The king of War นิยาย บท 1104

สรุปบท บทที่ 1104 อาคันตุกะลึกลับ: The king of War

บทที่ 1104 อาคันตุกะลึกลับ – ตอนที่ต้องอ่านของ The king of War

ตอนนี้ของ The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1104 อาคันตุกะลึกลับ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ส่วนผู้ที่ฉากถอยออกจากการต่อสู้ เฉาเยว่ซึ่งเตรียมรอให้สามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพบั่นทอนกำลังหยางเฉิน แล้วจึงค่อยจู่โจมด้วยกลยุทธ์สุดท้ายที่จะปลิดชีวิตหยางเฉินให้ได้ ยิ่งรู้สึกสะเทือนขวัญเป็นที่สุด ยืนอยู่กับที่ ปากอ้าค้างเล็กน้อย ดูเหมือนจะลืมหายใจ

เขารู้อยู่ว่าหยางเฉินมีพลังฝีมือสูงมาก เข้าถึงขั้นแดนเทพแล้ว แต่คิดยังไงก็คิดไม่ถึง ผู้แข็งแกร่งขั้นกึ่งแดนเทพที่เขาแอบซุ่มเก็บตัวฝึกมาอยู่หลายปี กลับถูกสังหารหมดไปในเวลาแทบจะว่าไม่ทันได้กะพริบตา

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเหมือนแค่ช่วงสะเก็ดไฟกระเด็นออกจากการตีหินเหล็กเท่านั้น จากที่เฉาเยว่ฉากถอยออกจากวงต่อสู้ จนถึงตอนสามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพถูกล้างฆ่า เพียงช่างเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสองสามวินาที

คนอื่นอาจจะไม่รู้ถึงสมรรถนะของสามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพ เมื่อรวมตัวกันแล้ว จะมีพลังทำลายในการต่อสู้ขนาดไหน มีแต่ เฉาเยว่เองจึงจะรู้แน่ชัด

ให้แม้กระทั่งกับผู้แข็งแกร่งขั้นกลางแดนเทพ สามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพชุดนี้ผนึกพลังกัน ก็ยังยืนหยัดได้ไม่มีการแพ้

ยิ่งถ้าเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพขั้นกลางทั่ว ๆ ไปแล้ว สามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพชุดนี้ จัดการฆ่าได้หมด

โดยทั่วไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งแดนเทพขั้นเริ่มต้น เจอสามผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพชุดนี้ จะมีก็ตายลูกเดียว

แต่ว่ามาในขณะนี้ สามคนที่ว่านี้กลับใช้เวลาแค่สองสามวินาที ก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว

นี่ไม่ใช่กำลังบอกว่า พลังฝีมือแท้จริงของหยางเฉิน อย่างน้อยก็ขั้นเทพระดับกลางแล้วงั้นหรือ?

อีกทั้งยังไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพชั้นกลางธรรมดาทั่วไปด้วย

“นี่......นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง?”

เฉาเยว่มีแต่ความไม่หน้าเชื่อเต็มหน้า สั่นเทิ้มด้วยความเครียดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เซถอยไปสองสามก้าว

หยางเฉินมองไปยัง เฉาเยว่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พูดเสียงเยือก “สวรรค์มีทางให้เดินไม่ยอมไป นรกประตูยังปิดอยู่ดันอยากลุย!ในเมื่อแกเลือกเองว่าจะไปตาย งั้นข้าก็จะช่วยให้สมใจหมาย!”

เสียงพูดจบลงในชั่วขณะเดียวกันนั้น ฟ้าดินยังรู้สึกต้องถึงกับเปลี่ยนสี ฉับพลันนั้น ลมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง

บรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว ครอบคลุมทั่วตระกูลฉิน ส่วนเฉาเยว่ ก็รับความกดดันจากหยางเฉินเต็ม ๆ

“ปึง!”

เฉาเยว่ไม่สามารถทนยืนต่อไปได้อีก หัวเข่าทั้งคู่ทรุดลงกับพื้นอย่างแรง

ฉากที่ปรากฏนี้ ยิ่งทำให้คนตื่นผวากัน กษัตริย์เฉาแห่งเมืองคิงเฉาแท้ ๆ มาตอนนี้ได้คุกเข่าลงให้กับหยางเฉิน

แต่ทว่ามีแต่เฉาเยว่เองรู้ตัวเองอย่างชัดเจน มันไม่ใช่ตัวเขาจะคุกเข่าให้ แต่มันเป็นพลังที่กดบังคับมาจากหยางเฉิน ทำให้เขาหมดเรี่ยวแรงที่จะต้านทาน

“ตายซะ!”

หยางเฉินตวาดลั่น ตัวร่างหายไปจากที่เดิมในพริบตา

ทุกคนทั้งหมดรู้สึกเพียงมีแสงวูบให้เห็นด้วยตา ไม่ทันเห็นตัวหยางเฉิน ก็ปรากฏว่าหยางเฉินหายไปจากที่เดิมแล้ว

“บรึม!”

ในชั่วขณะที่หมัดหยางเฉินกำลังซัดลงไปเกือบถูกตัวเฉาเยว่นั้น ทันใดก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น สิงโตหินแท่งหนึ่งปลิวลอยมา ปิดขวางอยู่ตรงหน้าเฉาเยว่พอดี

หมัดของหยางเฉินที่อัดลงไป กลับซัดลงไปบนตัวแท่งสิงโตหินนั่น สิงโตหินนั้นกลายเป็นฝุ่นผงไปในพลัน

หลังจากผงฝุ่นที่ปลิวว่อนสงบหยุดลง เฉาเยว่เดิมที่คุกเข่ากับพื้นอยู่ หายไปจากพื้นที่เดิม

นาทีนั้น คนทั้งบริเวณแตกตื่น!

บรรดาคนที่อยู่ในที่นั้นต่างตื่นผวากับการหายไปจากที่เดิมของเฉาเยว่

“เฉาเยว่ หรือจะโดนอัดจนเหลือเป็นธุลีผง?”

เหล่าอู๋เบิกตาโต พึมพำอยู่กับตัวเอง

ในตาของอู่เลี่ยเต็มไปด้วยความร้อนร่า ตาจ้องเขม็งอยู่กับร่างชายหนุ่ม

ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสุดท้ายทั้งแปดที่หยางเฉินนำมา ก็มีใบหน้าอิ่มเอิบเร่าร้อน ด้วยความตื่นเต้น แต่ละคนก็กำหมัดชูกันขึ้นมา มองไปที่หยางเฉินอย่างเทิดทูน

พวกผู้นำตระกูลเศรษฐีแต่ละตระกูล แต่ละคนมีแต่ความหมดหวังเต็มหน้า แข็งแกร่งขนาดกษัตริย์เฉา ยังถูกหยางเฉินถล่มจนเหลือแต่กาก แม้เศษกระดูกยังไม่มีให้เห็นเลยหรือ?

มีแต่หยางเฉิน แววตาสาดแสงมาแวบหนึ่ง ตาทั้งคู้จ้องไปที่จุด จุดหนึ่ง พูดเสียงเยือก “ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็เชิญปรากฏตัวเถอะ!”

“ใครกัน?”

“มีใครอีกด้วยหรือ?”

หยางเฉินพูดขึ้นว่า “เป็นคนของเมืองเหมียวจริง ๆ ด้วย”

เมื่อครู่นี้เขาแค่ลองแหย่ถาม ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะแสดงตัวออกมาเอง ด้วยเรื่องที่หยางเฉินได้ทำลายหนอนพิษกู่ดูดจิต

ฉินหรูเฟิงเองก็เพราะในตัวมีหนอนพิษกู่ดูดจิตอยู่ จึงสามารถกระตุ้นพลังจากใกล้กึ่งแดนเทพ ให้เพิ่มออกมาถึงระดับเทียบขั้นต้นแดนเทพได้

ที่ทำให้หยางเฉินต้องตื่นใจมากคือ หนอนพิษกู่ดูดจิตในตัวของฉินหรูเฟิงนั้น ไม่ใช่ถูกวางโดยชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้านี้ แต่เป็นอาจารย์ของชายวัยกลางคนคนนี้

พลังฝีมือที่ชายวัยกลางคนคนนี้แสดงออกอยู่ในขั้นเทพระดับกลาง ถ้างั้นอาจารย์เขานั้นหละ จะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน?

ไม่เสียทีที่เป็นเมืองเหมียวที่ปิดตัวจากโลกภายนอก ช่างลึกลับจริง ๆ แค่เพียงปรากฏออกมาคนหนึ่ง ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนเทพแล้ว

นี่นับเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนเทพจากเมืองเหมียวคนที่สองที่หยางเฉินได้พบ

“กรณีฉินหรูเฟิงศิษย์ผู้พี่แย่งชิงอำนาจ เป็นเรื่องสมควรตายตั้งแต่เมื่อห้าสิบปีก่อนแล้ว ข้าเป็นเขยของตระกูลฉิน ข้าต้องสังหารเขาแก้แค้นแทนพ่อของพ่อตาข้า นี่เป็นเรื่องในครรลองธรรม”

หยางเฉินพูดไปด้วยสีหน้าเย็นชา “เรื่องตามโลกียะของตระกูลฉิน เมืองเหมียวก็จะสอดเข้ามายุ่งด้วยหรือ?พวกคุณไม่กลัวหรือว่า ถ้าเรื่องนี้ปูดขึ้นมาให้สังคมรู้กันไปทั่ว จะเป็นการนำความเดือดร้อนให้เมืองเหมียว?”

ชายวัยกลางคนนั้นขมวดคิ้วย่นขึ้นมาพลัน คำพูดของหยางเฉินหสร้างความกดดันให้เขาเป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาไม่กล้าจะก้าวเข้ามาในสังคมโลกอย่างเปิดเผยได้ หากเป็นเรื่องถูกเปิดโปงขึ้นมา ย่อมต้องพาความเดือดร้อนใหญ่หลวงไปยังเมืองเหมียวเป็นแน่

ความเดือดร้อนแม้จะใหญ่มาก แต่ก็ไม่ใช่เหตุที่ทำให้เขาต้องเกรงกลัวกับผู้แข็งแกร่งในสังคมโลกคนเดียวนี้

“ในเมื่อต้องเป็นอย่างนั้น ก็มีแต่จะต้องจัดการฆ่าพวกแกทั้งหมดนี้ พวกแกตายกันหมด เรื่องนี้ก็ไม่มีให้แพร่งพรายออกไปได้แม้แต่นิดเดียวแล้ว”

สายตาของชายวัยกลางคนฉายแววฆ่าเข้มข้นออกมาเป็นประกาย

ได้ยินที่เขาพูดมา บรรดาหัวหน้าตระกูลเศรษฐีต่างตกใจกันขวัญฝ่อ แต่ละคนทรุดคลานลงไปกับพื้น พูดด้วยอาการพรั่นพรึง “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ พวกเราไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ขอท่านได้โปรดอย่าฆ่าพวกเราเลย”

“พวกเราขอรับรอง สิ่งที่พวกเราเห็นในวันนี้ ทั้งที่ได้ฟังมาทั้งหมด จะไม่มีการแพร่งพรายออกไปข้างนอกนี้อย่างเด็ดขาดแม้แต่คำเดียว ขอท่านได้โปรดไว้ชีวิตพวกเรเถิด”

เวลานี้ นอกจากคนของตระกูลฉิน นอกนั้นต่างคุกเข่าลงขอชีวิต

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War