นอกนครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่ว
พลังปราณแก่กล้าสลายตัวไป หมู่เมฆถูกพลังกดดันบีบอัดเข้าหากันจนดูเหมือนจะระเบิดอยู่รอมร่อ ร่างหนึ่งกระโจนออกจากหมู่เมฆลงมายืนอยู่นอกกำแพงเมือง
พลังจากการลงมายืนนั้นรุนแรงเหมือนเอาค้อนยักษ์ทุบลงบนพื้น แผ่นดินสั่นไหวรุนแรง เหล่าผู้สังเกตการณ์เห็นพื้นเบื้องล่างแตกระแหงเป็นวงเหมือนใยแมงมุม ราวกับว่าพื้นตรงนั้นกำลังจะแหลกสลายไปอย่างไรอย่างนั้น
กองทัพของจีเฉิงอวี่ถอยร่นออกจากบริเวณดังกล่าวเพื่อรักษาระยะปลอดภัย
ทุกคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ฝุ่นควันจากพื้นดินฟุ้งกระจายไปทั่ว
“นี่น่ะหรือสำนักเจดีย์นภากระจ่างแห่งดินแดนแสนภูผา มีน้ำยาแค่นี้สินะ”
เสียงเย้ยเย็นเยียบแฝงแววเดียดฉันท์ดังก้องไปทั่วฟ้า
เจ้ามู่เฉิงที่นั่งอยู่บนหลังอสูรเวทม้าข้างๆ จีเฉิงอวี่ยิ้มออกมาทันที ปรมาจารย์อาวุโสชนะการต่อสู้ในครั้งนี้เหมือนที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริงๆ เสียด้วย
วืด!
ใบหน้าของผู้คนบนกำแพงเมืองพลันซีดเผือด บรรดาผู้ฝึกตนจากดินแดนแสนภูผาเองก็หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเช่นกัน ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขา… พ่ายแพ้เช่นนั้นรึ
“ชิชะ… ไอ้ผีร้าย ยังเร็วเกินไปที่จะฉลองโว้ย!”
เมฆที่ก่อตัวจากเงาดำยุบตัวลงภายในกลุ่มควันพร้อมเสียงอุทานก่นด่า จากนั้นน้ำเต้าที่ขยายขนาดจนใหญ่โตขึ้นทันตาเห็นก็พุ่งเข้าใส่ปรมาจารย์อาวุโสที่ลอยอยู่บนอากาศ
แววรังเกียจวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของปรมาจารย์อาวุโสอีกครั้ง ผมสีขาวของเขาปลิวไสวไปในอากาศขณะที่เจ้าตัวยกฝ่าเท้าขึ้น
พลังปราณเที่ยงแท้สีดำเริ่มรวมตัวกัน บีบอัดจนกลายเป็นฝ่าเท้าขนาดยักษ์กลางนภา ฝ่าเท้ากระทืบลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง…
น้ำเต้าและฝ่าเท้าปะทะกันกลางอากาศ น้ำเต้าขนาดใหญ่สั่นสะท้าน ก่อนจะฟีบตัวกลับไปเล็กเหมือนลูกโป่งที่โดนปล่อยลมออก
ชายชราร่างท้วมมองภาพตรงหน้าจากบนพื้นด้านล่าง เขารู้สึกหดหู่เสียจนอยากกระอักเลือดออกมา น้ำเต้านั้นกลับมาประจำข้างกายเขาอีกครั้ง
แต่ฝ่าเท้ายังคงกระทืบลงมาบนพื้นดินดังเดิม
โครม!
รอยแตกระแหงปรากฏขึ้นบนพื้นที่สั่นไหวจนแผ่นดินสะเทือน รอยแตกนั้นกระจายอยู่รอบรอยเท้าขนาดใหญ่เบื้องหน้าประตูเมืองนครหลวง
ทุกคนบนกำแพงรู้สึกเหมือนหัวใจของตนเองถูกฝ่าเท้ากระทืบจนแทบจะบี้แบนติดดินไปเช่นกัน
“ผู้อาวุโสสูงสุด…”
บรรดาผู้ฝึกตนจากดินแดนแสนภูผารู้สึกเหมือนความหวังสุดท้ายหลุดลอยไปในอากาศทันที
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้ ข้ายังไม่ตาย! แค่ก...”
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนกำแพง เขายันร่างกายที่หมดสภาพของตนขึ้น เนื้อตัวของชายชราร่างท้วมเต็มไปด้วยเศษดินเศษฝุ่นมอมแมม ทั้งยังไอค็อกแค็ก
ชายชราร่างท้วมมองปรมาจารย์อาวุโสแห่งลัทธิอสุราด้วยสายตาเคร่งขรึมแล้วทอดถอนใจอยู่ในอก อีกฝ่ายกำลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างองอาจ
เคล็ดวิชาของลัทธิอสุรานั้นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ปรมาจารย์อาวุโสมีปราณอยู่ในชั้นกลางของขั้นเซียนเทพ ตัวเขาเองต่อกรกับเคล็ดวิชาเหล่านี้ไม่ได้แม้แต่น้อย
ปรมาจารย์อาวุโสมองลงมาที่ชายชราร่างท้วมด้วยสายตาไม่ยี่หระ จากนั้นก็ยกฝ่ามือของตนเองขึ้น ควันสีดำสนิทที่ก่อตัวจากพลังปราณเที่ยงแท้เริ่มหมุนวนอีกครั้ง
ทันใดนั้นจิตของเขาก็สั่นไหว ทำให้ต้องหันหน้าไปมองที่จุดหนึ่งบนกำแพงเมือง
ลำแสงสีแดงสองเส้นพุ่งผ่านฝูงชนมาอย่างรวดเร็ว มันมุ่งหน้าออกจากเมืองมาหยุดอยู่กลางอากาศ
หมอกสีเลือดกระจายตัวออกมา เผยให้เห็นร่างขององครักษ์โลหิตทั้งสอง
‘อ้อ องครักษ์โลหิตกลับมาแล้วหรือ แปลว่าน่าจะได้วงแหวนปราณผสานวิญญาณกลับมาแล้วเป็นแน่’ปรมาจารย์อาวุโสคิดกับตนเอง
แต่เมื่อได้เห็นสภาพขององครักษ์โลหิตทั้งสองคน ม่านตาของเขาก็พลันหดแคบ องครักษ์โลหิตทั้งสองอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าดูไม่จืด แถมคนหนึ่งยังแขนหายไปหนึ่งข้าง ใบหน้าซีดเผือดเหมือนคนตาย
“เกิดอะไรขึ้น สองคนนี้บาดเจ็บได้อย่างไร แล้ววงแหวนปราณผสานวิญญาณที่ควรจะนำกลับมาด้วยเล่า”
“พวกเจ้า…”
“ท่านปรมาจารย์อาวุโส… พวกข้าทำไม่สำเร็จขอรับ!”
องครักษ์โลหิตคนที่ไม่ได้บาดเจ็บตอบด้วยความคับแค้นใจ พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีหุ่นเชิดระดับเก้าที่แสนน่ากลัว พร้อมด้วยร่างกายทรงพลังและความสามารถในการต่อสู้ที่โค่นไม่ลงปกป้องร้านอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น… ยังมีไอ้บ้าในร้านที่คอยเหวี่ยงกระทะใส่ทุกคนที่ขวางหน้าด้วย!
หากไม่ใช่เพราะกระทะบินใบนั้น พวกเขาอาจมีโอกาสเอาชนะหุ่นเชิดนั่นก็เป็นได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD