กระทะกลุ่มดาวเต่าดำทำมาจากกระดองของสิ่งมีชีวิตโบราณลึกลับ วัตถุดิบนั้นแข็งแกร่งทั้งยังหนักอึ้งเป็นอันมาก แต่อาจเป็นเพราะปู้ฟางเป็นเจ้าของที่แท้จริงของกระทะใบนี้ เขาจึงไม่รู้สึกถึงความหนักของกระทะแม้แต่น้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ปู้ฟางล้มเลิกความคิด… ที่จะใช้กระทะใบนี้ไปซัดใส่ชาวบ้านชาวช่องแต่อย่างใด
นี่เป็นครั้งแรกที่ปู้ฟางเห็นเจ้าขาวขับเคี่ยวกับคู่ต่อสู้อย่างสูสี ในอดีตเจ้าขาวจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทุกครั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเจ้าขาวจะถูกองครักษ์โลหิตตรึงความสนใจเอาไว้ได้
มังกรโลหิตเคลื่อนที่วนเวียนไปมาในอากาศ เสียงกรีดร้องโหยหวนของมันชวนให้หนังศีรษะชาเหมือนโดนเข็มตำ
ทุกครั้งที่เจ้าขาวฟันมังกรโลหิตทิ้ง หมู่เมฆสีเลือดจะก่อตัวขึ้นเป็นมังกรตัวใหม่ในเวลาไม่นาน
ภาพตรงหน้าทำให้ปู้ฟางต้องพยายามช่วยเจ้าขาว
เขายังไม่ทันได้รับ ‘หมื่นไฟประลัยกัลป์’ อะไรนั่นจากระบบเลย แปลว่าตอนนี้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำในมือของเขา… เป็นเพียงกระทะแสนธรรมดาเท่านั้น ปู้ฟางเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ในตอนนี้เองว่าเขาสามารถใช้มันแทนอาวุธได้ด้วย
ด้วยความที่กระทะนี้หนักหลายจิน ใครก็ตามที่โดนมันทุบใส่มีหวังต้องวิ่งร้องไห้จ้ากลับไปหาแม่อย่างแน่นอน!
ปู้ฟางจับขอบกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็งก็กระจายไปทั่วร่างของชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงเปลวไฟที่เผาไหม้อยู่ในอก
เขาก้าวไปข้าวหน้าหนึ่งก้าว เหวี่ยงมือที่จับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำไปด้านหลัง จากนั้นก็กระโจนไปข้างหน้าแล้วปล่อยกระทะไปในอากาศ
“ไปเลย!”
สิ้นเสียงที่เปล่งออกมาเบาๆ กระทะกลุ่มดาวเต่าดำก็ลอยลิ่วไปเบื้องบน
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำนี้มีอีกเอกลักษณ์หนึ่งที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการที่มันสามารถเปลี่ยนขนาดของตนเองได้ตามชอบใจ แต่การจะทำเช่นนั้นได้มันต้องใช้พลังปราณเที่ยงแท้จากปู้ฟางเป็นตัวช่วย
แต่คราวนี้ปู้ฟางไม่ได้ใส่พลังปราณเที่ยงแท้ของตนเข้าไปในกระทะเหมือนที่เขามักทำกับมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง กระทะกลุ่มดาวเต่าดำจึงไม่ได้เปลี่ยนขนาดแต่อย่างใด
กระทะสีดำสนิทลอยล่องไปในอากาศ เหมือนเรือลำน้อยกลางทะเลกว้างใหญ่ที่เดินทางไปสู่ใจกลางของมหาสมุทรบ้าคลั่ง
เสียงอึกทึกครึกโครมทำให้องครักษ์โลหิตทั้งสองต้องหันมามอง
ทว่าหนึ่งในนั้นกลับทำสีหน้าเย้ยหยันออกมา
นั่นเพราะเขาสามารถจับระดับพลังปราณของปู้ฟางได้ตั้งแต่แรกเห็น หมอนี่มีพลังปราณอยู่ที่ระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการเท่านั้น คนเช่นนี้มีค่าไม่ต่างจากมดปลวกในสายตาของเขา แค่ดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวก็ฆ่าให้ตายชนิดไม่เหลือซากได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้การโจมตีจากขั้นจักรพรรดิยุทธการจึงไม่ได้ทำให้เขาแยแสแต่อย่างใด
มันก็ไม่ต่างอะไรกับตอนที่มดตัวเล็กมาแยกเขี้ยวยิงฟันข่มขู่ว่าจะกัด คนปกติจะทำอย่างไรเล่า ก็คงเยาะเย้ยความไร้พิษสงของมันแล้วตบให้ตายคามือใช่หรือไม่
ทั้งสองเองก็มองกระทะที่กำลังบินมาหาด้วยทัศนคติเดียวกัน…
สิ่งนี้ไม่ได้มีคุณค่าพอให้สนใจแม้แต่น้อย
เป้าหมายหลักของพวกเขาในตอนนี้คือก้อนเหล็กสุดแข็งแกร่งที่ขับเคี่ยวกับพวกเขาได้อย่างสูสีคู่คี่นี่ต่างหาก แม้ทั้งสองจะมีพลังขั้นเซียนเทพเมื่อผนึกกำลังกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ได้เปรียบหุ่นเหล็กนี่แต่อย่างใด
ปัง ปัง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกสองครั้ง เจ้าขาวฟันมังกรสีเลือดที่พันรอบกายองครักษ์โลหิตลงอีก เมฆสีเลือดสลายตัวไปตามแรงกระแทก
องครักษ์โลหิตเซถลาไปด้านหลังสองสามก้าว แววตาเต็มไปด้วยความมุทะลุดุดัน มังกรโลหิตก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งแล้วพุ่งเข้าหาเจ้าขาวเพื่อโจมตี
กระทะสีดำที่กำลังพุ่งมาหาพวกเขานั้นเดินทางด้วยความเร็วต่อเนื่องแต่เชื่องช้า ด้วยระดับพลังปราณขององครักษ์โลหิตทั้งสอง อะไรก็ตามที่ไม่ได้เดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียงก็จะดูเหมือนหอยทากในสายตาพวกเขาอยู่ร่ำไป
กระทะที่กำลังพุ่งมาหาพวกเขาดูเหมือนหอยทากที่ดิ้นเร่าอยู่บนพื้นไม่มีผิด จะมานวดกายให้หายเมื่อยหรืออย่างไร
องครักษ์โลหิตหัวเราะอย่างเดียดฉันท์
ปู้ฟางหมุนแขนแก้เมื่อยอยู่ในร้าน แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกถึงความหนักของกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเนื่องจากเป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน แต่กระทะนั้นก็ยังจัดว่าใหญ่และมีน้ำหนักพอตัว หลังจากที่เหวี่ยงมันออกไปชายหนุ่มก็รู้สึกว่าแขนตนชาไปหมด เขาสะบัดแขนข้างที่เพิ่งใช้งาน แล้วเริ่มจ้องไปที่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำเขม็ง
“ไปให้พ้น!”
หลังจากที่ลอยอยู่ในอากาศสองสามลมหายใจ กระทะก็เดินทางไปถึงข้างตัวขององครักษ์โลหิตคนหนึ่งในที่สุด เขาหันไปมองมันอย่างรังเกียจพลางพ่นลมเยาะออกมา จากนั้นก็เรียกพลังปราณสีเลือดออกจากร่าง หมายทำลายกระทะนี้ให้แหลกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
กับอีแค่กระทะ จะทะยานขึ้นไปพบเง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์หรืออย่างไร
องครักษ์โลหิตคนนั้นมั่นใจว่าการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาก็น่าจะเพียงพอที่จะทำลายขั้นนักพรตยุทธการคนหนึ่งให้แหลกคามือได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระทะที่ขั้นจักรพรรดิยุทธการเหวี่ยงขึ้นเลย
พลังปราณสีเลือดพุ่งออกมารวดเร็วราวมังกรร้าย ก่อนจะเข้าปะทะกับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำอย่างรุนแรง
แต่กลับไม่ได้เกิดเสียงระเบิดดังลั่นซึ่งมาพร้อมชิ้นส่วนกระทะที่แหลกสลายกลางอากาศแต่อย่างใด
พลังปราณสีเลือดชนเข้ากับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเต็มๆ ทว่ามันกลับเหมือนไข่ใบน้อยที่พุ่งเข้าชนหิน ไข่ใบนั้นกลับเป็นฝ่ายแหลกสลายไปเสียเองพร้อมเสียงดังป๊อกเบาๆ
กระทะไม่ได้ถูกกระแทกจนเปลี่ยนทิศ มันยังเดินทางต่อไปข้างหน้าอย่างองอาจ
เมื่อเห็นกระทะกลุ่มดาวเต่าดำยังคงเคลื่อนที่มาข้างหน้าพร้อมเสียงลมหวีดหวิว องครักษ์โลหิตคนดังกล่าวก็ถึงกับชะงักไป
“ไอ้กระทะเวรนี่… เหตุใดจึงยังอยู่อีก” เขาตกใจจนใบหน้าแข็งทื่อ
“เจ้ายังไม่ได้ระเบิดมันให้แหลกไปอีกหรือ” องครักษ์โลหิตอีกคนถามอย่างงุนงง
กระทะพุ่งเข้ามาตรงกลางระหว่างการต่อสู้ของพวกเขากับหุ่นเชิดระดับเก้า พวกเขาจะปล่อยให้กระทะใบเดียวมาทำลายแผนการเผด็จศึกได้อย่างไร
ใบหน้าขององครักษ์โลหิตคนแรกมืดหม่นลง เขาผ่อนลมหายใจยาวออกมา จากนั้นก็เรียกพลังปราณสีเลือดให้มาคลุมแขนของตัวเองไว้ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ
ดูก็รู้ว่าองครักษ์โลหิตผู้นี้ไม่ได้ให้ค่ากระทะกลุ่มดาวเต่าดำแม้แต่น้อย ขณะที่เขากำลังจะทำลายกระทะ เขาก็หันไปมองเจ้าขาวที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเหมือนพายุเกรี้ยวกราด
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำสั่นแล้วพุ่งเข้าปะทะฝ่ามือขององครักษ์โลหิตคนนั้น ภายใต้สายตาของปู้ฟางที่จับจ้องเขม็ง ดวงตาเป็นประกาย
ฝ่ามือที่ปกคลุมไปด้วยพลังปราณเที่ยงแท้กระแทกกับกระทะ
และแล้วใบหน้าขององครักษ์โลหิตผู้นั้น… ก็พลันเปลี่ยนเป็นบูดเบี้ยว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD