ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพแห่งสำนักเมฆาขาวเป็นชายผมสั้นหน้าตาไม่เป็นมิตร ดวงตาของเขาเป็นประกายเหมือนสายฟ้า เต็มไปด้วยพลังในการต่อสู้ที่มุทะลุดุดัน เขาเป็นหัวหน้าขุนพลแห่งสำนักเมฆาขาว นามของเขาคือไป๋จ่าน เป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ ขั้นปราณอันแข็งแกร่งของเขาทำให้เขาเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสำนักเมฆาขาว จะเป็นรองก็เพียงเจ้าสำนักเท่านั้น
ผู้ฝึกตนที่วิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏส่งมาเป็นชายไร้ผม ผิวของเขาเป็นสีทองแดงทั่วทั้งตัวราวกับเอาแผ่นทองแดงมาหลอมติดไว้ พลังปราณก็แข็งแกร่งน่ากลัวมากเช่นกัน
ข้างชายหัวโล้นคืออสูรเวทปักษาที่มีปีกคมกริบเหมือนกระบี่ มันแผ่ไอเย็นออกไปทั่วบริเวณ อสูรเวทปักษานี้เป็นอสูรเวทระดับแปด มีนามว่าปักษากระบี่
ผู้นำแห่งวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์เป็นชายไร้ผมนามว่าจินคุน เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งด้วยมัดกล้าม และมีพลังปราณที่สูงส่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสองเดินทางมาถึงนครหลวงแห่งจักรวรรดิวายุแผ่วในที่สุด
ทว่าทั้งสองกลับงุนงงพอตัวเมื่อมาถึง ข่าวที่พวกเขาได้รับล่าสุดคือปีศาจร้ายแห่งลัทธิอสุราสมคบคิดกับกองทัพของจีเฉิงอวี่เพื่อเข้ายึดนครหลวง แต่… ดูเหมือนว่ารอบเมืองจะไม่มีกองทหารอยู่แม้แต่กองเดียว
นอกจากนี้นครหลวงก็ยังตั้งอยู่อย่างดี ไม่ได้ตรงกับภาพการถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองในสมองพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
หรือว่าข่าวกรองที่ได้รับมาจะผิดกัน
ขณะที่ผู้ฝึกตนทั้งสองยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่นั้น จีเฉิงเสวี่ยก็มาเชิญพวกเขาไปที่ท้องพระโรง ถึงอย่างไรทั้งสองก็เป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ และถือเป็นชนชั้นนำของดินแดนทางใต้
จีเฉิงเสวี่ยเข้าใจถึงอำนาจและความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพเป็นอย่างดี หลังจากได้เห็นซากปรักหักพังรอบร้านเล็กๆ ของฟางฟาง สิ่งที่เขาตกตะกอนได้คือ… ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพสามารถทำลายทั้งเมืองให้หายไปภายในวันเดียวได้หากเริ่มลงมือต่อสู้
ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิหนุ่มจึงไม่กล้าเพิกเฉยต่อคนทั้งคู่ แม้นครหลวงจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งใหญ่ไปแล้ว แต่เขาก็ยังดีใจที่ขั้นเซียนเทพทั้งสองเดินทางมาเพื่อมอบความช่วยเหลือให้อาณาจักร
จีเฉิงเสวี่ยอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองหายสงสัย เขาเล่าเรื่ององครักษ์โลหิตและปรมาจารย์อาวุโสแห่งลัทธิอสุราให้คนทั้งคู่รับรู้
ไป๋จ่านที่มีสีหน้าเรียบเฉยเคร่งเครียดเลิกคิ้วหนาขึ้นทันทีพลางมองหน้าจีเฉิงเสวี่ย
จินคุน ผู้นำแห่งวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์ไม่ได้มาเพื่อช่วยเหลือจักรวรรดิวายุแผ่วเท่านั้น แต่ยังมาที่นครหลวงแห่งนี้เพื่อแก้แค้นให้กับความตายของเซี่ยต้าและเซี่ยอวี่ด้วย
แต่หลังจากได้ฟังสิ่งที่จีเฉิงเสวี่ยเล่า เขาก็อดสะดุ้งไม่ได้
“เจ้าจะบอกว่าผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพของลัทธิอสุราถูกร้านแห่งนี้สังหารรึ” จินคุนที่มีศีรษะโล้นสะท้อนแสงเบิกตากว้าง ใบหน้าดูตกใจเป็นอันมาก
เขารู้จักปรมาจารย์อาวุโสของลัทธิอสุราเป็นอย่างดี ในฐานะผู้นำแห่งวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์ เขาย่อมต้องรู้จักผู้ฝึกตนอันดับต้นๆ ของลัทธิอสุราอยู่แล้ว ปรมาจารย์อาวุโสเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชั้นกลาง หากต้องต่อกรกับคนผู้นี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจเอาชนะไม่ได้ก็เป็นได้
แต่กลับเป็นขั้นเซียนเทพผู้แข็งแกร่งที่เสียชีวิตในตรอกเล็กๆ หน้าร้านธรรมดาๆ ของนครหลวงแห่งจักรวรรดิวายุแผ่วเสียนี่
ร้านเล็กๆ นี่ลึกลับถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ยังไม่พอ ร้านแห่งนี้… ยังเป็นสถานที่ที่เซี่ยต้าและเซี่ยอวี่ถูกสังหารอีกด้วย!
จีเฉิงเสวี่ยไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาทำเพียงยิ้มให้จินคุนและไป๋จ่านที่ยังคงตกใจอยู่เท่านั้น จักรพรรดิหนุ่มเข้าใจดีว่าข่าวนี้ต้องใช้เวลาในการยอมรับ จึงไม่ได้พูดอะไรนอกจากจัดที่พักอาศัยให้ทั้งสองก่อนจะเดินออกจากท้องพระโรงไป
…
ความมืดเข้าปกคลุมนครหลวง สายลมค่ำคืนพัดพาเมฆสีเทาไปในท้องฟ้า ม่านหมู่เมฆบดบังจันทร์เสี้ยวสองดวงจนแทบมองไม่เห็น มองดูเหมือนใบหน้าเด็กสาวผู้เอียงอายที่ซ่อนอยู่หลังผ้าคลุมหน้าไม่มีผิด
ณ บริเวณที่พักที่ผู้ฝึกตนจากสำนักเมฆาขาวอาศัยอยู่
ไป๋จ่านมองจ่านคงที่ยืนทำหน้าซีดอยู่ตรงหน้าเงียบๆ หลังจากได้ฟังรายงานของจ่านคง จิตใจที่สงบลงแล้วก็กลับมาปั่นป่วนอีกครั้ง หัวใจของเขาสั่นสะท้านเหมือนน้ำกระเพื่อมในสระ
“เจ้าจะบอกว่า… ทุกสิ่งที่จักรพรรดิเล่าให้ข้าฟังเป็นเรื่องจริงเช่นนั้นหรือ ร้านเล็กๆ แห่งนี้… ทำให้องครักษ์โลหิตสองคนบาดเจ็บ ทั้งยังสังหารปรมาจารย์อาวุโสแห่งลัทธิอสุราอีกเนี่ยนะ” ไป๋จ่านขมวดคิ้วหนา สูดลมเย็นเข้าปอดก่อนเอ่ยถาม
จ่านคงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่หัวหน้าขุนพลถามเรื่องนี้ ถึงจะฟังดูไม่น่าเชื่อเพียงใด แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น… ก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด
“ร้านนี้… ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง ตอนที่ข้าจะมานครหลวง แม่นางอูกำชับกับข้าเหลือเกินว่าให้ดูแลร้านนี้ให้ดี ดูเหมือนว่าความกังวลของนางจะไม่จำเป็นแล้ว” ไป๋จ่านเอ่ย
เมื่อได้ยินไป๋จ่านพูดถึงอูอวิ๋นไป๋ จ่านคงก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “ท่านหัวหน้าขุนพลขอรับ แม่นางอู… คงกำลังเดินทางไปเยือนนครมหาอสรพิษอยู่ใช่หรือไม่ขอรับ การให้นางไปพบประมุขอสรพิษเช่นนั้นปลอดภัยจริงหรือ”
“ไม่ต้องกังวลไป แม้ประมุขอสรพิษจะมีพลังปราณแก่กล้าในเผ่าพันธุ์มนุษย์อสรพิษ แต่ก็ยังต้องทำตามกฎ แม่นางอูจะปลอดภัยแน่นอน สิ่งที่เราควรสนใจตอนนี้คือร้านแห่งนี้มากกว่า การที่ร้านนี้สามารถสังหารผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพได้ แปลว่าร้านนี้เป็นกลุ่มอำนาจหนึ่งในดินแดนทางใต้ที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยทีเดียว พรุ่งนี้เราลองไปเยี่ยมร้านนี้กันดูเถิด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD