“ใคร! ใครพูดน่ะ!”
เมื่อหุนเชียนอวิ่นได้ยินเสียงถือดีนั้น เปลวไฟวิญญาณในดวงตาก็ขยายขนาดขึ้น พลังปราณรอบตัวทวีความน่ากลัวมากขึ้นอีก เขามองไปรอบๆ เพื่อหาต้นตอของเสียง
ทว่าก็หาใครที่ดูมั่นใจพอจะเอ่ยประโยคเหล่านั้นออกมาไม่พบแม้แต่น้อย ลูกค้าภายในร้านต่างพากันค้อมตัวลงหลบหน้าเมื่อชายชรามองผ่าน ไม่มีคนอวดดีผู้นั้นอยู่ในหมู่คนเหล่านี้อย่างแน่นอน
ปู้ฟางมุ่นคิ้ว สีหน้าขรึม พื้นดินที่ถูกน้ำแกงหกใส่ยังคงมีไอร้อนลอยออกมา ความร้อนเหล่านั้นสลายหายไปทันทีที่เจออากาศเย็น ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมเข้มของน้ำแกงไก่
“ตรวจพบรังสีสังหารมุ่งตรงมาที่นายท่าน เริ่มปฏิบัติการคุ้มครอง”
เสียงจักรกลดังขึ้น พร้อมด้วยร่างใหญ่สีขาวที่รีบพุ่งออกจากร้านมายืนอยู่ข้างปู้ฟางด้วยเสียงอันดัง เจ้าขาวยืนหลังตรง ดวงตากะพริบแสงสีแดง
“หุ่นเชิดรึ!” หุนเชียนอวิ่นหาต้นตอเสียงไม่เจอจึงล้มเลิกความพยายาม เขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อหันมาเห็นเจ้าขาวปรากฏตัวขึ้นข้างปู้ฟาง
แม้จะได้ยินเรื่องราวของร้านแห่งนี้มาบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยพยายามหาต้นตอจริงๆ สักครั้ง ชายชรารู้เพียงว่าร้านนี้แข็งแกร่งมากจนไล่ขั้นนักพรตยุทธการอย่างเซียวเหมิงกระเจิงได้ แต่ไม่รู้มาก่อนว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของร้านนี้อยู่ที่จุดใด ดูท่าแล้ว… อาจเป็นเจ้าหุ่นเชิดนี่ก็เป็นได้
เจ้าดำค่อยๆ เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเหมือนแมวเยื้องย่าง เมื่อมันเห็นว่าเจ้าขาวยืนอยู่ข้างปู้ฟาง ก็กลอกตาแล้วเลิกเดิน
“เจ้าสังหารลูกค้าข้าแถมทำลายอาหารของข้า… ให้อภัยไม่ได้!” ปู้ฟางสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาซึ่งจับจ้องอยู่ที่หุนเชียนอวิ่นเย็นชาลง
“ฮึ! โอหังอะไรเช่นนี้… ชายแก่คนนี้นี่แหละจะมาทดสอบความแข็งแกร่งของร้านเจ้าในวันนี้!” หุนเชียนอวิ่นถอยไปหนึ่งก้าว เขาโบกแขนเหี่ยวๆ ทันใดนั้นร่างอสูรยักษ์ข้างหลังก็พลันขยับเขยื้อน
หมอกสีดำพวยพุ่ง อสูรยกมือขึ้นเรียกหอกสีดำออกมาอีกครั้ง หมอกมืดหมุนวนรอบหอกพร้อมด้วยพลังงานรุนแรงร้ายกาจ
เสียงหอกพุ่งแหวกอากาศดังเข้ามาใกล้ หลังร่างอสูรเจ้าอเวจีโยนหอกมาทางร้านด้วยแรงมหาศาล มันพุ่งเข้าหาปู้ฟางพร้อมเสียงหวีดหวิว ราวกับว่าแม้แต่อากาศยังถูกฉีกขาด
ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบวาบ มันพุ่งมาอยู่ข้างหน้าปู้ฟาง ยกแขนยักษ์ขึ้นพุ่งหมัดออกไปใส่หอกสีดำ
เสียงระเบิดดังกึกก้อง ตามมาด้วยลมหมุนที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ตรอกทั้งตรอกถูกปกคลุมด้วยหมอกสีดำหนาจนมองไม่เห็นในพริบตา
ลูกค้าในร้านของปู้ฟางต่างตกใจเสียงดังน่ากลัวนั้น แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือหมอกสีดำไม่ได้ลอดเข้ามาในร้านแต่อย่างใด ราวกับว่าหมอกนั้นถูกกั้นไว้ด้วยเกราะคุ้มกันที่มองไม่เห็น
หุนเชียนอวิ่นพ่นลมเยาะขณะมองสถานการณ์จากระยะไกล แม้แต่ขั้นนักพรตยุทธการยังต้องหนาวหากเผชิญกับหอกเจ้าอเวจีพิฆาต แล้วหุ่นเชิดกระหลั่วนั่นจะไปทำอะไรได้
ตูม!
แสงสีแดงสองจุดสว่างออกจากหมอกมืด ฉับพลันแสงนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง ลมหมุนปรากฏขึ้นอีกครั้ง พัดพาหมอกให้สลายหายไปจนหมดสิ้น
ทันทีที่หมอกจางหาย ผลการประมือก็ปรากฏให้เห็นต่อสายตา เมื่อหุนเชียนอวิ่นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ต้องตกใจจนก้าวขาไม่ออก เปลวไฟวิญญาณในดวงตากะพริบถี่อย่างบ้าคลั่ง
ร่างของเจ้าขาวกลายเป็นสีโลหะวาววับ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีม่วงเย็น แขนทั้งสองข้างผสานเป็นกากบาทอยู่เบื้องหน้าร่างอ้วน ดูเหมือนว่ามันจะใช้แขนนี้กันการโจมตีของหอกเมื่อครู่ บนตัวไม่มีร่องรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
ปู้ฟางยืนหน้าตายอยู่ข้างหลังเจ้าขาว เขามองไปที่ชายชราตรงหน้าด้วยสายตาไร้อารมณ์ ไม่มีความกลัวหรือกังวลให้เห็นแม้แต่น้อย
“เริ่มปฏิบัติการต่อสู้!” เสียงจักรกลของเจ้าขาวเย็นเยียบขึ้นอีก ดวงตาสีม่วงอัดแน่นไปด้วยรังสีสังหาร
เสียงหึ่งของเครื่องกลดังขึ้น เจ้าขาวตาสีม่วงทะยานไปข้างหน้าทันที ความเร็วของมันมากเสียจนตาเปล่ามองแทบไม่เห็น จู่ๆ หุนเชียนอวิ่นก็เริ่มหายใจไม่ออก
ชายชราพ่นลมอย่างโกรธเกรี้ยวแล้ววาดมือเหี่ยวย่นออกมาตรงหน้า เขาขอยืมพลังจากร่างอสูรเจ้าอเวจีเบื้องหลังตนควบคุมพลังปราณสีดำที่หมุนวนอยู่รอบกาย จากนั้นก็ส่งการโจมตีด้วยฝ่ามือไปหาเจ้าขาว
ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันกลางอากาศ พลังปราณรุนแรงส่งกระแสตีกลับกระจายเป็นวงไปทั่วบริเวณ กำแพงตรอกเริ่มปริร้าวราวกับจะพังทลายลงมาด้วยแรงกระแทก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD