The king of War นิยาย บท 1105

สรุปบท บทที่ 1105 วิชาลับมารร้าย: The king of War

สรุปตอน บทที่ 1105 วิชาลับมารร้าย – จากเรื่อง The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง

ตอน บทที่ 1105 วิชาลับมารร้าย ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง The king of War โดยนักเขียน เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

แม้แต่เฉาเยว่ ก็ยังพูดด้วยความหวาดหวั่น “ท่านผู้อาวุโส ต้องขอได้โปรดกรุณาด้วย หัวโจกทำเรื่องคือพวกตระกูลฉิน และยังมีเจ้าหยางเฉิน ขอให้พวกมันตายไปให้หมด ข้ารับรองเรื่องทั้งหมดนี้จะไม่มีหลุดออกไปแม้คำพูดแค่คำเดียว”

“ข้าเป็นกษัตริย์เมืองเฉาแห่งนี้ ข้าขอรับประกันกับท่านได้ว่า หากเรื่องที่นี่ในวันนี้มีหลุดออกไปแม้แต่คำพูดคำเดียว ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบเอง!”

ชายวัยกลางคนคนนั้นมองหน้าเฉาเยว่ผ่าน ๆ พูดเสียงเยือกว่า “ยกเว้นตัวเจ้า นอกนั้น ต้องตายหมด!”

เฉาเยว่เตรียมจะพูดขอร้องอีก แต่ถูกชายวัยกลางคนนั้นถลึงตาใส่ ทำเอาตกใจสั่นไปทั้งตัว ไม่กล้าปริปากพูดอีก

ส่วนคนอื่น ๆ ที่ต่างก็ได้ยินชายวัยกลางคนนั้นพูด ทำเอาแต่ละคนสิ้นหวัง ตอนที่เห็นชายวัยกลางคนลึกลับโผล่มา ก็ได้เห็นพลังฝีมือสูงล้ำอย่างน่ากลัว

เดิมทีแต่ละคนคิดแต่ว่า ชายวัยกลางคนคนนี้มาช่วยเฉาเยว่ ก็เท่ากับมาช่วยพวกเขาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า กลับจะมาให้พวกเขาต้องตาย

“ท่านกษัตริย์เฉา ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”

บรรดาหัวหน้าตระกูลเศรษฐี ต่างคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง มองไปที่คิงเฉาอย่างเว้าวอน

นัยน์ตาเฉาเยว่ทอประกายหนาวเหน็บ กัดฟันพูดไปว่า “พวกเจ้าก็เห็นอยู่แล้ว ไม่ใช่ข้าไม่ได้คิดจะช่วยพวกเจ้า แต่เป็นเพราะไอ้หยางเฉินนี่มันไปทำลายของแสนหวงของอาจารย์ของคุณท่านท่านนี้”

“ส่วนเกี่ยวพันในเรื่องนี้หนักหนามาก เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ในวันนี้จะรั่วไหลให้ใครรู้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว พวกเจ้าก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวเดียว!”

“จะโทษ พวกเจ้าก็ต้องไปโทษหยางเฉิน ก็เพราะมันไปแหย่เอาคนที่ไม่ควรจะไปแหย่เข้าให้ จึงได้พาลเดือดร้อนมาถึงพวกเจ้า”

คำพูดของเฉาเยว่นี้ พลันปลุกเอาความโกรธแค้นของคนทั้งหมด โยนใส่ไปที่หยางเฉิน

แต่ทว่า หยางเฉินแข็งแกร่งเอามาก ๆ พวกเขาก็ได้แต่โกรธแต่พูดอะไรไม่ออก

หยางเฉินยืนอย่างไร้อารมณ์ใด ๆ อยู่ในที่เดิม มองเยือก ๆ ไปที่ชายวัยกลางคน “เห็นแก่ที่เจ้าเป็นคนเมืองเหมียว ข้าก็ยังพอให้โอกาสกับเจ้าได้ ไปจากที่นี่ซะ ข้าจะถือว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่”

ครั้งก่อนอยู่ที่เมืองกษัตริย์กวน หยางเฉินก็เคยได้ประมือกับผู้แข็งแกร่งขั้นเทพเมืองเหมียวคนหนึ่ง ก็รู้ได้ว่า ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพของเมืองเหมียวมีจำนวนจำกัด หากน้อยหายไปคนหนึ่ง น่ากลัวต้องทำให้สะท้านสะเทือนไปทั้งเมืองเหมียว

เขาก็ไม่คิดจะเห็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทพเมืองเหมียวเข้ามาในสังคมโลกมากไปกว่านี้ ก็จึงไม่อยากฆ่าชายวัยกลางคนคนนี้

แต่ ทั้งที่เขาไม่อยากฆ่าฝ่ายตรงข้าม ทว่ากลับถูกฝ่ายตรงข้ามมองว่าหยางเฉินกลัวเขา จึงแกล้งพูดไปแบบนี้

“คุยเขื่องเลยนะ จะให้โอกาสข้าเลยรึ?”

ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงเยือก พุ่งตรงเข้าใส่หยางเฉิน

“ผัวะ!”

แต่ทันทีที่ชายวัยกลางคนนั้นขยับตัว หยางเฉินก็ได้ขยับแล้ว

ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกคน หยางเฉินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนคนนั้น มือคว้าจับต้นคอชายกลางคนคนนั้น พูดเสียงเหี้ยม “ที่ข้าพูด เจ้าทำไมไม่เชื่อ?”

คนทั้งหมดตาเหลือกค้าง มองไปที่หยางเฉินอย่างไม่อยากเชื่อ

เห็นหยางเฉินออกแรงไปที่แขน ตามติด ๆ ให้เห็นชายวัยกลางคนนั้นถูกยกลอยอยู่กลางอากาศทั้งตัว

เฉาเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ผงะถอยหลังไปหลายก้าว ทรุดกระแทกก้นนั่งลงกับพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หยางเฉินเคยได้ทำให้เขาเห็นแล้วว่ามีพลังฝีมือสามารถฆ่าเขาได้ ในขณะนี้ ขนาดชายวัยกลางคนลึกลับที่ดูพลังฝีมือน่ากลัวยิ่งกว่านั้น ต่อหน้าหยางเฉิน ยังไม่พอคณามือเลยหรือ?

ความคิดแต่เดิมของเขา การประเมินขีดความสามารถในตัวหยางเฉินนั้น ก็เรียกว่าสูงมากแล้ว แต่ทุก ๆ แต่ละครั้ง ล้วนทำให้เขาได้เห็นว่า ตัวเขาเองด้อยค่าหยางเฉินเกินไปมาก ๆ

“ไม่นะ!”

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

“นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!”

หยางเฉินมองเหมียวหยุนกว่างอย่างไร้สาระ พูดเสียงเหยียด ๆ ว่า “สู้ไม่ได้ ก็ว่าคนอื่นใช้วิชามาร ถ้างั้นในสายตาคนทั่วไปในสังคมปกติ แกนี่อายุก็แค่ห้าสิบบวกลบ มีพลังฝีมือขนาดนี้ น่าจะต้องมีวิชามารอะไรมากระตุ้นด้วยมัง?”

เหมียวหยุนกว่างชะงักอึ้ง พูดอะไรไม่ออกในทันที

มันเป็นข้อเท็จจริง วิชาบูโดไม่ได้เป็นที่รุ่งเรืองมากในสังคมทั่วไป มีแต่พวกตระกูลอิทธิพลที่ปลีกตัวจากสังคม มุ่งใฝ่ทางบูโด อยู่ในเฉพาะกลุ่มตระกูลที่สั่งสมประสบการณ์บูโดนับร้อยปีมา จึงจะมีพลังฝีมือบูโดที่ก้าวไกลอย่างรวดเร็ว

ในสายตาของคนสังคมทั่ว ๆ ไป ผู้แข็งแกร่งระดับตัวเขานี้ ไม่มีตัวตนเหลืออยู่แล้ว

“คงคิดแต่ว่าผู้แข็งแกร่งที่เดินออกมาจากเมืองเหมียว ก็มีความสามารถกวาดล้างทั่วฟ้าทั่วแผ่นดินเลยหรือ?ข้าจะบอกให้นะ ในสายตาคนเมืองเหมียว พลังฝีมือของเจ้าอาจจะแข็งแกร่งมาก ๆ แต่ในพื้นที่ที่พวกเจ้าไม่เคยได้สัมผัสถึงนั้น พลังฝีมืออย่างเจ้า ถือว่าไม่เท่าไหร่”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “และที่ข้าจะบอกเจ้าได้อีกนั้น ผู้แข็งแกร่งระดับชั้นอย่างเจ้า ตายด้วยมือชองข้า อย่างน้อยก็มีแล้วสิบคน”

ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ เหมียวหยุนกว่างไม่มีทางเชื่อหยางเฉินอย่างเด็ดขาด แต่ถึงตอนนี้ หยางเฉินได้แสดงให้เห็นแล้วถึงพลังฝีมือในการฆ่าคน เขาไม่มีอะไรที่จะไม่เชื่อได้เลย

ชั่วเวลานั้นเอง สีหน้าเหมียวหยุนกว่างอึมครึมลงไปสุด ๆ การกระตุ้นพลังบูโดให้ระเบิดขึ้นด้วยพิษกู่ เป็นขบวนการที่ใช้ในเหตุจำเป็นขั้นวิกฤตเท่านั้น

เพราะเมื่อใช้ขบวนการนี้ออกมา พิษกู่ก็จะทำลายบางส่วนของร่างกาย ถึงขนาดทำลายตับไตไส้ปอดอวัยวะภายใน

เบาะ ๆ ก็บาดเจ็บสาหัส หนัก ๆ ก็ถึงตาย!

แต่ทว่าเพื่อจะเอาชีวิตรอด เขาจึงจำต้องใช่พิษกู่นี้ฝืนกระตุ้นพลังบูโดของเขาขึ้นมา

“เฟี้ยว!”

ทันใดนั้น เหมียวหยุนกว่างจู่ ๆ มองไปที่เฉาเยว่ ดีดนิ้วออกไป หนอนพิษกู่สีดำเม็ดหนึ่ง พุ่งใส่เข้าปากเฉาเยว่ในพริบตา

“เจ้าให้ข้ากินอะไรเข้าไป?”

เฉาเยว่สีหน้าตื่นในทันใด ถามไปด้วยความหวาดกลัวเต็มหน้า 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War