได้อย่างไรกัน…
ชายชราร่างท้วมยังคงตั้งหน้าตั้งตาเคี้ยวต่อไป ทันใดนั้นรสเปรี้ยวก็กระจายไปทั่วร่างของเขา ทำให้ใบหน้าของชายชราย่นยู่ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด เขากลืนหวานเย็นเข้าไปทั้งก้อนจากนั้นก็ยืดคอขึ้น แล้ว… ส่งเสียงตะโกนออกมาโดยไม่มีใครได้ทันตั้งตัว
“โธ่เว้ย… ข้าใส่น้ำส้มสายชูเยอะไป”
ชายชราร่างท้วมดึงหนวดของตนด้วยความโมโหพลางบ่นออกมาอย่างเสียดาย น้ำส้มสายชูผลไม้แปดวิญญาณที่แสนล้ำค่าหายากสุดจะหาสิ่งใดเปรียบ เขากลับใส่มันเยอะเกินกว่าที่จำเป็นเสียได้
ผู้คนที่ยืนดูอยู่บนกำแพงเมืองต่างพากันงุนงงทำอะไรไม่ถูก ส่วนพวกที่อยู่ตรงตีนกำแพงเมืองก็อึ้งพอๆ กัน
ตาแก่นี่… มาเล่นจำอวดให้ทุกคนดูรึ
ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึก กลิ่นเปรี้ยวกระจายตัวไปทั่วบริเวณ ทำให้ทุกคนที่ดูสถานการณ์อยู่พากันมีสีหน้ากระอักกระอ่วนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะผู้ที่มาจากสำนักเจดีย์นภากระจ่าง
ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาคนนี้ขึ้นชื่ออยู่เรื่องเดียวคือเรื่องความตะกละ…
“เฮ้ย ไอ้พวกองครักษ์โลหิตจากลัทธิอสุรา… มาทำบ้าอะไรที่นี่” ชายชราที่กำลังนั่งอยู่บนหลังนกอัคคีจรัสถามพร้อมก้มลงมององครักษ์โลหิตทั้งสองคน
ทันทีที่สายตาของชายชราสบลงที่คนทั้งสอง พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองแข็งทื่อจากแรงกดดันมหาศาลที่ทับโถมลงมาบนตัว
องครักษ์โลหิตมีปราณที่ใกล้จะบรรลุขั้นเซียนเทพเต็มที เนื่องจากอยู่ในขั้นสูงสุดของครึ่งทางสู่ระดับเก้า ดังนั้นแม้ต้องเผชิญหน้ากับพลังกดดันรุนแรงจากชายชรา พวกเขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะล่าถอยแต่อย่างใด
องครักษ์โลหิตแห่งลัทธิอสุราพร้อมสละชีวิตตนเองได้ทุกเมื่อ
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าทั้งสองต้องการตัวเถ้าแก่ปู้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาสำคัญเพียงใด เขาเป็นพ่อครัวที่มีฝีมือเยี่ยมยอดที่สุด! อาหารที่เขาทำนั้นเรียกได้ว่าอร่อยจนต้องร้องขอชีวิต ทั้งยังสยบผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน แล้วเราจะส่งเถ้าแก่ปู้ให้… ไอ้พวกชั่วช้าสามานย์เช่นพวกเจ้าได้อย่างไร!”
ชายชราร่างท้วมตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนบนหลังนกพลางโบกแขนกระทืบเท้าแสดงอารมณ์
นกอัคคีจรัสหันคอยาวกลับมามองราวกับเบื่อหน่ายรำคาญใจกับการกระทำของตาแก่เต็มประดา
ใบหน้าขององครักษ์โลหิตทั้งสองพลันแข็งทื่อ พวกเขาไม่อยากเสียน้ำลายกับชายแก่คนนี้อีกต่อไป ทั้งสองร้องคำรามแล้วส่งหมอกสีเลือดพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ผมสยายปลิวไสวไปในอากาศ พลังปราณเข้าโอบล้อมร่างกายของทั้งคู่เหมือนคลื่นยักษ์สีเลือดสูงตระหง่าน
ปัง! ปัง!
พื้นดินเบื้องล่างสั่นสะเทือน จากนั้นพวกเขาก็กระโจนไปข้างหน้า ลำแสงสีแดงหมุนวนรอบกายเปลี่ยนสภาพเป็นเค้าโครงของมังกรโลหิต
ชายชราร่างท้วมยิ้มเยาะกับตนเอง จากนั้นก็แตะเท้าลงบนหลังของนกอัคคีจรัสเบาๆ ร่างท้วมของเขาลอยไปในอากาศอย่างง่ายดายราวกับเป็นใบไม้ที่ปลิดปลิว พลังปราณเที่ยงแท้พุ่งขึ้นในอากาศ อัดตัวแน่นเป็นนกอัคคีจรัสที่กางปีกสยายเตรียมโผบิน
เสียงร้องของนกอัคคีจรัสก้องสะท้อนไปทั่วทั้งสวรรค์และผืนดิน
แต่เสียงคำรามของมังกรโลหิตทั้งสองตัวก็แสบแก้วหูไม่แพ้กัน
ตู้ม!!
ทั้งสามโจมตีใส่กันกลางเวหา พลังปราณระดับเก้ากระจายตัวกระเพื่อมไปในอากาศ
พลังกดดันรุนแรงทำให้ทุกคนที่อยู่บนพื้นเบื้องล่างหัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ถึงอย่างไรชายชราร่างท้วมก็เป็นผู้ฝึกตนระดับเก้าขั้นเซียนเทพ แม้องครักษ์โลหิตทั้งสองจะมีพลังรวมกันเทียบเท่าขั้นเซียนเทพหนึ่งคน แต่คนทั้งคู่ก็ไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนระดับเก้าที่แท้จริง ความแตกต่างด้านพละกำลังของทั้งสองฝ่ายจึงแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนภายในการโจมตีใส่กันเพียงครั้งเดียว
เงาสีโลหิตสองเงาพุ่งลงพื้นพร้อมลมหายใจที่อ่อนล้า ต่างมองชายชราด้านบนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD