เฝิงจื้อเอ้าพูดจบ ก็มองไปยังหยางเฉินด้วยสีหน้าสงบนิ่ง รอการตอบสนองจากเขา
เฝิงเจียหยีกะพริบตาดวงโต จ้องมองไปยังหยางเฉินเช่นกัน
หลังจากเงียบไปสักพัก หยางเฉินก็เริ่มพูดขึ้น “ข้าจะต้องร่วมมืออะไรบ้าง ?”
รอยยิ้มผุดขึ้นมาจากริมฝีปากของเฝิงจื้อเอ้า และพูดว่า “ข้าจะทำทุกวิถีทางเผื่อยื้อเวลาในงานราชพิธีออกไป สิ่งที่เจ้าจะต้องทำมีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือยืนยันให้ได้ว่า เมื่อ 26 ปีก่อน เพื่อที่จะกล่าวหาข้า เฝิงจื้อหย่วนยอมทิ้งหม่าชาวไปด้วยตัวเอง”
หยางเฉินขมวดคิ้ว “เมื่อ 26 ปีก่อน ข้าเป็นเพียงแค่เด็กขวบเดียว จะมายืนยันให้ท่านได้อย่างไร ?”
เฝิงจื้อเอ้าไม่ตอบ และถามกลับไปว่า “มีอยู่คนหนึ่งชื่อว่าหมีเสวี่ย ซึ่งเป็นน้องสาวทางสายเลือดของหม่าชาวใช่รึเปล่า ?”
ได้ยินเฝิงจื้อเอ้าพูดถึงหมีเสวี่ย แววตาของหยางเฉินก็เกิดประกายวูบวาบ “ท่านคิดจะทำอะไร ?”
เฝิงจื้อหย่วนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “จริงๆ แล้ว หมี่เสวี่ยกับหม่าชาวไม่ใช่พี่น้องที่มาจากพ่อแม่เดียวกัน แต่เป็นน้องสาวที่มีพ่อคนเดียวกันต่างหาก”
“อะไรนะ ?”
หยางเฉินประหลาดใจอย่างมาก ขนาดเรื่องนี้เขาเองยังไม่เคยรู้มาก่อนเลย เฝิงจื้อเอ้ากลับรู้ได้
จนกระทั่งตอนนี้หมีเสวี่ยยังคงนอนเป็นผักไม่ได้สติอยู่ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่
เฝิงจื้อเอ้าพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ข้าเดาว่าเฝิงจื้อหย่วนคงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ไอ้สารเลวนั่น สมัยยังเด็กมันเคยทำร้ายผู้หญิงมามากมาย ต้องมีบางคนที่ให้กำเนิดลูกของมันแน่”
“หม่าชาวและหมีเสวี่ยเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ข้าสงสัยว่า หม่าชาวคงจะไม่ใช่ลูกชายคนโตของมัน เพียงแค่ว่าการใช้เขาอาจจะมีประโยชน์ที่สุด จึงได้ให้เขากลับมายังราชวงศ์เฝิง”
ได้ฟังสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูด หยางเฉินก็ถึงกับตกใจ
เมื่อก่อนเขาเคยสงสัยว่า หม่าชาวกับหมีเสวี่ยเป็นพี่น้องทางสายเลือดกันจริง ๆ หรือไม่ แต่ที่เขาพอจะรู้ก็คือ ในความทรงจำของหม่าชาว ตอนที่เขายังเป็นเด็ก พ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิตทั้งคู่ เหลือเพียงเขาและน้องสาวสองคนเท่านั้น
แต่หลังจากนั้น เขาก็ต้องมาสูญเสียน้องสาวไปอีก หลังจากเสียใจมานานหลายปี ท้ายที่สุดเขาก็ตามหาน้องสาวจนพบ
ดังนั้นตอนที่หยางเฉินรู้ว่าหม่าชาวเป็นบุตรชายคนโตของราชวงศ์เฝิง ทำให้เขารู้สึกงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง แต่ตอนนี้หลังจากได้ฟังสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูด เขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
จู่ ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้น เมื่อ 26 ปีก่อน ทารกที่ถูกสับเปลี่ยนก็อาจจะไม่ใช่หม่าชาว ?”
เฝิงจื้อเอ้าพยักหน้า และพูดว่า “ข้าสงสัยว่าทารกคนนั้นคือลูกสาวของเขา เฝิงจื้อหย่วนต้องการให้ลูกชายของตนเองขึ้นเป็นรัชทายาท ดังนั้นจึงทำลายเรื่องของลูกสาวตนเองทั้งหมดทิ้ง หลังจากนั้นก็ไปคลอดลูกชายอีกคนหนึ่งไว้ ไม่แน่ว่าอายุที่แท้จริงของหม่าชาวในตอนนี้คงไม่ใช่ 26 ปีด้วย แต่อาจเด็กกว่านี้ด้วยซ้ำ”
หยางเฉินไม่พูดอะไร ตอนนี้เขาเชื่อในสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูดแล้ว
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้อยู่ ตามกฎของราชวงศ์เฝิง มีเพียงลูกชายคนโตในแต่ละรุ่นเท่านั้นที่สามารถสืบรัชทายาทได้ เฝิงจื้อหย่วนเป็นบุตรคนรอง จึงไม่มีสิทธิ์เป็นรัชทายาทตั้งแต่เกิด หากต้องการคุมอำนาจของจักรพรรดิ เขามีแต่ต้องทำให้ลูกของตนเองเป็นเพศชายคนแรกเท่านั้น
ดังนั้นเป็นไปได้ว่า ถ้าสิ่งที่เฝิงจื้อเอ้าพูดเป็นความจริง ลูกคนแรกของเขาเป็นลูกสาวแล้วล่ะก็ เพื่อบอกต่อสาธารณชนเขาต้องเก็บซ่อนลูกสาวเอาไว้ จากนั้นใส่ร้ายเฝิงจื้อเอ้าและบอกว่าลูกของตนเองเป็นลูกชาย
เพียงแค่นี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาก็นำตัวลูกชายหลับมาแทนที่ลูกสาวของเขา และให้เขากลายเป็นรัชทายาทคนต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...