The king of War นิยาย บท 1607

หยางเฉินลุกขึ้น มองทางเจ้าเมืองเหมียวบอกว่า “ปู่เหมียวครับ ท่านกำลังรอผม?”

เจ้าเมืองเหมียวจ้องหยางเฉินแบบยิ้มแย้ม พยักหน้าแล้ว พูดด้วยท่าทางพอใจเต็มที่ “การฝึกฝนหนึ่งอาทิตย์สั้นๆ แดนวิถีบู๊จากแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นต้น เพิ่มขึ้นถึงแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นหก พรสวรรค์ด้านบูโดนี้ เก่งกาจตามคาด!”

หยางเฉินรีบตอบว่า “ต้องชมเหล้าของปู่เหมียวแล้วครับ ไม่อย่างนั้นกลัวว่าแม้แต่แดนของแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นกลาง ผมคงบรรลุไม่ถึง”

เขาไม่ได้คุยโวและยกย่องตัวเอง แต่ว่ากลับเป็นเช่นนี้จริงๆ

เจ็ดวันมานี้ เจ้าเมืองเหมียวจะให้เหล้าหยางเฉินดื่มแก้วหนึ่งทุกวัน หลังจากดื่มเหล้าเสร็จทุกครั้ง หยางเฉินสามารถรู้สึกถึงประโยชน์ที่เหล้ามอบให้ตนเอง

เจ้าเมืองเหมียวหัวเราะแล้วบอกว่า “เหล้าอันนี้ เป็นเหล้าที่ฉันเก็บรักษามาหกสิบกว่าปีแล้ว มีแค่ขวดน้ำเต้าอันนี้ แต่ว่าตอนนี้ ดื่มหมดแล้ว”

ฟังคำพูดของเจ้าเมืองเหมียวแล้ว หยางเฉินถึงสำนึกได้ถึงความล้ำค่าของเหล้านี้ คาดไม่ถึงเป็นเหล้าที่เจ้าเมืองเหมียวเก็บรักษามาหกสิบปี โดยเฉพาะมีเพียงขวดน้ำเต้าแค่อันเดียวด้วย

ในใจหยางเฉินผิดหวังอยู่บ้างทันใด เดิมคิดว่าดื่มเหล้ามหัศจรรย์แก้วหนึ่งได้ทุกวัน นึกไม่ถึงดื่มจนเกลี้ยงแล้ว

“หกสิบกว่าปีก่อน ฉันยังเป็นแค่คนคนหนึ่งที่อายุยี่สิบต้นๆ มีครั้งหนึ่งไปค้นหายาที่ภูเขาเหมียว ผลปรากฏว่าเจอฝนกระหน่ำ ติดอยู่ที่ภูเขาเหมียวแล้ว ตอนหลบฝนอยู่ในถ้ำ เจอห้องเก็บเหล้าเข้า และเหล้าที่นายดื่มมาหลายวันนี้ ก็คือเหล้าที่ได้มาจากในห้องเก็บเหล้าแห่งนี้ นี่คือขวดน้ำเต้าที่เหลืออยู่แค่ขวดเดียว แต่ว่าตอนนี้ไม่มีแล้ว”

เจ้าเมืองเหมียวพูดแบบยิ้มแย้ม เหมือนกำลังพูดเรื่องราวที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่ง

และหลังหยางเฉินฟังแล้ว ในใจกลับเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง เหล้าในขวดน้ำเต้าขวดหนึ่ง ทำให้เขาสัมผัสถึงความรู้สึกของการฝึกฝนบรรลุได้ว่องไวมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทั้งห้องเก็บเหล้าห้องหนึ่ง?

เจ้าเมืองเหมียวพูดจาอย่างเบิกบาน “นายจะต้องคิดว่า เหตุผลที่ฉันกลายเป็นเจ้าเมืองของเมืองเหมียว เป็นเพราะดื่มเหล้าในห้องเก็บเหล้าหรือเปล่า?”

ไม่รอหยางเฉินปฏิเสธ เจ้าเมืองเหมียวพูดต่อไปว่า “นายยังเดาถูกจริง หกสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นฉันเป็นแค่ลูกหลานตระกูลเหมียวที่วิถีบู๊ไม่มีอะไรพิเศษคนหนึ่ง ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ ฉันในตอนนั้น เพิ่งก้าวสู่แดนราชาขั้นต้นเอง”

“ตั้งแต่พบห้องเก็บเหล้าลึกลับแห่งนี้เข้า ระดับความเร็วการฝึกฝนของฉันรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เวลาหนึ่งปีสั้นๆ จากความสามารถแดนราชาขั้นต้น ฉันพัฒนาขึ้นไปถึงแดนเทพชั้นยอด ปีนั้น ฉันอายุแค่ยี่สิบสามปี”

ในใจหยางเฉินแอบตกใจ ตอนที่เขาอายุยี่สิบสามปี เหมือนว่าเพิ่งเป็นทหารที่ชายแดนเหนือไม่นานนัก เขาในตอนนั้น แม้แต่ความสามารถของแดนราชาขั้นต้นยังไม่มี ส่วนเจ้าเมืองเหมียวในตอนนั้น คาดไม่ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอดแล้ว น่าสยองขวัญเหลือเกิน

“ผ่านไปอีกปีหนึ่ง แดนวิถีบู๊ของฉันพัฒนาขึ้นไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่ง เพราะเหตุนี้ ด้วยอายุยี่สิบสี่ปี จึงถูกคุณปู่ฉันตั้งให้เป็นผู้สืบทอดเจ้าเมืองของเมืองเหมียวแบบข้ามรุ่น”

“จากนั้นตอนฉันอายุสามสิบปี แดนวิธีบู๊ของฉันทะลวงถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดแล้ว พลังอยู่เหนือรุ่นคุณลุงคุณอา และในปีนี้เอง คุณปู่ฉันป่วยหนัก ยกตำแหน่งของเจ้าเมืองให้ฉัน”

เจ้าเมืองเหมียวเหมือนกำลังเล่าชีวิตของตนเองให้เพื่อนฟัง ใบหน้ามีรอยยิ้ม ภายในรอยยิ้ม ยังมีหวนคิดถึงระดับหนึ่ง ไม่เร่งรีบ ค่อยๆ เล่าช่วงรุ่งโรจน์ของตนเองในอดีต

ส่วนหยางเฉินฟังอย่างเงียบสงบมาตลอด ความตื่นตกใจภายใน กลับถึงขีดสุดแล้ว

ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดภายในอายุสามสิบปี ในจิ่วโจวอันกว้างใหญ่ จะมีสักกี่คน?

ปัจจุบันนี้เขาอายุยี่สิบแปด กลับมีเพียงความสามารถของแดนเหนือมนุษย์ขั้นหก ระดับความเร็วการฝึกฝนของเขา ดูขึ้นมาไวอย่างมาก แต่ภายในอายุสามสิบปี อยากจะพัฒนาแดนวิถีบู๊ไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด ยังยากมาก

แดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นเจ็ดเป็นด่านยากด่านหนึ่งของการฝึกฝนวิถีบู๊ ผู้คนมากมายทั้งชีวิตหนึ่ง ล้วนไม่อาจข้ามผ่านด่านยากด่านนี้ได้ ถ้าหากวิถีบู๊ก้าวสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด จะเป็นโลกใหม่โดยสิ้นเชิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War