ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 99

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD ตอนที่ 99 อย่าทำพื้นแตกอีกเล่า
ตอนที่ 99 อย่าทำพื้นแตกอีกเล่า

ณ วังขององค์ชายรัชทายาท ข้างประตูมายาสวรรค์

องค์ชายรัชทายาทกำลังนั่งหลังตรงอยู่เพียงผู้เดียวในวังอันโอ่อ่า สีหน้าของเขาเคร่งขรึมจริงจัง ดวงตาเต็มไปด้วยความคิดมากมายที่ผ่านเข้ามาในจิตใจ มีจดหมายลับสองสามแผ่นวางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้า

“เจ้ามู่เฉิง ไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์… ข้ารู้อยู่แล้วว่ามันนี่ละที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่!” สีหน้าขององค์ชายรัชทายาทดูพลุ่งพล่าน เขาหยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะ ยิ่งอ่านยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก องค์ชายขยำจดหมายนั้นทิ้งจนกลายเป็นก้อนกลม

“ถ้าซูฉียังอยู่ก็ดีสิ…” จีเฉิงอันคิดแล้วถอนหายใจออกมา หากซูฉียังอยู่คงมีความคิดดีๆ ในการจัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็คงหาทางโต้กลับบ้าง ไม่ได้เป็นผู้ถูกกระทำแต่ฝ่ายเดียว

การสวรรคตอย่างกะทันหันของจักรพรรดิเหนือความคาดหมายของทุกคนไปมาก หากขันทีผู้หนึ่งที่ทำงานอยู่ในวังหลวงไม่ได้ปล่อยข่าวนี้ออกมาโดยบังเอิญ ก็น่าจะยังไม่มีใครรู้ถึงการจากไปของจักรพรรดิ

“ลักพาตัวทั้งโอวหยางเสี่ยวอี้และหยางเฉิน… ไอ้เจ้ามู่เฉิงนี่บ้าดีเดือดดีแท้ แต่ข้าก็ยังคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธ หากข้าตอบรับข้อเสนอก็แปลว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งตระกูลโอวหยางและตระกูลหยาง… แน่นอนว่าสิ่งนี้จะทำให้น้องสองกระด้างกระเดื่องกับข้าไม่ได้ง่ายๆ… ต่อให้หมอนั่นสมคบคิดกับสำนักนอกอาณาจักรก็ตาม!” องค์ชายรัชทายาทพึมพำ จากนั้นก็คลี่จดหมายที่ขยำไปก่อนหน้านี้ออกมาอ่านดูดีๆ อีกครั้ง ดูเหมือนว่าเพิ่งจะตัดสินใจเรื่องใหญ่ได้หลังจากคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน

เจ้ามู่เฉิงเป่าเบาๆ ให้ถ้วยชาร้อนในมือเย็นลง จากนั้นก็ยกชาขึ้นจิบพร้อมเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “ว่าอย่างไรนะ ผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการหลายต่อหลายคนจัดการผู้ฝึกตนขั้นจิตยุทธการสองคนไม่ได้เช่นนั้นรึ”

สีหน้าของชายในชุดคลุมปักลายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้ามู่เฉิงซีดเผือดทันที เขารีบคุกเข่าลงบนพื้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “นายท่าน เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ ข้าน้อยส่งคนออกไปจับตัวเด็กสองคนนั้นกลับมาแล้ว… แต่…”

“แต่อะไร” เจ้ามู่เฉิงถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ขณะจิบชาต่อ

ชายในชุดคลุมปักลายลอบมองเจ้ามู่เฉิง ก่อนเอ่ยตอบอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงน้อยแห่งตระกูลโอวหยางและทายาทตระกูลหยางหนีไปทางร้านลึกลับขอรับ…”

“ร้านลึกลับรึ หืม เจ้าหมายถึงร้านที่กำลังโด่งดังไปทั่วเมืองตอนนี้น่ะรึ ร้านที่แม้แต่ท่านจักรพรรดิยังต้องไปเยือนด้วยพระองค์เองน่ะนะ” เจ้ามู่เฉิงที่กำลังจะยกชาขึ้นดื่มชะงักแล้วเอ่ยถามอย่างงุนงงสงสัย เขาได้ยินข่าวลือเรื่องร้านอาหารเล็กๆ ร้านนั้นมาเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่านี้

จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้ เขารู้ว่าพื้นเพของร้านนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน

“อสูรเวทในตำนานกับหุ่นเชิดที่สามารถไล่ขั้นนักพรตยุทธการกระเจิดกระเจิงได้ ช่างเป็นร้านที่แปลกประหลาดเสียจริง… แล้วเจ้าได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาหรือไม่” เจ้ามู่เฉิงถาม

“พวกข้าน้อยได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้วขอรับ แต่ก็ไม่รู้อะไรไปมากกว่านี้” ชายในชุดคลุมปักลายตอบ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขากลัว หากโอวหยางเสี่ยวอี้และหยางเฉินหนีเข้าร้านนั้นไปได้สำเร็จ พวกเขาจะต้องเข้าไปในร้านเพื่อจับตัวเด็กสองคนนั้นกลับมาอีกครั้ง ทว่าร้านนั้นกลับ… ดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลย

“ฮึ! ถ้าแม้แต่ข้อมูลง่ายๆ เจ้ายังหาไม่ได้ ข้าจะเสียเงินจ้างเจ้าไปเพื่ออะไรกัน ข้าเสียเงินค่าเครือข่ายข้อมูลให้พวกเจ้าทุกปีปีละหลายหมื่นผลึก แต่พวกเจ้ากลับหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารเล็กๆ มาให้ข้าไม่ได้เนี่ยนะ” เจ้ามู่เฉินพ่นลมเย็นเยาะเย้ย สายตาจับจ้องมาที่ชายหนุ่มตรงหน้า

ชายหนุ่มรู้สึกได้ทันทีว่าเหงื่อเย็นกำลังผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังของตน

“ช่างเถอะ ร้านนี้อาจจะลึกลับอย่างที่ว่ากันจริงๆ ก็ได้ ในทวีปที่แสนกว้างใหญ่นี้มีพลังลึกลับอยู่มากมายที่แม้แต่เราเองก็ยังจินตนาการไม่ถึง ไม่ใช่ความผิดของเจ้าที่หาข้อมูลมาไม่ได้ แต่… เจ้าจะต้องจับตัวเจ้าเด็กตระกูลโอวหยางกับตระกูลหยางกลับมาให้ได้! หากจำเป็นเจ้าก็จงไปลงมือด้วยตนเองเสีย ทำอย่างไรก็ได้ให้เด็กสองคนนั้นกลับมายืนอยู่ตรงหน้าข้า”

สีหน้าของชายเบื้องหน้าเจ้ามู่เฉิงเปลี่ยนเป็นเหยเกทันที “นายท่านขอรับ แต่ว่า… ที่หน้าร้านนั้นมีอสูรเวทในตำนานเฝ้าอยู่นะขอรับ! ยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดนั่นก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้ฝึกตนระดับหกอย่างข้าจะจัดการได้”

“อสูรเวทในตำนานรึ ฮึ… เจ้าเชื่อข่าวลือไร้สาระพรรค์นั้นด้วยรึ เจ้าคิดจริงหรือว่าอสูรเวทในตำนานจะมารับบทสุนัขเฝ้ายามให้ร้านอาหารน่ะ แม้แต่สำนักความลับแห่งสวรรค์ สำนักที่ลึกลับที่สุดในบรรดาสำนักใหญ่ทั้งสิบ ยังไม่มีปัญญาขนาดนั้นเลย แล้วร้านเล็กๆ จะไปจับอสูรเวทในตำนานมาเฝ้ายามได้อย่างไรเล่า”

ดูก็รู้ว่าเจ้ามู่เฉิงไม่เชื่อว่าอสูรเวทในตำนานจะมาเฝ้ายามให้ร้านอาหารเล็กๆ แห่งนั้น บางทีความพ่ายแพ้ของเซียวเหมิงและขันทีเหลียนอาจเป็นเรื่องบังเอิญ ทั้งสองอาจโดนสุนัขตนนั้นหลอกก็เป็นได้

เจ้ามู่เฉิงมั่นใจในทฤษฎีของตนเองมากเนื่องจากเคยเห็นอสูรเวทระดับเก้าในตำนานตัวเป็นๆ มาก่อน เขารู้ดีว่าอสูรนี้น่ากลัวร้ายกาจเพียงใด แล้วสิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจเช่นนั้นจะมาเฝ้าร้านอาหารเล็กๆ นี้ไปเพื่ออะไรกัน… ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

ความหัวแข็งของเจ้ามู่เฉิงทำให้ชายในชุดคลุมลายปักหงุดหงิดเป็นอันมาก… แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องลองดูสักตั้ง ตอนนี้เขามีทางเลือกเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือการหวังให้นายตนเดาถูก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD