การปรากฏตัวของฉินซี ดึงดูดความสนใจของคนวัยกลางคนทันใด
ตอนที่เขาเห็นรูปโฉมฉินซี รู้สึกว่าความสดใสของตัวเองได้กลับมาแล้วในทันใด
“คนสวยสวัสดีครับ ผมชื่อเว่ยเสียง มาจากตระกูลเว่ย มิทราบว่าคนสวยชื่ออะไรเหรอครับ?"
สายตาของเว่ยเสียงเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ กำเริบเสิบสานแล้วมองฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยเฉพาะจุดลับหลายจุดนั้น ถูกเค้ามองด้วยความลามกหลายครั้ง
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเขา ความจริงไม่ใช่ภรรยาของเขา เพียงแต่เป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งเปลี่ยนเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้จะสวยระดับหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับฉินซีแล้ว ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
ฉินซีหน้านิ่วคิ้วขมวด ที่เจียงโจว ที่กล้าแนะนำตัวว่าตนมาจากตระกูลเว่ยได้นั้น มีความเป็นไปได้อย่างเดียว คืออีกฝ่ายมาจากตระกูลเว่ยที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลของเจียงโจว
ในขณะเดียวกันนี้เอง ฉินยีออกมา หลังจากที่เห็นคนแปลกหน้าหลายคนที่สวน เธอจึงได้ถามอย่างสงสัยว่า “พี่ พวกเขาเป็นใคร?"
แค่ฉินซีคนเดียว ก็พอที่จะทำให้เว่ยเสียงตกใจได้แล้ว แล้วตอนนี้ยังมีฉินยีที่สวยระดับเดียวกันออกมาอีก ทำให้เว่ยเสียงแสดงอาการเจ้าชู้ขึ้นมา
เห็นสายตาไม่ดีของเว่ยเสียง ฉินซีจึงได้ลากฉินยีมาด้านหลัง กล่าวอย่างสงบ “ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกเป็นใคร ที่นี่เป็นบ้านของฉัน เชิญออกไปเดี๋ยวนี้!”
“คนสวย ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกคุณชื่ออะไรกันบ้าง! อีกอย่าง ตอนนี้ที่นี่เป็นบ้านของคุณ แต่อีกเดี๋ยว ก็จะกลายเป็นบ้านของผมแล้วล่ะ” เว่ยเสียงมองไปที่สองสาวอย่างยิ้มกริ่ม
“หมายความว่าไง?" ฉินซีขมวดคิ้ว
“ที่นี่คืออสังหาที่ครอบครัวตระกูลเว่ยของผมจะพัฒนา ตอนนี้ผมและผู้หญิงของผมชอบมัน พวกคุณทำได้เพียงย้ายออก แน่นอน ถ้าคุณคนสวยทั้งสองไม่ติดอะไร จะอยู่กับผมก็ได้นะ”
เว่ยเสียงยิ้มอย่างมีเลศนัย ราวกับไม่ปิดบังว่าสนใจฉินซีและฉินยีแต่อย่างใด
“ไอ้เหี้ยหมูตอน แกพูดมั่วอะไร?"
ฉินยีเกรี้ยวกราด ด่าออกมาทันใด
เว่ยเสียงถูกยั่วโมโหทันที เขาสูงเพียง1.6เมตร แต่กลับหนัก200กว่ากรัม หัวตัวหูใหญ่ ทวารทั้งห้าบีบอัดเข้าหากัน หน้าตาน่าเกลียดสุดๆ
เขาเกลียดที่คนอื่นว่าเขาว่าอ้วนที่สุด แน่นอน ด้วยตัวตนของเขา ก็ไม่มีใครว่าเขาว่าอ้วน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีใครกล้าด่าเขาต่อหน้าว่าไอ้หมูตอน
“ถ้าแน่จริง แกเรียกฉันใหม่อีกครั้ง!”
เว่ยเสียงโกรธจนตาลุกเป็นไฟ แบบนี้ทำให้ตาเล็กลงเข้าไปอีก เห็นเพียงเส้นเดียวเท่านั้น
ฉินซีรู้สึกไม่ดี จึงรีบขวาง “เสี่ยวยี ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเข้าไป!”
“พี่ พี่ก็ดูสายตาของไอ้เหี้ยหมูตอนนี้สิ ขยะแขยงจริงๆ เขาไม่ผิดที่หน้าตาน่าเกลียด แต่มันยังทุเรศอีก”
ฉินยีไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองยั่วโมโหใครเข้าแล้ว แล้วยังประชดประชันอยู่อีก
“หุบปาก!” เว่ยเสียงเกรี้ยวกราด
การ์ดที่อยู่ด้านหลังเขาคนหนึ่ง ไปที่ฉินยีโดยตรง
มาถึงตอนนี้ ฉินยีเพิ่งจะรู้ ว่าอีกฝั่งกล้าลงไม้ลงมือแล้วจริงๆ
“ถ้าพวกแกยังวุ่นวายอีก ฉันจะเรียกรปภ.แล้วนะ! ”
ฉินซีร้อนรนขึ้นทันใด หยิบมือถือโทรไปหาส่วนกลาง “ฉันคือเจ้าของยอดเมฆา มีคนก่อความวุ่นวายที่นี่ พวกคุณมาจัดการหน่อย”
ส่วนกลางที่เดิมทีรับสายแล้วมีมารยาทมาก หลังจากได้ยินเธอพูดว่าเป็นยอดเมฆาแล้ว อีกฝ่ายก็วางสายทันที
เว่ยเสียงดูแคลน “นี่เป็นหมู่บ้านคฤหาสน์หรูที่ตระกูลเว่ยของฉันพัฒนา ต่อให้ที่นี่เป็นยอดเมฆา แกคิดว่าพวกเขาจะกล้ายุ่งเรื่องของฉันมั้ย?"
ฉินซีเข้าใจได้ในทันที ทางผ่านมาที่นี่มีเพียงเส้นทางเดียว ถ้าไม่ใช่ส่วนกลาง ไม่มีทางปล่อยเข้ามาได้แน่นอน ตอนนี้เว่ยเสียงขับรถเข้ามาได้ ก็อธิบายได้แล้ว
และตอนนี้ การ์ดของเว่ยเสียงมาถึงข้างกายฉินยี ยกมือขึ้นแล้วตบไป
“เพี่ยะ!”
การ์ดกำลังจะตบไป จู่ๆก็รู้สึกว่าถูกคนจับข้อมือไว้ เห็นเพียงชายบึกบึนผิวดำ ขวางอยู่ตรงหน้าของฉินยี การ์ดหน้าเปลี่ยนสีทันใด “ปล่อย!”
“ไสหัวไป!”
ชายดำบึกบึนต่อยไปที่อกของการ์ด การ์ดถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวถึงหยุดลง ด้วยสายตาตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...