ลมฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเหน็บพัดหอบเมฆฝนลอยจากไป
ร่างโปร่งร่างหนึ่งคืบเข้าหาทางเข้าตรอกอย่างช้าๆ ร่างนั้นสวมหมวกไม้ไผ่และเสื้อกันฝนที่ทำจากฟาง ห้อยกระบี่ยาวไว้บนหลัง เขาค่อยๆ ย่างกรายไปทางร้านอาหารเล็กในตรอกห่างไกล
ทันใดนั้น ร่างนั้นก็สั่นเทาเล็กน้อยและหยุดฝีเท้าทันที ชายผู้นั้นยืนอยู่กลางตรอก ไม่ขยับเคลื่อนไหวอะไรอีก
เม็ดฝนที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าตกใส่หมวกไม้ไผ่ของเขา สายน้ำไหลเป็นทางลงบนเสื้อกันฝนที่ทำจากฟาง หยดจากชายเสื้อลงสู่พื้นดิน
ใบหน้าของเซียวเยวี่ยซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำติดกับหมวกไม้ไผ่ ยากจะบอกสีหน้าและอารมณ์ได้ เขาไม่ก้าวเดินต่อ แต่หยุดอยู่ห่างจากร้านหลายก้าว แล้วค่อยๆ เอากระบี่ลงจากหลัง
“ผึง—”
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากรอบตรอก คล้ายเสียงคันศรดีดลูกศรออกจากสายชัก
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงมาจากทุกทิศทาง แหวกผ่านอากาศเลี้ยวโค้งตรงเข้าหาชายหนุ่มในชุดดำที่ยืนอยู่กลางตรอก
แควก!
เสียงเศษผ้าที่ห่อกระบี่ยาวอยู่ขาดดังแควก ตามมาด้วยพลังปราณเจิดจ้าที่ระเบิดออกจากตัวกระบี่ ราวกับห่าฝนดาวตกในท้องฟ้ามืดมิดที่พุ่งตัดอากาศด้วยวิถีโค้ง
พลังปราณระดับมหาศาลระเบิดออกจากร่างชายหนุ่ม กระจายออกสู่บรรยากาศภายนอกตามพลังงานของกระบี่ไปติดๆ ลูกศรนับไม่ถ้วนหักสะบั้นเป็นชิ้นๆ กระจายลงสู่พื้นดินพร้อมหยดน้ำฝนจากฟากฟ้า
ทันทีที่พลังงานจากกระบี่สลายหายไป ร่างนับสิบที่มีพลังปราณแก่กล้าก็ปรากฏตัวขึ้นจากหลังกำแพงตรอก แต่ละคนถือหอกเอาไว้ในมือ กระโจนเข้าใส่เซียวเยวี่ย
“องครักษ์พยัคฆ์ร้ายแห่งตระกูลเซียวรึ… ชวนให้นึกถึงความหลังเสียจริง”
เสียงพึมพำแหบพร่าของเซียวเยวี่ยลอยไปตามสายลม ดูเหมือนว่าชายหนุ่มกำลังหัวเราะกับตนเองอยู่ จากนั้นสายฝนรอบกายก็พลันระเหยหายไป ราวกับอากาศที่โอบล้อมอยู่ถูกทำให้บิดเบี้ยว
……
แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงพยายามกดความตื่นเต้นลง พลางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังจากที่ป้อนน้ำแกงไก่ให้เซียวเยียนอวี่ด้วยตนเอง ความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่ามลายไปสิ้น
“ขอบใจมาก เถ้าแก่ปู้” แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงเอ่ยกับปู้ฟางพร้อมทำมือแสดงความเคารพ
ปู้ฟางพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ขณะคิด “ก็ควรจะสำนึกบุญคุณอยู่หรอก”
ทันใดนั้นสีหน้าชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป เขาได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันอยู่ภายนอกร้าน จึงหันหน้าไปมองภายนอกด้วยสีหน้าไม่แน่ใจในทันที แต่เสียงนั้นก็พลันเงียบลงอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงยังคงนิ่งเฉยเช่นเดิม แน่นอนว่าเขาย่อมได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ภายนอก แต่ไม่ได้ทำอะไร ยังคงป้อนน้ำแกงไก่ให้เซียวเยียนอวี่ต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ
“เถ้าแก่ปู้ น้ำแกงไก่นี่… จะเป็นไปได้หรือไม่หากข้าจะสั่งสักชาม” จีเฉิงเสวี่ยก้าวออกมาข้างหน้าแล้วถามชายหนุ่มเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้ม
จีเฉิงอันมองจีเฉิงเสวี่ยด้วยสายตามีความหมายพลางก้าวออกมาข้างหน้าเช่นกัน ตัวเขาเองก็ตื่นเต้นขณะเอื้อนเอ่ย “เถ้าแก่ปู้ ข้าขอชามหนึ่งด้วย… เจ้าน้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงนี่!”
“ประสิทธิภาพของน้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว หากเซียวเยียนอวี่ที่สูญเสียพลังชีวิตไปจำนวนมากหายเป็นปลิดทิ้งหลังได้กินน้ำแกง แปลว่าพลังในการเยียวยาร่างกายของน้ำแกงนี้จะต้องสูงเอาการ หากท่านพ่อได้เสวยน้ำแกงนี้ร่างกายของท่านจะต้องแข็งแรงขึ้นเป็นอันมากแน่ อาหารโอสถทิพย์จานนี้จะต้องทำให้ท่านพ่อพอพระทัยในตัวข้าเป็นอย่างมาก” จีเฉิงอันคิด
แม้องค์ชายรัชทายาทจะได้รับตำแหน่งสืบทอดบัลลังก์มาครอบครองแล้ว แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ เนื่องจากน้องชายคนกลางอวี่อ๋องเองนั้นก็ได้รับตำแหน่งอ๋องมาครอบครองเป็นเวลานานแล้วเช่นกัน แถมยังรู้วิธีการเอาอกเอาใจจักรพรรดิอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว
หากเขานำน้ำแกงไก่นี้ไปให้จักรพรรดิได้ พระองค์ต้องพึงพอใจในตัวเขามากขึ้นอีกแน่นอน
“จีเฉิงเสวี่ยเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน” จีเฉิงอันคิดขณะมองเย้ยน้องชายสาม
เมื่อเทียบกับน้องชายคนกลางแล้ว น้องชายคนสุดท้องนั้นไม่ใช่ก้างขวางคอของเขาแต่อย่างใด
“ทานโทษนะ แต่น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงนี่เป็นอาหารจานพิเศษ ไม่ได้มีไว้ขาย” ปู้ฟางตอบหน้าตาย
น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงเป็นอาหารที่ระบบมอบให้เขาในภารกิจรักษาเซียวเยียนอวี่ ไม่ใช่รายการอาหารประจำของร้านแต่แรกแล้ว
“เถ้าแก่ปู้ ข้าไม่มีปัญหาเรื่องผลึกหรอกนะ… ข้าเพียงอยากให้เจ้าทำน้ำแกงไก่ให้ข้าอีกชามเดียวเท่านั้น” จีเฉิงอันพูดอย่างหัวเสีย เขามุ่นคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของปู้ฟาง
เมื่อจีเฉิงเสวี่ยได้ยินสิ่งที่ปู้ฟางพูด เขาก็ไม่คิดซักไซ้ไล่เรียงอีก ชายหนุ่มรู้จักนิสัยปู้ฟางเป็นอย่างดี จึงรู้แก่ใจว่าเถ้าแก่คนนี้พูดคำไหนคำนั้น ไม่ว่าจะถามอีกสักกี่ครั้งก็ไม่มีประโยชน์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD