ซอสพริกอเวจีทำมาจากพริกชี้ฟ้าสีแดงจากอเวจีที่คัดมาอย่างประณีตว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง พริกชี้ฟ้าเหล่านี้ถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังงานสารัตถะของปีศาจนรก ทำให้ความเผ็ดของมันเรียกได้ว่ากินแล้วเตรียมบอกลาครอบครัวได้เลย
แดนอเวจีนั้นทั้งมืดมิด เปียกชื้น และหนาวเหน็บ ด้วยเหตุนี้บรรดาปีศาจนรกจึงชื่นชอบซอสพริกอเวจีเป็นอันมาก พวกมันจะกลืนซอสพริกอเวจีเข้าไปเต็มคำ จากนั้นก็จะรู้สึกเหมือนภายในกายกลายเป็นเตาหลอมเปลวเพลิงที่ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ซอสพริกอเวจีจึงเป็นหนึ่งในอาหารชั้นเลิศสำหรับปีศาจนรก
แต่แน่นอนว่าปีศาจนรกเองก็ต้องทนกับความเผ็ดที่เหมือนถูกส่งลงนรกอีกรอบจากซอสพริกอเวจีด้วยเช่นกัน
ดวงตาของเซียวเสี่ยวหลงเบิกกว้าง ขณะมองฉากที่ปู้ฟางกำลังยิ้มมุมปากแล้วตักซอสพริกอเวจีช้อนใหญ่เทลงบนเต้าหู้ผัดพริกอย่างสบายอารมณ์
แบบนี้… จะรอดจริงๆ น่ะหรือ
เขายังจำตอนที่ปู้ฟางใช้ซอสพริกนี้เพียงหนึ่งหยดได้เป็นอย่างดี แม้เวลาจะผ่านไปนานมากแล้วตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น แต่เขาก็จำได้แม่นว่าซอสพริกหยดนั้นเกือบทำให้คนที่กินเข้าไปแทบตายได้เลยทีเดียว
แต่คราวนี้คนตรงหน้ากลับตักขึ้นมาพูนช้อน…
เถ้าแก่ปู้ นี่ท่านตั้งใจจะฆ่าลูกค้าให้ตายคามือรึ
เซียวเสี่ยวหลงรู้สึกสงสารคนที่สั่งอาหารจานนี้ขึ้นมาจับใจ เหตุใดคนผู้นั้นจึงต้องทำตัวปากหาเรื่องไม่เข้าท่าเช่นนี้ด้วย เขาประกาศออกมาว่าตนเองต้องการอาหารรสจัดมาก และตอนนี้ก็กำลังจะได้กินสมใจอยากแล้ว
หากอาหารจานนี้ยังรสจัดไม่พอ เซียวเสี่ยวหลงยอมโดนซ้อมน่วมที่ท้ายตรอกเลยคอยดู
ปู้ฟางหยิบชามกระเบื้องออกมาแล้วเทเต้าหู้ผัดพริกลงไป สีแดงของอาหารจานนี้ดูสวยเป็นอันมาก ส่วนสายฟ้าที่ไหลไปมาในจานก็ดูเหมือนจิตวิญญาณที่แหวกว่ายไปมาอย่างงดงาม ดูสวยเกินจะหาสิ่งใดเปรียบได้
“ใช้ได้ๆ”
ปู้ฟางดูพอใจกับอาหารที่ออกมาพอตัว เขาเอาจมูกเข้าไปใกล้เต้าหู้ผัดพริกสายฟ้าแล้วสูดกลิ่นเบาๆ จากนั้นก็มุ่นคิ้วทันที รู้สึกได้ว่าเจ็บจมูกเล็กน้อย
ชายหนุ่มเดินถือเต้าหู้ผัดพริกจานพิเศษออกจากครัวไป
เมื่อเซียวเสี่ยวหลงเห็นปู้ฟางกำลังเดินออกจากห้องครัว เขาก็ครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนตัดสินใจเดินตามออกไปด้วย ชายหนุ่มสนใจเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นอันมาก คงน่าเสียดายแย่หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง
จินคุนหรี่ตาลงเมื่อเห็นร่างโปร่งกำลังเดินออกจากครัวมาอย่างสบายอารมณ์ ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถือชามอาหารเอาไว้ในมือด้วย อาหารจานดังกล่าวมีไอร้อนหนาอยู่ด้านบน
มาแล้ว!
จินคุนยืดตัวขึ้นพลางเพ่งสติทันที
เจ้าภูมิใจกับอาหารฝีมือตนเองมากใช่หรือไม่ ข้าจะทำให้เจ้าสงสัยในการมีชีวิตอยู่ของตนเองไปตลอดชีวิต ด้วยการด่าอาหารของเจ้าชนิดสาดเสียเทเสียมันเสียเลย
ชามกระเบื้องที่มีไอหนาแน่นถูกวางลงตรงหน้าจินคุน
กลิ่นของอาหารจานนี้เข้มข้นมาก กลิ่นของมันฟุ้งกระจายไปทั่วร้านพร้อมไอน้ำ แม้แต่ไป๋จ่านเองยังต้องหยุดปากแล้วหันมามองอาหารจานตรงหน้าจินคุน
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายขึ้นทันที
จ่านคงเองก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่รู้ตัวเอง พลางมองไปยังอาหารที่ปู้ฟางทำให้จินคุนด้วยเช่นกัน
ผู้ฝึกตนจากดินแดนป่ารกชัฏนั้นชอบอาหารรสเผ็ดเสียยิ่งกว่าอะไร อุปนิสัยของพวกเขาทั้งบ้าระห่ำและป่าเถื่อน ไม่ต่างอะไรจากรสนิยมของพวกเขา
จ่านคงเคยกินอาหารร้านปู้ฟางมาหลายจาน และรู้ดีว่าร้านนี้ไม่ถนัดการทำอาหารรสจัดมาก เขาจึงสงสัยไม่น้อยว่าอาหารที่ปู้ฟางนำออกมาในครั้งนี้จะทำให้จินคุนพอใจได้หรือไม่
จินคุนเบิกตากว้างเมื่อมองไปที่จานอาหารตรงหน้าตน
สีแดงของอาหารจานนี้สวยงามเป็นอันมาก ส่วนสายฟ้าที่วิ่งอยู่ภายในเต้าหู้ผัดพริกก็ทำให้จินคุนรู้สึกได้ว่ารูขุมขนทั่วร่างของตนเองเปิดออกเล็กน้อย
เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเอากลิ่นอาหารเข้าปอด จากนั้นดวงตาก็ต้องเบิกกว้างอีกครั้ง
เป็นอาหารรสเผ็ดจริงๆ เสียด้วย ดมจากกลิ่นก็รู้ว่าต้องเผ็ดมากแน่ๆ
“อาหารจานนี้ชื่อเต้าหู้ผัดพริกสายฟ้า เป็นเต้าหู้ผัดพริกที่ทำด้วยกรรมวิธีพิเศษ รสชาติทั้งเผ็ดและจัดจ้านเป็นอันมาก” ปู้ฟางเอ่ยแนะนำอาหารให้ลูกค้าฟัง
หลังจากที่กล่าวแนะนำเสร็จ ปู้ฟางก็มองหน้าจินคุนด้วยท่าทางสงบนิ่ง เหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายลองชิมดู
ผู้อาวุโสซุนที่นั่งอยู่ข้างจินคุนกลืนน้ำลายเสียงดังเอื๊อกทันที
“เฮ้ยๆ … เจ้าไม่ใช่คนที่จะตัดสินว่าอาหารจานนี้รสจัดหรือไม่ นั่นมันหน้าที่ข้า”
จินคุนยิ้มเยาะ จากนั้นก็หยิบช้อนกระเบื้องที่วางอยู่ข้างชามขึ้นมา เขาสูดหายใจเอากลิ่นเต้าหู้เข้าปอดอีกครั้ง แล้วตักเต้าหู้ขึ้นมาเต็มช้อน
ทันทีที่ยกช้อนขึ้น ช้อนนั้นก็ทิ้งสายน้ำซอสสีแดงยืดไว้เป็นทาง พร้อมด้วยสายฟ้าที่เต้นเร่าๆ อยู่ภายใน
ภาพนั้นทำให้สีหน้าของปู้ฟางทวีความตื่นเต้นขึ้นอีก เขาลากเก้าอี้เข้าไปใกล้จินคุนพลางนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็จ้องอีกฝ่ายเขม็ง
จินคุนค่อยๆ ยกช้อนที่มีเต้าหู้อยู่ภายในขึ้นมา เต้าหู้นั้นเป็นสีแดงเสียจนเหมือนเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นเขาก็ยัดมันเข้าปาก สายฟ้าที่ดูเหมือนจะทำให้ปากของเขาชาได้เพียงจุดเดียว กลับทำให้ทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมด
พอกลืนลงท้อง ตอนแรกจินคุนสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของเต้าหู้ เต้าหู้นั้นนุ่มนิ่มจนละลายในปากเพียงแค่กัดลงไปเบาๆ ไม่นานปากของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมเข้มของเต้าหู้ จากนั้นก็ตามมาด้วยความชาจากสายฟ้าในจานอาหาร ทำให้ร่างทั้งร่างรู้สึกเหมือนตกลงไปในบ่อสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น หลังความชาก็ตามมาด้วยความรู้สึกร้อนเหมือนโดนอะไรลวกทันที
ด้วยความที่จินคุนเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ ความรู้สึกร้อนเหมือนโดนเผาจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา แต่ความรู้สึกร้อนที่จินคุนสัมผัสได้ในตอนนี้กลับไม่ใช่ความรู้สึกร้อนจริงๆ แต่เป็นความรู้สึกร้อนที่ปู้ฟางใช้พลังปราณเที่ยงแท้ของตนใส่เข้าไปในอาหารเพื่อสร้างมันขึ้นมา นั่นเพราะจินคุนเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความร้อน ต่อให้ถูกเปลวไฟเผาไหม้ก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ตอนที่จินคุนรู้สึกถึงความร้อนที่เหมือนโดนอะไรลวก เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณเที่ยงแท้เข้มข้นที่พัวพันอยู่ในปากของตนเองด้วยเช่นกัน
จากนั้นความรู้สึกต่อมาก็พุ่งเข้ายึดครองต่อมรับรสของเขาทันที
ผู้อาวุโสซุนที่กำลังจ้องจินคุนเขม็งดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นชายตรงหน้าดื่มด่ำกับรสชาติอาหาร เนื่องจากรับรู้เป็นอย่างดีว่าผู้นำแห่งวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์ผู้นี้มีต่อมรับรสที่ตายด้านเพียงใด
ไป๋จ่านเองก็จ้องจินคุนไม่วางตาเช่นกัน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังดื่มด่ำกับอาหารจานตรงหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากชิมอาหารของจินคุนสักคำ
ขณะที่จินคุนกำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยนั้น ใบหน้าของเขาก็พลันแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโพลงจ้องมาที่ปู้ฟางทันที ความเผ็ดจนแทบทานทนไม่ไหวพุ่งเข้าจู่โจมต่อมรับรสของเขา ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังกินหินหลอมละลายร้อนๆ จากใต้โลก ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลัน
แต่สีผิวตามธรรมชาติของจินคุนเดิมทีก็เป็นสีทองแดงอยู่แล้ว ทำให้ผิวของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงดูไม่ชัดเจนนัก จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD