หลังจากได้ฟังเรื่องพวกนี้ สีหน้าของหม่าชาวเต็มไปด้วยความทรมาน แม้ว่าเขาจะไม่เคยคาดหวังอะไรจากครอบครัวตัวเองมากนัก แต่หลังจากได้รู้จักตัวเขาเองแล้ว เขาก็มีความหวังกับครอบครัวอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้มีความเป็นไปได้อยู่มาก ที่เขาจะถูกทอดทิ้งจากครอบครัวของตนเอง ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การแสดงละคร เพียงเพราะต้องการจะใช้เขาเท่านั้น
“งานราชพิธีถวายสัตย์ในวันพรุ่งนี้ ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถบอกได้ เพียงแค่เจ้าหายตัวไปเท่านั้น ทุกคนก็จะมุ่งเป้าไปที่เฝิงจื้อเอ้าทันที”
“งานในวันพรุ่งนี้ดูเหมือนจะจัดขึ้นเพื่อเจ้า แต่ความจริงแล้วอาจเป็นเพียงแค่เกม ๆ หนึ่งของเฝิงจื้อหย่วนเท่านั้น”
“หรือถ้าหาก เขาได้พลังอำนาจตามที่ต้องเองต้องการแล้วและยอมปล่อยเจ้าไป ข้าอาจจะยอมช่วยเขาก็ได้ แต่ข้าเองก็รู้ดี คนแบบนั้นเห็นแก่พลังอำนาจมากกว่าครอบครัว คงกลัวเจ้าจะเป็นภัยคุกคามจนไม่มีทางปล่อยเจ้าไปหรอก”
แม้หยางเฉินจะไม่อยากยอมรับถึงความชั่วร้ายของเขา แต่จากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็มองได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น
ถ้าเป็นไปได้ ถึงขนาดที่เห็นแก่พลังอำนาจจนละทิ้งครอบครัว ทิ้งลูกของตัวเองไปกว่ายี่สิบปี ตอนนี้เขาไม่เหลือความรู้สึกอะไรอีกแล้ว
ใบหน้าของหม่าชาวเต็มไปด้วยความแค้น และความทุกข์ทรมาน จึงถึงตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“พี่เฉิน หากพรุ่งนี้ข้าไม่เข้าร่วมราชพิธีล่ะก็ เฝิงจื้อหย่วนไม่มีทางปล่อยเสี่ยวจิ้งอันและเสี่ยวหว่านไปแน่ นอกเสียจากจะนำตัวคนทั้งสองออกมาจากเงื้อมมือของเขาได้ ข้าถึงจะพอมีสิทธิ์เลือก ไม่อย่างนั้นคงได้แต่ฟังคำสั่งของเฝิงจื้อหย่วนเท่านั้น”
“เขาถึงขนาดยอมให้ข้ากับท่านมาเจอกัน คงไม่ได้กลัวข้าถูกท่านโน้มน้าวหรอก ตอนนี้คงทำได้เพียงยอมรับสถานะของตนเองไว้ รอจนกระทั่งข้ามีพลังมากขึ้น วันนั้นข้าจะออกไปจากราชวงศ์เฝิงเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสแล้ว”
หม่าชาวตาแดงก่ำ พูดด้วยความเจ็บใจ
หยางเฉินเข้าใจความทุกข์ของหม่าชาวเป็นอย่างดี ก็เหมือนกับที่หม่าชาวบอก นอกจากว่าก่อนงานราชพิธีในวันพรุ่งนี้จะเริ่ม สามารถนำตัวเสี่ยวจิ้งอันและเฝิงเสี่ยวหว่านออกมาได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะสูญเปล่า
เมื่อคิดได้อย่างนั้น หยางเฉินก็โทรหาเฝิงจื้อเอ้า เพื่อถามบางอย่าง “ได้ข่าวคราวของลูกชายหรือยัง ?”
เฝิงจื้อเอ้าพูดด้ววน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้บ้าเฝิงจื้อหย่วน มันเอาคนไปซ่อนซะตามตัวไม่ได้เลย”
หยางเฉินพูดขึ้น “อย่าลืมล่ะ ข้าจะมาเตือนท่านอีกรอบ ว่าต้องนำตัวลูกชายของเขากับเสี่ยวหว่านออกมาจากราชวงศ์เฝิงอย่างปลอดภัยให้ได้”
เฝิงจื้อเอ้าพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่มีคุณสมบัติมาชี้นิ้วสั่งข้า รอจนถึงก่อนงานราชพิธีในวันพรุ่งนี้ ข้าต้องช่วยเหลือคนออกมาได้แน่”
“หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าคิดว่าข้าไปสัญญาอะไรกับท่าน ข้าต้องการเพียงแค่ผลลัพธ์เท่านั้น ก่อนเที่ยงคืนในวันพรุ่งนี้ เจ้าต้องนำคนของข้าออกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นความร่วมมือของเราก็จบกัน”
พูดจบ เขาก็วางสายทิ้งไป
ในเวลาเดียวกัน ณ คฤหาสน์ส่วนตัว เฝิงจื้อเอ้าสีหน้ามืดหม่นขึ้นทันที เขากัดฟันและพูดขึ้น “ไอ้บ้า ! เป็นแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้ามาชี้นิ้วสั่งข้าไม่อย่างไร”
เขาโกรธสุดขีด แต่ไม่นานก็ค่อย ๆ สงบลง จริง ๆ แล้วเขาเองก็เข้าใจหยางเฉิน หากก่อนเที่ยงคืนคืนนี้เขาไม่สามารถช่วยเหลือคนมาได้ หยางเฉินคงไม่ร่วมมือกับเขาจริง ๆ
คิดได้ดังนั้น เข้าจึงโทรหาหยางเฉินทันที ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “ก่อนเที่ยงคืนคืนนี้คงจะยากเกินไป ขอเวลาอีกสัก 5 ชั่วโมงแล้วกัน ก่อนพรุ่งนี้เช้าตีห้าข้ายังไม่สามารถช่วยเหลือคนออกมาได้ ความร่วมมือระหว่างเราก็จบกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...