ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 59

สรุปบท ตอนที่ 59 จักรพรรดิสั่งอาหารกลับบ้าน: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 59 จักรพรรดิสั่งอาหารกลับบ้าน – ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet

บท ตอนที่ 59 จักรพรรดิสั่งอาหารกลับบ้าน ของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD ในหมวดนิยายSlice of Life เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD ตอนที่ 59 จักรพรรดิสั่งอาหารกลับบ้าน
ตอนที่ 59 จักรพรรดิสั่งอาหารกลับบ้าน

ช่วงเวลาแห่งความหนาวเหน็บตามฝนแห่งฤดูใบไม้ร่วงมาติดๆ และเมื่อฝนตกครบสิบครั้ง ฤดูหนาวก็จะมาเยือน

หลังจากที่ฝนฤดูใบไม้ร่วงตกมาสักพัก อุณหภูมิในนครหลวงก็ลดลงต่ำอย่างต่อเนื่อง ลมฤดูใบไม้ร่วงเริ่มเปลี่ยนเป็นลมหนาวจับขั้วหัวใจของฤดูหนาว ปู้ฟางตื่นเช้าขึ้นมาในวันนั้น และพบว่าตนเองหนาวเสียจนไม่อยากจะจากเตียงไปไหน

หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมกันหนาวอย่างหนาแล้วเปิดร้าน ลมหนาวพัดหอบเข้ามาในร้าน ทำให้ปู้ฟางรู้สึกเสียวสันหลังวาบขณะที่ลมหนาวแทรกผ่านเสื้อเข้าไปยังต้นคอของเขา

ปู้ฟางถูมือสองข้างเข้าด้วยกัน พลางสูดลมเย็นเข้าปอดเล็กน้อย

ชายหนุ่มเหลือบมองเจ้าดำที่นอนอยู่บนพื้น เขาเม้มปากและคิด “เจ้าหมาขี้เกียจนี่… วันๆ เอาแต่นอนกินบ้านกินเมือง ทำไมมันถึงไม่มีความองอาจเช่นที่อสูรเวทในตำนานควรจะมีเลยนะ ความจริงแล้วมันต้องยืนจังก้าอยู่หน้าร้านอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเพิ่มความน่าเกรงขามให้ร้านสิถึงจะถูก”

“ไอ้หนู ท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้อยากกินซี่โครงเปรี้ยวหวาน” เจ้าดำลืมตาขึ้นพูดกับปู้ฟางด้วยน้ำเสียงขี้เกียจ เสียงของมันไม่ได้ดูมีอายุ แต่เป็นเสียงที่สมชายชาตรีและดูมีอำนาจดึงดูดใจคนฟัง

ปู้ฟางเลิกคิ้ว “เจ้าหมาขี้เกียจ นอนกินไม่จ่ายเงินมาจนถึงตอนนี้ ยังกล้าสั่งอีกรึว่าจะชักดาบรายการอะไรดี”

เจ้าดำกลอกตาแล้วเมินปู้ฟางไปโดยสิ้นเชิง มันซุกหน้าลงในอุ้งมือสองข้างแล้วนอนต่อ ชัดเจนว่าปู้ฟางจะทำหรือไม่ทำก็ตามใจ

ชายหนุ่มโกรธเป็นอันมากเมื่อเห็น… เจ้าสุนัขขี้เกียจนี่กล้าดีอย่างไรมาเมินเขา! มันไม่กลัวโดนยัดซอสพริกอเวจีเข้าไปในซี่โครงเปรี้ยวหวานรึ รับรองว่าจากที่นอนอืดคงได้เปลี่ยนเป็นนอนรอความตายแน่

ปู้ฟางหันหลังกลับเข้าครัวไป แม้ว่าเขาจะไม่อยากทำซี่โครงเปรี้ยวหวาน แต่เมื่อวานเจ้าดำก็ช่วยร้านเอาไว้จริงๆ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยอมทำตามคำขอของมันสักครั้ง

ชายหนุ่มหยิบวัตถุดิบหลักเพื่อทำซี่โครงเปรี้ยวหวานออกมาจากตู้เย็น อันประกอบไปด้วยซี่โครงของหมูป่าเมฆาทะยาน แป้งจำนวนหนึ่ง และซอสที่ใช้ปรุงรส

ปู้ฟางวางซี่โครงลงบนเขียง เมื่อเขาโบกมือ มีดทำครัวที่คมจนเป็นประกายก็พลันหมุนวนอยู่ในมือ หลังจากที่หมุนมีดอยู่สองสามครั้ง ปู้ฟางก็กระแทกสันมีดลงบนซี่โครงอย่างรวดเร็ว

การทุบเนื้อด้วยสันมีดทำให้เนื้อนิ่มและหั่นง่ายขึ้น หลังจากที่ฝึกทักษะการใช้มีดฝนดาวตกมาหลายวัน ทักษะการใช้มีดทำครัวของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย มือที่หั่นซี่โครงเป็นระวิงนั้นรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงภาพติดตาเท่านั้น

ตอนที่ปู้ฟางลองทำซี่โครงเปรี้ยวหวานเป็นครั้งแรก เขารู้สึกว่าการหั่นซี่โครงเป็นเรื่องที่ยากมากจนทำให้แขนล้า แต่เมื่อทักษะการใช้มีดของเขาพัฒนาขึ้นแล้ว ซี่โครงที่เคยเป็นปัญหาก็ไม่ได้หั่นยากอีกต่อไป

ชายหนุ่มหั่นซี่โครงที่เต็มไปด้วยพลังปราณออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ใส่ซี่โครงที่หั่นแล้วลงไปในแป้งชุบสำหรับทอดที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้ถ้วนทั่วสม่ำเสมอกันทุกชิ้น

เขารอให้ความร้อนลอยขึ้นมาจากกระทะที่มีน้ำมันอยู่เต็ม เมื่อไอร้อนจากน้ำมันเดือดมากพอลวกมือที่อังไว้ ชายหนุ่มก็ใส่ซี่โครงชุบแป้งลงไปในกระทะเพื่อทอด

ฉ่า!

เนื้อที่กลิ้งกระดอนในน้ำมันส่งกลิ่นหอมฉุยออกมา

เมื่อทอดเนื้อทุกชิ้นจนกรอบได้ที่ ปู้ฟางก็เทซี่โครงทอดลงในชามใหญ่ จากนั้นก็ราดซอสปรุงรสเปรี้ยวหวานลงไป และคลุกเคล้าให้ทั่วทุกซอกทุกมุมก่อนจัดใส่จาน

“เจ้าดำ ได้เวลาอาหารแล้ว” ปู้ฟางเดินออกมาจากครัวพร้อมด้วยซี่โครงเปรี้ยวหวานในมือ แล้วร้องเรียกเจ้าสุนัขให้มากินข้าว

ดวงตาที่เปิดอยู่เพียงครึ่งเดียวของเจ้าดำเป็นประกายขึ้นมาทันที จมูกดมฟุดฟิดในอากาศ ลิ้นของมันห้อยออกมานอกปาก สายตาจ้องไปที่จานซี่โครงเปรี้ยวหวานในมือปู้ฟางเขม็ง

ทันทีที่วางจานลงตรงหน้าเจ้าดำ มันก็เริ่มกินอาหารในจานอย่างตะกละตะกลาม พร้อมส่ายหางดุ๊กดิ๊ก

มุมปากของปู้ฟางฉีกกว้างเป็นรอยยิ้ม ชายหนุ่มลูบขนนุ่มลื่นสลวยของเจ้าสุนัข จากนั้นก็ลุกขึ้นลากเก้าอี้ไปวางที่ปากทางเข้า เขานั่งลงบนเก้าอี้เพื่ออาบแดดอย่างสบายอารมณ์

แม้เมื่อวานจะเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งนครหลวงภายในร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตประจำวันของปู้ฟางเปลี่ยนไปแต่อย่างใด

แสงแดดของปลายฤดูใบไม้ร่วงนั้นอบอุ่นสบายยิ่งกว่าเดิม เสื้อผ้าของปู้ฟางส่งกลิ่นหอมแดดชื่นใจภายใต้แสงอาทิตย์

ช่างเป็นวันที่ดีอะไรอย่างนี้

กลุ่มเจ้าอ้วนจินและสหายเดินเข้ามาใกล้ร้านอย่างองอาจ เจ้าอ้วนจินที่นำหัวขบวนนั้นเดินกะเผลก ใบหน้าอ้วนบวมปูดเล็กน้อย

“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่ปู้ อาบแดดอยู่รึ ช่างสบายอารมณ์เสียจริงนะ” เจ้าอ้วนจินทักทายปู้ฟาง

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ จ้องไปที่เจ้าอ้วนจินอย่างงุนงงเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงหน้าบวม เจ้าอ้วนพอแล้ว ไม่ต้องทำให้มันอ้วนกว่าเดิมหรอก”

“ตาเถร เกือบหัวใจวายตาย เจ้าหมานี่ทำไมยังอยู่ตรงนั้นอีกนะ! เป็นถึงอสูรเวทในตำนาน ช่วยทำท่าทำทางให้มันดูองอาจสง่างามสมฐานะหน่อยมิได้รึอย่างไร”

เหลียนฟู่มีผิวขาวกระจ่างใส สวมใส่ชุดลำลอง ทำมวยเก็บผมสีขาวเรียบร้อยยึดไว้ด้วยผ้าพันศีรษะสีทองแดง เมื่อเขาเห็นเจ้าดำ หัวใจก็สั่นสะท้านด้วยความสยองขวัญ จนต้องจีบมือแล้วพูดออกมา

เจ้าดำไม่สนใจขันทีผมขาวแม้แต่น้อย มันกำลังละเลียดซี่โครงเปรี้ยวหวานด้วยสีหน้าอิ่มเอม กลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทุกที่

“อืม ก็… หอมใช้ได้” เหลียนฟู่พยักหน้าพร้อมทำท่าจีบมือตามนิสัย

เจ้าดำตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยิน ก่อนหันไปมองขันทีผู้มาเยือนอย่างระวังตัว จากนั้นมันก็ขยับตัวหันบั้นท้ายให้เหลียนฟู่ แล้วตั้งหน้าตั้งตากินซี่โครงเปรี้ยวหวานต่อไป

ใครมันจะไปอยากแย่งเจ้ากินกัน! เหลียนฟู่ก่นด่า อย่างกับว่าหัวหน้าขันทีอย่างเขาจะไปแย่งข้าวสุนัขกินอย่างนั้นละ

ฮึ! เหลียนฟู่เย้ยอย่างโอหัง ก่อนจะก้าวเข้าร้านของปู้ฟางพร้อมเอวที่พลิ้วไหวไปตามทาง เขาไม่ได้มาก่อเรื่องหรือจับใครในวันนี้ แต่มาเพื่อกินอาหารเท่านั้น

จักรพรรดิมีบัญชาให้เขาซื้ออาหารทุกรายการที่ร้านกลับไปให้ลองเสวยที่วังหลวง หากรสชาติถูกปาก ก็จะชักชวนให้ปู้ฟางมาทำงานเป็นพ่อครัวหลวงประจำวัง

“หมอนี่เป็นแค่พ่อครัวต๊อกต๋อยในร้านอาหารไกลปืนเที่ยง จะมีความสามารถเทียบเท่าพ่อครัวหลวงจริงๆ รึ” เหลียนฟู่ดูไม่ค่อยกระตือรือร้นกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายในวันนี้นัก

“ตายๆ องค์ชายสาม! เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ได้ ตายๆ แล้วนั่นไม่ใช่นายหญิงน้อยแห่งตระกูลโอวหยางรึ” ทันทีที่ก้าวขาเข้าร้านมา ดวงตาของเหลียนฟู่ก็เป็นประกาย เมื่อเขาเห็นจีเฉิงเสวี่ยที่กำลังกินอาหารแกล้มสุราและโอวหยางเสี่ยวอี้แสนน่ารักที่อยู่ใกล้ๆ กัน

“หือ ขันทีเหลียน ท่าน… มาทำอะไรที่นี่รึ” จีเฉิงเสวี่ยประหลาดใจเล็กน้อย เหลียนฟู่เป็นขันทีประจำตัวบิดาของเขาที่คอยรับใช้อีกฝ่ายอยู่ไม่เคยห่าง จึงเป็นเรื่องแปลกไม่น้อยที่คนผู้นี้มาปรากฏตัวที่ร้านแห่งนี้…

“องค์ชายสามคงไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ฝ่าบาทให้ข้านำอาหารทุกรายการที่ร้านนี้ขายกลับไปที่วังหลวง ด้วยเหตุนี้ข้าจึงต้องมาที่นี่ เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องสนองพระบัญชาขององค์จักรพรรดิ”

“หือ อะไรนะ ซื้อกลับบ้านรึ” จีเฉิงเสวี่ยพยักหน้า แต่สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ ดวงตาจับจ้องไปที่เหลียนฟู่

…………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD