ยามค่ำคืนในดินแดนแสนภูผานั้นเงียบสงัดเสียยิ่งกว่าป่าช้า เมื่อเดินไปตามถนนที่ทอดยาวไปบนเขา สายลมเย็นจากขุนเขาประหลาดจะพัดหอบมาปะทะร่างกาย ยิ่งก้าวเท้าเข้าไปลึกเท่าไหร่ ความหนาวเหน็บก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น
เพียงก้าวขาเข้าไปในดินแดนแห่งเทือกเขาสูงชันหนึ่งก้าว บรรยากาศรอบกายก็พลันเปลี่ยนไปทันที
ถนนสายแคบแห่งนี้เต็มไปด้วยใบไม้ใบหญ้าที่ร่วงหล่น มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวประหลาดเหมือนกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของสุราที่กำลังอยู่ในกระบวนการหมัก
ท่ามกลางความเงียบงัน เหล่าแมลงพากันร้องระงมประสานเสียงเบาๆ เหมือนวงดนตรีที่กำลังประโคมบทเพลงแห่งธรรมชาติ
กรอบ แกรบ
ปู้ฟางเหยียบลงบนใบไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้น พรมใบไม้หนานุ่มพากันยุบตัวลงเหมือนนุ่นนุ่มใต้ฝ่าเท้า เป็นสัมผัสที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับจากดินแดนที่เต็มไปด้วยหินผาแห่งนี้
แสงสีเงินยวงของดวงจันทร์บนท้องฟ้าถูกบดบังเอาไว้ด้วยหมู่ไม้ด้านล่างจนหมดสิ้น ต้นไม้หนาแน่นเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์นี้ บอกได้เป็นอย่างดีว่าดินแดนแสนภูผานั้นเป็นป่าที่อยู่คู่ทวีปแห่งนี้มาอย่างยาวนาน
กิ่งก้านสาขาของต้นไม้เหล่านี้แผ่ขยายไปสุดลูกหูลูกตา เมื่อลมพัดมา กิ่งไม้เหล่านี้ก็โบกสะบัดตามสายลมเหมือนปีศาจร้ายที่กำลังกวัดแกว่งกรงเล็บ
หากต้องมาเดินอยู่ในบรรยากาศน่าขนหัวลุกเพียงนี้ ใครก็ตามที่ยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่ ย่อมต้องรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นจิตใจจนแทบทานทนไม่ไหวแน่นอน
แต่ไม่ใช่ปู้ฟาง เนื่องจากเขามีเจ้าขาวเดินดุ่มๆ อยู่ข้างหลัง ทำให้มั่นใจได้ว่าตนเองจะปลอดภัยหายห่วง หลังจากที่หันไปตบพุงเจ้าขาวเบาๆ ชายหนุ่มก็เดินหน้าต่อไปเหมือนกับว่าเจ้าขาวได้ส่งพลังความกล้าหาญมาให้เขาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ดินแดนแสนภูผาเต็มไปด้วยอันตราย แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยขุมสมบัติและทรัพยากรมากมาย เรื่องนี้เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
หลังจากก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ชายหนุ่มก็เริ่มดมอากาศฟุดฟิดพลางคิ้วเลิกขึ้น เบื้องหน้าไม่ไกลมีสมุนไพรที่เติบโตอยู่บนเนินดินเล็กๆ ระหว่างต้นไม้เก่าแก่สองต้น
สมุนไพรต้นนั้นเป็นสมุนไพรพลังปราณสีแดงแสบตา กลิ่นของมันเองก็แสบทรวงไม่แพ้สี แค่ดมเข้าไปนิดเดียวก็ทำให้ขมวดคิ้วนิ่วหน้าได้แล้ว กลิ่นนั้นเรียกเอาความทรงจำเกี่ยวกับเลือดที่สาดกระเซ็นออกมา
“หญ้าหัวใจโลหิต… สมุนไพรพลังปราณระดับห้า” เขาพึมพำ ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันทีขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้
แม้หญ้าหัวใจโลหิตจะมีสีแดงฉานสมชื่อ แต่ลักษณะของมันจัดได้ว่าสวยงามเกินใคร ลำต้นดูอ่อนช้อยบอบบางเหมือนสาวน้อยร่างอ้อนแอ้นอรชร ทั้งยังมีลวดลายประณีตวิจิตร ดูจากมุมไหนก็สวยงามเป็นอย่างยิ่ง
แกรก แกรก
แต่เบื้องหลังความงามมักมีพิษร้ายซ่อนอยู่เสมอ และคราวนี้ก็มาในรูปแบบของ—จิตสังหาร! หลังสมุนไพรต้นนี้มีงูตัวเล็กที่สีแดงไม่ต่างกันซ่อนอยู่ เกล็ดของมันเป็นประกายในยามค่ำคืนดูราวกับเป็นอัญมณีสีแดงเลือด ลิ้นสีดำสนิทส่งเสียงขู่ฟ่อๆ ในอากาศ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่มนุษย์ซึ่งยืนโทนโท่อยู่เบื้องหน้า
อสูรเวทระดับห้า! ปู้ฟางอุทานกับตนเองด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ได้ตกใจอยู่นานเนื่องจากฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ตรงหน้าเขานี้เป็นสมุนไพรพลังปราณ ถึงจะเป็นเพียงระดับห้าแต่ก็ยังจัดว่าหายาก ดังนั้นย่อมต้องมีองครักษ์ประจำตัวเสมอ
นี่กระมังเหตุผลที่ทำให้ดินแดนแสนภูผาอันตรายเหลือ เพราะทุกอย่างที่ดูเหมือนขุมทรัพย์มักจะหล่อเลี้ยงอสูรเวทประจำตัวเอาไว้ และอสูรเวทเหล่านี้ก็ทำหน้าที่อารักขาราวกับเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์
ทั้งอสูรและพืชพันธุ์ต้องพึ่งพากันและกันเพื่อความอยู่รอด
งูตัวเล็กสีแดงสดจ้องปู้ฟางอยู่เป็นนาน ทักใดนั้นดวงตาของมันก็หรี่ลง ปากส่งเสียงขู่ฟ่อแหลมสูง แล้วกระโจนมาข้างหน้าเหมือนสายฟ้าสีแดงสด พุ่งเข้าหาชายหนุ่มทันที
ผู้ที่กล้าอยากได้สมบัติของมัน เห็นทีจะมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่!
งูตัวเล็กตัวนี้มีนิสัยดุร้าย ทั้งการเคลื่อนไหวก็ยังจัดว่าเร็วสำหรับอสูรเวทระดับมัน หากผู้ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้ามันในตอนนี้เป็นผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการ คงจะพบกับความลำบากมิใช่น้อยเลยทีเดียว
แต่ปู้ฟางมิได้เป็นเช่นนั้น ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งอยู่แม้ในยามคับขัน
ตอนนี้เขามีพลังปราณอยู่ในขั้นนักพรตยุทธการ และย่อมมีพละกำลังยอดเยี่ยมตามขั้นพลังปราณของตนเอง ชายหนุ่มไม่ได้หยิบอุปกรณ์พ่อครัวเทพออกมาด้วยซ้ำ เขาเพียงเรียกพลังปราณเที่ยงแท้ออกจากร่าง แล้วยื่นมือไปจับงูที่กำลังพุ่งตรงมาราวกับเป็นคีม
ดูจากสีของงูปู้ฟางก็รู้ว่ามันมีพิษ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องจัดการมันอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ
พลังปราณเที่ยงแท้ของชายหนุ่มระเบิดออกมา เขาหรี่ตา พลางใช้ทักษะการใช้มือของตนฟาดลงไปยังจุดอ่อนบนร่างกายงู งูตัวน้อยสั่นสะท้าน มันต่อต้านแรงโจมตีอยู่ชั่วอึดใจเดียว ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา แล้วตายลงในมือของชายหนุ่ม
ในฐานะพ่อครัว แน่นอนว่าเขาย่อมมีทักษะพิเศษในการจัดการวัตถุดิบอยู่แล้ว เขาจับที่หัวและหางของงู จากนั้นก็ม้วนมันเป็นขดแล้วเก็บใส่กระเป๋าไป
ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอสูรเวทมาขวางทางแล้ว ปู้ฟางจึงสามารถเก็บสมุนไพรพลังปราณได้อย่างสบายใจ เขาก้าวไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นก็ถูกกระแสพลังปราณอีกระลอกพุ่งเข้าปะทะ ทำเอาต้องยืนอึ้งอยู่กับที่
หญ้าหัวใจโลหิต… ดูเหมือนว่าจะมีอายุพอตัวเลยทีเดียว แปลว่าคุณภาพย่อมต้องยอดเยี่ยมตามไปด้วย!
ค่ำคืนในป่าลึกนี้ไม่ได้สบายเหมือนเดินเล่นชมทัศนียภาพในสวนดอกไม้ แน่นอนว่าปู้ฟางไม่ได้วางแผนว่าจะเดินทางบุกตะลุยต่อไปเรื่อยๆ พร้อมร่างกายที่เหนื่อยอ่อน เขาตั้งใจจะหาที่พักผ่อนเอาแรงจนกว่าจะรุ่งสาง
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่สนใจสมุนไพรวิญญาณที่บังเอิญเจอเข้าระหว่างทาง
จุดที่ปู้ฟางอยู่ในตอนนี้แม้จะเป็นหนึ่งในบริเวณดินแดนแสนภูผา แต่ก็ยังไม่ใช่ส่วนลึก จึงยังไม่มีสมุนไพรพลังปราณระดับเจ็ดหรือแปด
เขารวบรวมกิ่งไม้แห้งมากองหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มติดไฟ ควันไฟลอยขึ้นในท้องฟ้าเบื้องบน และดูเหมือนจะพุ่งขึ้นสูงไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อจัดการกองไฟเสร็จเรียบร้อย เขาก็ลดตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้น มองไปที่เปลวไฟซึ่งกำลังปะทุด้วยสายตาเหมือนต้องมนต์
เจ้าขาวที่ตัวอ้วนเสมอต้นเสมอปลายนั่งอยู่ไกลออกไป ดวงตาจักรกลของมันกะพริบเป็นจังหวะในความมืด บางทีมันก็จะยกมือใหญ่อ้วนกลมพอๆ กับตัวขึ้นมาเกาศีรษะเบาๆ ดูราวกับเป็นหุ่นยนต์น่ารักไร้พิษภัย
ท่ามกลางความเงียบสงัดของป่าใหญ่ มีเพียงเสียงร้องของแมลงเท่านั้นที่ลอยมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราว พร้อมด้วยเสียงหอนของอสูรเวทที่อยู่ไกลออกไป บรรยากาศเรียกได้ว่าวังเวงชวนขนหัวลุกพอตัวเลยทีเดียว
หลังจากที่นั่งเหม่ออยู่พักหนึ่ง ปู้ฟางก็เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมา เขาจึงออกไปหากิ่งไม้มาเพิ่ม ชายหนุ่มกองกิ่งไม้เข้าด้วยกันเพื่อทำกรอบเตา แล้วหยิบหม้อสีดำออกมาจากกระเป๋าของระบบ
หม้อนั้นไม่ได้ใหญ่มาก เป็นขนาดที่พอดีกับการตุ๋นและนึ่ง
ในการออกเดินทางไกล โดยเฉพาะการมาเยือนเทือกเขากว้างใหญ่เช่นนี้ หม้อนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะเทือกเขาอุดมสมบูรณ์แห่งนี้เต็มไปด้วยวัตถุดิบเลอค่าที่รอให้เก็บมาทำอาหารอย่างไรเล่า ปู้ฟางไม่มีทางลืมความจริงข้อนี้แน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD