ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 88

สรุปบท ตอนที่ 88 ข้าเป็นพ่อครัว: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

สรุปตอน ตอนที่ 88 ข้าเป็นพ่อครัว – จากเรื่อง ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet

ตอน ตอนที่ 88 ข้าเป็นพ่อครัว ของนิยายSlice of Lifeเรื่องดัง ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD ตอนที่ 88 ข้าเป็นพ่อครัว
ตอนที่ 88 ข้าเป็นพ่อครัว

คำถามของปู้ฟางห่างไกลจากสิ่งที่ถังอิ่นคิดไว้มาก เนื่องจากคำถามนั้นไม่ได้ตรงตามตรรกะที่ควรจะเป็นแม้แต่น้อย

หมูวิญญาณเพลิงอัสนีเป็นอสูรเวทระดับหก ซึ่งจัดว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้วในวงแหวนชั้นนอกของดินแดนป่ารกชัฏ แน่นอนว่ามันย่อมเป็นวัตถุดิบที่คุณภาพเยี่ยมที่สุดในบริเวณนี้ด้วย หากต้องการหาวัตถุดิบที่ดีกว่าหมูวิญญาณเพลิงอัสนี พวกเขาต้องเข้าไปในวงแหวนชั้นกลางของดินแดนป่ารกชัฏ

วงแหวนชั้นกลางของดินแดนป่ารกชัฏจัดเป็นสถานที่อันตรายสำหรับพวกเขา ถังอิ่นมีปราณอยู่ในระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ ส่วนลู่เซียวเซียวอยู่ที่ระดับห้าขั้นราชันยุทธการ หากทั้งสองเข้าไปในวงแหวนชั้นกลางด้วยปราณระดับนี้ ก็มีโอกาสน้อยมากที่พวกเขาจะมีชีวิตรอดกลับออกมาได้

เหตุผลก็คืออสูรเวทที่อ่อนแอที่สุดในบริเวณวงแหวนชั้นกลางมีปราณอยู่ที่ระดับหก ส่วนอสูรเวทระดับเจ็ดและแปดก็เจอได้ทั่วไป

เมื่อปู้ฟางเห็นสีหน้าประหลาดของถังอิ่น เขาก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มในชุดเขียวตรงหน้ารู้ว่าจะไปหาวัตถุดิบที่คุณภาพดีกว่านี้ได้ที่ไหน

“หากเจ้าบอกข้าว่าจะไปหาวัตถุดิบคุณภาพดีกว่านี้ได้ที่ไหน หรือว่านำทางข้าไปได้ ข้าจะทำอาหารให้เจ้ากินโดยไม่คิดเงิน” ปู้ฟางพูดอย่างจริงใจ

ถังอิ่นยิ้มเยาะออกมา ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจสิ่งที่ปู้ฟางพูดมากนัก หากถังอิ่นไม่ได้ตื่นเต้นเรื่องความสามารถในการล้มหมูวิญญาณเพลิงอัสนีได้ในดาบเดียวของอีกฝ่าย เขาคงพาลู่เซียวเซียวจากไปนานแล้ว การนำปู้ฟางเข้าไปยังวงแหวนชั้นกลางของดินแดนป่ารกชัฏเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง ชายหนุ่มไม่เชื่อสักนิดว่าอาหารที่ปู้ฟางบอกว่าจะทำให้กินจะอร่อยคุ้มค่ากับการเอาชีวิตตนเองไปทิ้ง

ตอนที่ถังอิ่นกำลังลังเลอยู่นั่นเอง ลู่เซียวเซียวก็หันไปมองศิษย์พี่ของตนแล้วเอ่ยขึ้นมา “พี่สอง หุบเขาปักษาเพลิงพ่ายมีอสูรเวทอยู่มิใช่รึ ท่านอาจารย์บอกให้พวกเราลองไปที่นั่นดูหากมีความสามารถพอ แต่ไม่ก็ให้นำหมูวิญญาณเพลิงอัสนีกลับมาแทน อสูรเวทตัวนั้นน่าจะเป็นวัตถุดิบที่ดีกว่าหมูนี่ใช่ไหม”

ดวงตาของลู่เซียวเซียวเป็นเส้นโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว รอยยิ้มน่ารักของนางถูกขนาบข้างด้วยลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง

ถังอิ่นนิ่วหน้า ดวงตาหันไปมองศิษย์น้องหญิง ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดว่าลู่เซียวเซียวจะพูดถึงอสูรเวทที่หุบเขาปักษาเพลิงพ่ายขึ้นมาตอนนี้

“หือ มีอสูรเวทที่ดีกว่าหมูวิญญาณเพลิงอัสนีนี่ด้วยหรือ ได้ พาข้าไปดูหน่อย” ปู้ฟางพูดหน้าตาย

ถังอิ่นดูเหมือนอยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ทันทีที่คำพูดนั้นกำลังจะหลุดออกจากปาก ลู่เซียวเซียวก็เข้ามาเกาะแขนเขาไว้แล้วลากให้เดินไปข้างหน้า

“พี่สอง ความสามารถของศิษย์พี่ท่านนี้จะช่วยให้เรากำจัดอสูรเวทตัวนั้นได้! พอไม่มีมันมาเกะกะขวางทางแล้ว เราก็จะเข้าไปเก็บสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงในหุบเขาได้อย่างไรเล่า! นั่นก็แปลว่าเราจะทำภารกิจที่ท่านอาจารย์มอบหมายได้สำเร็จ!” ลู่เซียวเซียวกระซิบบอกถังอิ่น

“แต่นั่นแปลว่าเรากำลังหลอกใช้ศิษย์พี่ไม่ใช่รึ เราทำเช่นนั้นไม่ได้นะ… เราต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างตรงไปตรงมา” ถังอิ่นพูดพร้อมขมวดคิ้ว ขณะมองศิษย์น้องหญิงแสนเจ้าเล่ห์ของตนด้วยสายตาไม่พอใจ

“พี่สอง ถ้าเราบอกไปแล้วศิษย์พี่ไม่ยอมไปเล่า ถึงอย่างไรเขาก็กำลังมองหาอสูรเวทที่ระดับสูงกว่าอยู่แล้ว แล้วอสูรเวทตัวนั้นก็ระดับสูงกว่าไอ้หมูนี่อย่างแน่นอน!” ลู่เซียวเซียวพูดพร้อมลากแขนถังอิ่นไปข้างหน้าด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ

ถังอิ่นลังเลอยู่สักพัก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังต่อสู้กันภายใน จากนั้นเขาก็ถอนหายใจแล้วเอ่ย “เมื่อถึงเวลาจริง เราต้องช่วยกันระดมกำลังกับศิษย์พี่กำจัดอสูรเวทตัวนั้นน่ะ”

“แน่นอน! มันแน่อยู่แล้ว!” เมื่อถังอิ่นตอบตกลงเรียบร้อย ลู่เซียวเซียวก็ยิ้มดีใจจนแก้มสองข้างบุ๋มอีกครั้ง

แน่นอนว่าปู้ฟางที่เดินตามทั้งสองพร้อมถุงสัมภาระในมือไม่ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว

ถังอิ่นเก็บซากหมูวิญญาณเพลิงอัสนีไปเรียบร้อยแล้ว เขาคงมีอุปกรณ์ปราณคลังเก็บอยู่กับตัว เนื่องจากสามารถเก็บซากหมูไปได้ทันทีเพียงแค่โบกมือ

“ศิษย์พี่ อสูรเวทที่ข้าบอกอาศัยอยู่ในหุบเขาปักษาเพลิงพ่าย จากที่นี่ไปหุบเขานั้นไกลพอตัว เราต้องเดินทางกันทั้งคืนเพื่อไปถึงให้เร็วขึ้น” ถังอิ่นเอ่ย

ปู้ฟางพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ “ได้ แค่ไปถึงก่อนพรุ่งนี้บ่ายก็พอ”

ระบบให้เวลาปู้ฟางสองวันในการเก็บวัตถุดิบ เมื่อฟังจากที่ถังอิ่นพูดแล้ว เขาก็ไม่ได้กระวนกระวายแต่อย่างใด

ทั้งสามเดินทางเข้าบริเวณป่ารก ป่านี้กินพื้นที่กว้างใหญ่ภายในดินแดนป่ารกชัฏ นานๆ ทีทั้งสามจะเจออสูรเวทระดับสามและระดับสี่ประปราย และถังอิ่นก็เป็นคนสังหารหมดทุกตัว ไม่จำเป็นต้องให้ปู้ฟางเข้าช่วยเหลือ

พวกเขาเดินต่อไปอีกสักพัก จนออกจากบริเวณป่ารกเข้าสู่บริเวณป่าหินในที่สุด บริเวณนี้เป็นพื้นกรวดรกร้างกว้างใหญ่

“พอข้ามป่าหินไปแล้วก็จะถึงหุบเขาปักษาเพลิงพ่าย… ศิษย์พี่ เรามาพักค้างคืนที่นี่กันก่อนดีไหม” ถังอิ่นถามปู้ฟางด้วยรอยยิ้ม

ปู้ฟางหยิบกิ่งไม้ออกมาสองสามกิ่งแล้วเหลาปลายให้แหลม กลิ่นประหลาดลอยออกจากเนื้อไม้ที่ถูกเหลา

หลังจากใช้ไม้เสียบเนื้อเสร็จ ปู้ฟางก็สร้างที่วางบนกองไฟที่ถังอิ่นจุดรอไว้ เขาวางเนื้อเสียบไม้ลงบนที่วางเพื่อค่อยๆ ย่างมันอย่างช้าๆ

เนื้อเสียบกิ่งไม้สามชิ้นถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบลงบนเตาเฉพาะกิจ และกำลังถูกย่างให้ค่อยๆ สุก

“ศิษย์พี่… ท่านดูมีทักษะเป็นอย่างมาก ดูเหมือนเป็นพ่อครัวจริงๆ” ถังอิ่นพูดอย่างไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี แปลว่าปู้ฟางตั้งใจจะทำอาหารให้พวกเขามาตั้งแต่แรกเลยหรือ

ถังอิ่นและลู่เซียวเซียวมองขวดเหล่านั้นอย่างพูดไม่ออก ต่างคนต่างคิดว่า “สรุปเป็นพ่อครัวจริงๆ สินะ”

“สมแล้วที่เป็นศิษย์พี่ของเรา… การมาที่ดินแดนป่ารกชัฏก็ไม่ต่างอะไรกับการมาเดินเล่นในสวนสำหรับท่านเลยล่ะสิ ถึงกับเอาเครื่องปรุงมาเตรียมอาหารด้วย” ลู่เซียวเซียวหัวเราะแห้งๆ

ปู้ฟางตอบ “ถ้าไม่ถูกห้ามเอาไว้ข้าคงเอาอุปกรณ์ทำครัวอื่นๆ มาด้วยแล้ว จากนั้นข้าก็จะสามารถทำอาหารที่อร่อยกว่านี้ได้ พวกเจ้านี่ช่างโชคร้ายจริงๆ”

ลู่เซียวเซียวและถังอิ่นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจนด้วยคำพูด

พอไม่มีใครพูดอะไรไปอีกพักใหญ่ บรรยากาศรอบตัวก็เงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงไม้แตกปะทุในกองเพลิงเท่านั้น

ท่ามกลางความเงียบนี้เอง กลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ก็เริ่มตลบอบอวลไปในอากาศ

…………………..

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD