เว่ยเชินยังกล้าขัดขวางที่ไหนกัน รีบพยักหน้าทันที ในปากส่งเสียงอ้ำอึ้งออกมา
เมื่อสักครู่หยางเฉินกดศีรษะของเขาไว้ ส่วนหน้ากระแทกบนโต๊ะกาแฟอย่างรุนแรง จมูกยุบลง ฟันก็หลุดออกมาหลายซี่ด้วย
เวลานี้บวมเป่งไปทั้งหน้า พูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
หยางเฉินจึงก้าวเท้าเดินออกไป ตอนเดินมาถึงหน้าประตู หยุดฝีเท้าลงกะทันหัน “ให้เวลานายคิดคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ก่อนสิบโมงเช้า ฉันจะรอคำตอบนายอยู่ที่หวงเหอบาธ!”
หลังพูดจบลง หยางเฉินก็จากไป
ทั้งตัวเว่ยเชินเหมือนกับถูกพิษเข้า ด้านหลังเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อตั้งนานแล้ว
ตอนที่หยางเฉินกลับมาถึงคฤหาสน์ ฟ้ามืดลงเรียบร้อย
“พี่เขย พี่กลับมาแล้ว!”
มองเห็นหยางเฉิน ฉินยีทักทายมาก่อนเลย
หยางเฉินจ้องฉินยีอยู่สักครู่หนึ่ง สีหน้าเหมือนปกติ ดวงตาประกาย ไม่เหมือนแสร้งทำขึ้น นั่นหมายความว่า เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พลิกล็อกแล้ว
“นี่พี่กำลังกังวลเรื่องเมื่อช่วงบ่ายจะทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีงั้นเหรอ?”
ฉินยีเดินเข้ามา เริ่มควงแขนของหยางเฉินไว้ก่อน จากนั้นพูดจาแบบยิ้มกริ่ม
หยางเฉินดึงแขนกลับมาอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ก่อนจะหัวเราะ “ดูท่าทาง เธอน่าจะไม่เป็นอะไรมั้ง!”
เขาเพิ่งดึงแขนกลับมา ผลสุดท้ายฉินยีกอดแขนของเขาไว้อีกแล้ว หัวเราะพูดไป “พี่เขย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่เรียกพี่ว่าพี่เขยแล้ว!”
“หา?”
หยางเฉินตะลึง “ไม่เรียกพี่เขยแล้วจะเรียกอะไร?”
“ตั้งแต่เด็กฉันอยากมีพี่ชายสักคน อยู่มายี่สิบกว่าปีแล้ว มีเพียงพี่ที่ทำให้ฉันเจอความรู้สึกของพี่ชายเข้า ดังนั้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉันจะเรียกพี่ว่าพี่ชาย!”
ฉินยีเขย่าแขนของหยางเฉิน หัวเราะคิกคักบอกไป
ฉินซีมองเห็นฉินยีกอดแขนของหยางเฉินไว้ ในใจอิจฉาอยู่บ้าง รีบเดินมาข้างหน้า ดึงฉินยีเข้ามา “พอแล้ว ให้พี่เขยเธอไปกินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วค่อยคุยกันเรื่องอื่น”
“พี่ ฉันบอกแล้วไงว่าเขาเป็นพี่ชายฉัน ทำไมพี่ถึงพูดว่าพี่เขยอยู่อีก?” ฉินยีมองค้อนทีหนึ่งพูดขึ้น
ฉินซีพูดด้วยความจำใจ “ได้ๆๆ เขาเป็นพี่ชายเธอ ให้พี่ชายเธอไปกินข้าวก่อน ได้ไหม?”
“พวกแกพูดมั่วอะไรกัน?”
ไม่รู้ว่าโจวยู่ชุ่ยวิ่งเข้ามาเมื่อไร พอได้ยินบทสนทนาของสองสาวพี่น้อง ชั่วขณะนั้นสีหน้ามืดครึ้มลงไป
“หนูอยากนับหยางเฉินเป็นพี่ชาย ทำไมถึงกลายเป็นพูดมั่วไปได้?” ฉินยีพูดแบบหน้าไม่พอใจ
หลังจากครั้งก่อนที่โจวยู่ชุ่ยทำร้ายจิตใจของฉินยี ถึงตอนนี้ ฉินยียังไม่ให้อภัยหล่อนเลย
“เชอะ!”
โจวยู่ชุ่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา “ไม่ใช่ว่าซูเฉิงอู่ติดหนี้บุญคุณแกครั้งหนึ่งเหรอ? ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เอาคฤหาสน์หลังหนึ่งขนาดนี้ให้แกมา”
หล่อนไม่รู้ว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นหยางเฉินซื้อมา ตั้งแต่ครั้งก่อนที่โรงแรมสตาร์ไลท์ ซูเฉิงอู่บอกกับหล่อนด้วยตนเองว่าหยางเฉินเคยช่วยเหลือตระกูลซู หล่อนจึงเข้าใจมาตลอดว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นการตอบแทนน้ำใจจากซูเฉิงอู่ ถึงมอบให้หยางเฉิน
“แม่ นี่เป็นหยางเฉินซื้อมา เกี่ยวอะไรกับตระกูลซูกัน?” ฉินซีพูดอธิบาย
“ห้าปีก่อน เขาเพิ่งหลอกเอาเงินห้าแสนจากพ่อแกไป เป็นทหารอยู่ห้าปีกลับมาก็สามารถซื้อคฤหาสน์หรูหราขนาดนี้ได้ปุบปับ?” โจวยู่ชุ่ยพูดเสียดสี
“โจวยู่ชุ่ย คุณพอได้แล้ว!”
ในเวลานี้เอง เสียงที่โกรธเคืองดังขึ้นมาจากหน้าประตู เป็นฉินต้าหย่งเลิกงานกลับบ้านมาแล้ว
“ห้าปีก่อน หยางเฉินมายืมเงินผมไปห้าแสน แต่เพื่อช่วยชีวิตแม่ของเขา เพียงแต่ที่น่าเสียดายคือยังไม่ทันให้เขาเอาเงินไปถึงโรงพยาบาล แม่ของเขาก็เสียแล้ว”
ฉินต้าหย่งพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “วันต่อมาหยางเฉินเลยเอาเงินกลับมาคืน เรื่องนี้คุณก็รู้นี่ เพราะผมให้หยางเฉินยืมเงิน คุณถึงทะเลาะกับผมไปยกหนึ่ง ปรากฏว่าพอหยางเฉินเพิ่งเอาเงินกลับมาคืน คุณก็เอาเงินไปให้หลานชายคุณยืมต่อ ห้าปีผ่านไปแล้ว ไม่เห็นหลานชายคุณเอาเงินมาคืนเลย!”
“ฉินต้าหย่ง คุณพูดเหลวไหลอะไรกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...