ชายชราที่เดินเข้าร้านมานั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน จีฉางเฟิ่ง
ใบหน้าของจีฉางเฟิ่งค่อนข้างซีดเซียว เขาดูเปราะบางเหมือนไม้ใกล้ฝั่งเต็มทน บรรยากาศน่าเกรงขามของการเป็นผู้ครองแผ่นดินหายไป
“ข้าเห็นป้ายร้านห้อยอยู่ที่หน้าประตู ตัวอักษรดูเหมือนใช้เครื่องผลิต แถมยังไม่มีพลังในการเขียนอีกด้วยจึงทำให้ดูไม่น่าอ่าน แม้ภายนอกจะดูสวยดีแต่คงไม่ยืนยง แน่นอนว่าสู้ฝีพู่กันของข้าไม่ได้” จักรพรรดิพูดกลั้วหัวเราะพร้อมเอามือไพล่หลัง
ปู้ฟางเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่ได้แปลกใจที่จักรพรรดิมาที่ร้าน แต่แปลกใจว่าอีกฝ่ายมาเช้ามากต่างหาก
ป้ายร้านนั้นระบบเป็นคนจัดหามาให้ ตอนนั้นปู้ฟางปฏิเสธข้อเสนอของจักรพรรดิที่จะเขียนป้ายร้านให้เพียงเพราะระบบบอกว่าจะเป็นฝ่ายจัดหาให้เอง แต่กลับกลายเป็นว่า… ป้ายร้านที่ระบบสร้างขึ้นมากลับดูไม่น่าประทับใจเสียอย่างนั้น
“ระบบ จักรพรรดิบอกว่าตัวอักษรบนป้ายที่เจ้ามอบให้เขียนไม่ดี” ปู้ฟางพูดกับระบบ
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือความเงียบชั่วขณะ ก่อนที่เสียงนิ่งขรึมของระบบจะดังขึ้น “ตัวอักษรบนป้ายเป็นงานที่ลอกมาจากนักเขียนพู่กันจีนอันดับหนึ่งในจักรวรรดิวายุแผ่ว เรื่องความสวยงามคงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องพลังในการเขียนที่จักรพรรดิเอ่ยถึงนั้น ระบบไม่มีคำตอบให้”
ชายหนุ่มเจ้าของร้านพยักหน้า ป้ายร้านที่ระบบจัดหามาให้ย่อมไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ตัวอักษรคงไร้ซึ่งพลังเนื่องจากเป็นของทำเลียนแบบ
ปู้ฟางไม่สนใจหัวข้อนี้อีกต่อไป เขาถามจักรพรรดิด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ท่านจักรพรรดิมากินข้าวรึ”
จักรพรรดินั่งลงที่โต๊ะแล้วโบกมือไล่อีกฝ่าย “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ข้ามีคำถามที่ต้องการคำตอบจากเจ้า”
“หืม คำถามอะไรกัน” ปู้ฟางถาม
“หากข้าไม่รีบถามเสียแต่ตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้ถามอีก” ร่างของจักรพรรดิสั่นเทิ้มเล็กน้อยขณะไอโขลก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองปู้ฟางด้วยสายตาจริงจังแต่พร่ามัว “เจ้าเป็นนายของอสูรเวทในตำนาน ทั้งยังมีหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งเทียบเท่าขั้นนักพรตยุทธการ แถมยังสามารถทำอาหารที่เต็มไปด้วยพลังปราณ… เถ้าแก่ปู้ เจ้าเป็นใครกันแน่
“เจ้ามาอยู่ที่นครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่วด้วยเหตุผลใด”
ปู้ฟางเลิกคิ้วมองจักรพรรดิ ทั้งสองประสานสายตากันกลางอากาศ
หลังจากผ่านไปเนิ่นนานชายหนุ่มก็ตอบเสียงเรียบ “ข้าไม่มีจุดมุ่งหมายใดแอบแฝง เพียงแต่ต้องการทำร้านเล็กๆ ของตัวเองเท่านั้น”
สีหน้าของจักรพรรดิชะงักค้าง เขาส่ายหน้าและยิ้มบูดเบี้ยว “เป็นไปไม่ได้ ความแข็งแกร่งของร้านเจ้าเทียบเท่าจักรวรรดิวายุแผ่วทั้งจักรวรรดิ ไม่มีทางที่เจ้าจะมาเปิดร้านอาหารแค่เพราะอยากเปิดแน่นอน หากเจ้าไม่อยากตอบข้าก็จะไม่บังคับ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะตอบคำถามสุดท้ายของข้าด้วยความสัตย์จริง”
“ถามมา” ปู้ฟางเอ่ย
จักรพรรดิเอามือกุมหน้าอกและไอเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นถามชายหนุ่ม “เจ้าไม่ใช่คนจากสำนักใช่หรือไม่ เจ้าจะไม่ทำสิ่งใดที่ทำให้จักรวรรดิเดือดร้อนใช่หรือไม่”
คำถามนี้คือจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการมาเยือนร้านในวันนี้ ในฐานะจักรพรรดิของอาณาจักร แม้จะเป็นจักรพรรดิที่กำลังจะลาจากโลกนี้ไป เขาก็ยังทนไม่ได้ที่มีปัจจัยซึ่งนอกเหนือการควบคุมเกิดขึ้นและตั้งอยู่ในจักรวรรดิของตนเอง
แต่ด้วยความที่ร้านนี้มีอสูรเวทในตำนานอยู่ จักรพรรดิจึงไม่กล้าแม้แต่คิดจะทำลายร้านลง ทำได้เพียง สอบถามให้รู้ถึงจุดมุ่งหมายหลักของร้านเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้ว ปู้ฟางเพียงเปิดร้านอาหารในนครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่วเพื่อหาผลึกด้วยวิธีที่ปกติธรรมดาที่สุด โดยมีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มขั้นปราณของตนเองเท่านั้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการเป็นพ่อครัวเทพ ผู้ที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งการทำอาหารในโลกจินตนาการ จุดมุ่งหมายของเขา… เรียบง่ายเพียงเท่านั้น
“ไม่ต้องกังวลไป ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างแน่นอน” มุมปากของปู้ฟางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแข็งทื่อ ขณะที่เขาตอบจักรพรรดิด้วยท่าทางจริงจัง
จักรพรรดิประหลาดใจไปชั่วครู่ จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวย่น และกลายเป็นเสียงหัวเราะดังลั่น
“เถ้าแก่ปู้ ข้ารู้สึกสบายใจขึ้นมากหลังจากได้ยินคำตอบของเจ้า ข้ามีความสุขมาก ดังนั้นวันนี้ข้าจะสั่งอาหารทุกจานในร้าน นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้กินอาหารฝีมือเจ้า”
หลังจากที่จักรพรรดิหัวเราะเสร็จ เขาก็หายใจเข้าลึกแล้วปรบมือพร้อมเอ่ยสั่ง
เหลียนฟู่ที่รออยู่ภายนอกเดินเข้าร้านมาพร้อมจีบมือ เขามายืนอยู่เบื้องหลังจักรพรรดิด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD