ดินแดนแสนภูผารึ
เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีอุบัติขึ้นที่ดินแดนแสนภูผาเช่นนั้นหรือนี่…
ปู้ฟางเคยได้ยินชื่อดินแดนแสนภูผามามากกว่าหนึ่งครั้ง ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองประจิมเร้นลับก็มีโอกาสได้เห็นแนวเทือกเขาของดินแดนแสนภูผาจากระยะไกลด้วย เขาเคยได้ยินมาว่าดินแดนแห่งนี้เป็นเทือกเขากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เต็มไปด้วยอสูรเวทและวัตถุดิบมากมายให้เก็บเกี่ยว สถานที่แห่งนี้เป็นจุดที่มีชื่อเสียงในดินแดนทางใต้เลยทีเดียว
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนทางใต้ ดินแดนแสนภูผายังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าปราการธรรมชาติ ทวีปมังกรซ่อนเร้นนั้นเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต และดินแดนทางใต้นั้นก็เป็นเพียงมุมเล็กๆ ในทวีปเท่านั้น หากข้ามดินแดนแสนภูผาไป ก็จะสามารถออกจากดินแดนทางใต้ไปสู่โลกกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของทวีปมังกรซ่อนเร้นได้
แต่การข้ามดินแดนแสนภูผาไปนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง หากนักเดินทางผู้นั้นไม่ได้มีพลังปราณที่แข็งแกร่งพอ การทะเล่อทะล่าเข้าไปในดินแดนแสนภูผาคงไม่ต่างอะไรจากการเดินเข้าปากประตูแห่งความตาย
การที่เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีอุบัติขึ้นในสถานที่แห่งนั้นเหนือความคาดหมายของปู้ฟางเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร
ปู้ฟางคิดมากมายหลายสิ่งอยู่ในหัวขณะกำลังเช็ดผมให้แห้ง
ดินแดนแสนภูผาเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมายที่ซ่อนอยู่ในซอกหลืบของหุบเขา อย่างไรเสียสถานที่แห่งนั้นก็เป็นเทือกเขากว้างใหญ่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีขุมทรัพย์ซ่อนอยู่นับอนันต์
แม้แต่ในป่าเก่าแก่บนดาวโลกยังมีทรัพยากรซุกซ่อนอยู่มากมาย สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาแสนล้ำค่ายังสามารถหาได้ในป่าบนดาวโลก แล้วบนทวีปมังกรซ่อนเร้นแห่งนี้จะไม่มีสิ่งของล้ำค่าซุกซ่อนอยู่บ้างได้อย่างไรกัน
สิ่งเดียวที่ปู้ฟางต้องทำในตอนนี้คือคิดว่าเขาต้องเตรียมอะไรไปบ้างสำหรับการออกเดินทางในสามวันข้างหน้า
…..
ณ นครหลวงแห่งจักรวรรดิวายุแผ่ว
บริเวณที่พักแห่งหนึ่งในวังหลวง
จินคุนแบกร่างของผู้อาวุโสซุนเหาะมาในอากาศมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่พัก เขาเคลื่อนไหวราวกับกำลังเหยียบอยู่บนสายลม จินคุนโยนผู้อาวุโสซุนลงบนพื้น จากนั้นก็รีบรุดเข้าห้องของตนเอง เขาหยิบกาน้ำชาขึ้นมาแล้วเทใส่ปากของตนทันที
ตอนนี้ความรู้สึกเผ็ดรุนแรงจนเหมือนจะส่งเขาไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ยังคงปักหลักอยู่ในปากของเขาไม่ยอมไปไหน เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าชาในกานั้นจะร้อนเพียงใดขณะตั้งหน้าตั้งตาเทมันใส่ปากอั้กๆ
บรรดาข้ารับใช้ในที่พำนักต่างตกใจกับภาพที่เห็น และพากันยกกาน้ำชากาแล้วกาเล่ามาให้
หลังจากที่ดื่มชาเจ็ดแปดกาลงท้องไป ความเผ็ดที่ยังคงตั้งป้อมอยู่ในปากก็พากันถอยทัพไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงริมฝีปากอยู่ดี
มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าริมฝีปากของเขากลายสภาพเป็นไส้กรอกที่กำลังถูกปิ้งอยู่บนเตาถ่านไม่มีผิด
จินคุนผ่อนลมหายใจยาวออกมาพลางเอนกายลง พยายามหายใจให้ทัน เขาแลบลิ้นออกมา แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำให้ลิ้นหายร้อนด้วยการสูดลมเย็นเข้าไปในปาก
หลังจากไปสำรวจมาเรียบร้อย เขาก็เชื่อเต็มเปาแล้วว่าอสูรเวทขั้นเซียนเทพของร้านนี้เป็นผู้สังหารปรมาจารย์อาวุโสของลัทธิอสุราตายคาที่จริงๆ
เพราะแค่อาหารจานเดียวก็ยังทำเขาเกือบต้องทิ้งชีวิตไว้ที่ร้าน… ร้านแห่งนี้ช่างมีกลยุทธ์แปลกประหลาดซุกซ่อนอยู่มากมายเสียจริง
ต้องอย่าลืมว่าเขาเป็นถึงผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ ร่างกายและระดับพลังปราณของเขาบรรลุขั้นเซียนเทพเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งจนแทบจะไร้เทียมทาน อย่าว่าแต่พริกหนึ่งเม็ดเลย ต่อให้เขากินพริกเข้าไปภูเขาหนึ่ง เขาก็ไม่มีทางแม้แต่จะขมวดคิ้ว
แล้วปู้ฟางใส่พริกชนิดใดเข้าไปในอาหารแสนอร่อยจานนั้นกัน หลังจากที่กินเข้าไปสองช้อนพูนๆ เขาก็ถึงกับต้องบ่อน้ำตาแตกหมดท่า
ผู้อาวุโสซุนนอนพังพาบอยู่บนพื้น ริมฝีปากบวมเป่งไม่เหลือสภาพ หลังจากผ่านไปนาน ปากของเขาก็ยังคงบวมเหมือนจะปริจากการกินอาหารแสนเผ็ดจานนั้นเข้าไป จินคุนไม่ได้สนใจผู้อาวุโสซุนที่ยังกลิ้งอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย เพราะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
นอกจากจินคุนก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ คนคนนั้นก็คือไป๋จ่านที่พำนักอยู่ในตึกข้างๆ จินคุนนั่นเอง
ในฐานะสำนักที่ไม่ได้แข็งแกร่งน้อยไปกว่าวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารักชัฏเลยแม้แต่น้อย สำนักเมฆาขาวเองก็รู้สึกกลัวร้านแห่งนี้เช่นกัน ไป๋จ่านและจินคุนสรุปได้ทันทีว่าปู้ฟางผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนจากจักรวรรดิวายุแผ่วอย่างแน่นอน เผลอๆ ชายหนุ่มอาจจะไม่ได้มาจากดินแดนทางใต้เสียด้วยซ้ำ
แม้แต่อสูรเวทระดับเก้าที่นอนอืดอยู่หน้าร้านอย่างขี้เกียจจนขนขึ้นฟูนั่น ดูอย่างไรก็ไม่ได้มาจากแดนใต้ด้วยเช่นกัน
ทั้งสองรู้จักผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทุกคนและอสูรเวทขั้นเซียนเทพทุกตัวในดินแดนทางใต้เป็นอย่างดี
นอกจากสำนักเมฆาขาว วิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ นครมหาอสรพิษ สำนักความลับแห่งสวรรค์ สำนักเจดีย์นภากระจ่างแล้ว อีกกลุ่มอำนาจหนึ่งที่มีผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพอยู่ในอาณัติ ก็เห็นจะมีเพียงลัทธิอสุราเท่านั้น
และด้วยความที่ร้านแห่งนั้นสังหารปรมาจารย์อาวุโสแห่งลัทธิอสุราไป แปลว่าพวกเขาย่อมไม่ใช่คนของลัทธินั้นด้วยเช่นกัน
ส่วนอสูรเวทขั้นเซียนเทพในดินแดนทางใต้นั้นมีอยู่สองตัวเท่านั้น ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนแสนภูผา ส่วนอีกตัวอาศัยอยู่ในดินแดนป่ารกชัฏ อสูรเวทขั้นเซียนเทพนั้นหาได้ยากยิ่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพเสียอีก
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาตกใจเมื่อได้ยินว่าที่ร้านแห่งนั้นมีอสูรเวทขั้นเซียนเทพนอนเฝ้าอยู่
จินคุนอยากจะชำระแค้นให้เซี่ยต้าและเซี่ยอวี่ แต่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าร้านแห่งนั้นจะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือลืมเรื่องนี้ไปก็เท่านั้น
และแล้วเรื่องที่เกิดจากลัทธิอสุราก็จบลงด้วยประการฉะนี้ ทั้งสำนักเมฆาขาวและวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารักชัฏออกคำสั่งให้ผู้ฝึกตนของตนเดินทางกลับ คนจากกลุ่มอำนาจทั้งสองแห่งจึงออกจากนครหลวงอย่างรวดเร็ว
ในวันที่สอง จีเฉิงเสวี่ยก็บอกลาผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสองด้วยความเคารพนบนอบ
พอคนทั้งคู่จากไป กษัตริย์หนุ่มจึงผ่อนคลายความตึงเครียดได้อย่างแท้จริง หากทั้งสองยังอยู่ในนครหลวง เขาก็จะรู้สึกกดดันไม่รู้จักจบสิ้น เมื่อทั้งสองจากไปเรียบร้อย ทุกอย่างจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD