ตูม ตูม!
พลังปราณสีดำสนิทเหมือนหมอกดำลอยขึ้นจากใต้พื้นดินเข้าล้อมวงแหวนปราณเอาไว้ทั้งหมดทันที บรรยากาศโดดเดี่ยวน่ากลัวเข้าปกคลุมตรอก
สีหน้าของผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการทั้งห้าเคร่งขรึมจริงจัง ทั้งหมดยืนเรียงกันเป็นวงกลมรอบซูฉีผู้ซึ่งถือน้ำแกงไก่อยู่ในมือ ภารกิจของพวกเขาในคราวนี้คือการปกป้องอาหารโอสถทิพย์ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องทุ่มกำลังทั้งหมดไปที่ซูฉีซึ่งถืออาหารนั้นอยู่ในมือ
พลังปราณสีดำอบอวลอยู่ในอากาศ หมุนทวนเข็มนาฬิกาตามอำนาจของวงแหวนปราณสีดำสองวง จากนั้นก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างบางอย่างที่อัดแน่นไปด้วยพลังกดดันน่าสยดสยอง
“นี่มันวงแหวนปราณเจ้าอเวจีกระชากวิญญาณมิใช่รึ! วงแหวนปราณลับของสำนักวิญญาณ… มาโผล่ที่นี่ได้อย่างไรกัน!” ซูฉีไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
ทันใดนั้นเขาก็เหมือนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ รูม่านตาของซูฉีหดแคบ สายตามองไปในระยะไกล สังเกตเห็นร่างหลายร่างในชุดคลุมสีดำที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น
“พวกเจ้ามาจากสำนักวิญญาณรึ! จะมาทำลายอาหารโอสถทิพย์หรืออย่างไร” ซูฉีตะโกนถามเสียงขรึม
“จัดการเลย ไม่ต้องไปพูดกับมันให้เสียน้ำลาย จำไว้ ห้ามมีใครรอดเด็ดขาด… และห้ามใครรู้ตัวตนของพวกเราด้วย” เสียงแหบหยาบเหมือนก้อนกรวดขูดขีดกันดังกรีดแทงหู
เหล่าร่างในชุดคลุมสีดำไม่ได้พูดอะไรขณะเดินตรงไปยังทุกมุมของวงแหวนปราณ จนล้อมพวกของซูฉีเอาไว้หมด
ดวงตาทั้งสองข้างของหุนเชียนอวิ่นมีเปลวไฟวิญญาณเต้นตุบอยู่ ชายชราค่อยๆ ก้าวออกจากเงามืด แผ่นหลังโก่งงอ
ซูฉีตกอยู่ในความสิ้นหวังเป็นที่เรียบร้อย แม้เขาจะเดินหมากอย่างระมัดระวังที่สุด แต่ก็ยังตกหลุมพรางที่อวี่อ๋องวางเอาไว้จนได้
ซูฉีคิดมาตลอดว่าไม่ว่าอวี่อ๋องจะคลั่งเพียงใด แต่ก็คงทำเพียงส่งนักฆ่ามากฝีมือมาทำลายอาหารโอสถทิพย์นี้เท่านั้น เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าอวี่อ๋องจะถึงขั้นสมคบคิดกับสำนักนอกอาณาจักรเช่นนี้!
สำนักน้อยใหญ่เหล่านั้นต่อสู้กับอาณาจักรมาได้หลายต่อหลายปี เนื่องจากมีวิชาและอาวุธลับเฉพาะตัว พวกเขาจึงสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ภายใต้การโจมตีอย่างหนักหน่วงของจักรพรรดิฉางเฟิ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ผู้ฝึกตนในจักรวรรดิทุกคนรู้ดีว่าสำนักเหล่านี้ทรงพลังมาก และไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามด้วยเป็นอันขาด
วงแหวนปราณเป็นหนึ่งในกลวิธีลับที่สำนักมักใช้ในการต่อสู้
“อวี่อ๋องถึงกับกล้าสมคบคิดกับสำนักเลยรึ… ไม่กลัวท่านจักรพรรดิรู้เข้าหรืออย่างไรกัน!” ซูฉีกัดฟันกรอดแล้วตะโกนออกมา
หุนเชียนอวิ่นอุทานเบาๆ ด้วยความประหลาดใจ ดวงตาหันมามองซูฉี จากนั้นก็หัวเราะแล้วเอ่ย “จักรพรรดิจะไปรู้ได้อย่างไร หลังจากที่พวกเรากำจัดเจ้าทิ้ง… ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แล้ว”
ซูฉีกำลังจะพูดต่อ แต่ผู้ฝึกตนจากสำนักวิญญาณหน่ายกับการต่อความยาวสาวความยืดของเขาแล้ว จึงส่งพลังปราณเที่ยงแท้ออกจากร่างทันที ร่างสีดำที่อยู่ด้านบนซูฉีรวมถึงคนอื่นๆ เริ่มเปิดฉากโจมตี
มือยักษ์ก่อตัวจากพลังปราณสีดำจนเป็นรูปเป็นร่าง พุ่งตรงเข้าหาซูฉี พลังปราณที่ไหลบ่าออกจากมือนั้นรุนแรงเป็นอันมาก
“กันไว้!” ซูฉีตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงฉาน
ผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการคนหนึ่งกู่ร้อง พลังปราณเที่ยงแท้ก่อตัวขึ้นนอกกาย เขาทะยานขึ้นไปบนฟ้าแล้วเปิดฉากโจมตีฝ่ามือนั้นด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
ทว่าการโจมตีดังกล่าวนั้นไม่ต่างอะไรจากแมลงตัวเล็กที่พยายามพุ่งชนต้นไม้ มันไม่ได้ระคายผิวของมือยักษ์เลยแม้แต่น้อย
ตูม!
ร่างของผู้ฝึกตนผู้นั้นถูกบี้ลงบนพื้นอย่างไม่ปราณี แรงกระแทกทำให้พื้นสั่นไหวและปริแตกทั่วบริเวณ…
พลังปราณเที่ยงแท้ที่ไหลออกจากร่างของผู้ฝึกตนผู้นั้นสลายหายไปทันที เขาถูกบี้ลงกับพื้นจนถึงแก่ความตาย!
ซูฉีกลัวจับขั้วหัวใจ วงแหวนปราณนี้ทรงพลังเหมือนที่เขาคะเนไว้ไม่มีผิด
หุนเชียนอวิ่นยิ้มน้อยๆ ขณะชี้นิ้วเหี่ยวย่นไปที่ซูฉี “จง… กำจัดพวกมันให้สิ้นซาก”
…
องค์ชายรัชทายาทกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ในวังของตน เขาหลับตาพยายามทำใจให้เย็นด้วยการฝึกปราณอย่างเงียบๆ แต่หลังจากที่ฝึกไปได้สักพัก ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้น ผ่อนลมหายใจหนัก
“ฟู่… ซูฉีจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ตาข้ากระตุกมาสักพักแล้ว รู้สึกใจไม่ค่อยดีเลย” องค์ชายรัชทายาทมุ่นคิ้ว ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าการให้เถ้าแก่ปู้ทำน้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงให้จักรพรรดิเป็นความคิดที่ดีเยี่ยม แต่ไม่ได้คาดคิดว่าอวี่อ๋องจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดาบที่กลับมาทิ่มแทงเขาเสียได้
องค์ชายรัชทายาทไม่รู้จะทำอย่างไรดี อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ที่ตนเองตัดสินใจใช้ไม้นี้จนทำให้ต้องตกที่นั่งลำบากในตอนนี้ ความหวังเดียวของเขาคือการที่ซูฉีนำน้ำแกงกลับมาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาไม่ตกหลุมพรางที่ตนเองขุดขึ้นมา
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD