ได้ยินคำพูดของลั่วปิง หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว
หลัวซื่อหงประธานของซุ่นเทียนกรุ๊ป แต่ว่าเป็นแค่หุ่นเชิดที่ถูกดันขึ้นมาคนหนึ่ง เวลานี้โทรศัพท์มาหาลั่วปิง กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีเจนตาไม่ดี
ลั่วปิงถามว่า “ท่านประธานครับ ต้องรับไหมครับ?”
หยางเฉินพูดแบบเรียบนิ่ง “รับเถอะ!”
ลั่วปิงกดปุ่มลำโพงลงโดยตรง เสียงอันหยาบกระด้างลอยมาจากในลำโพง “ประธานลั่ว ได้ข่าวว่าประธานหยางกลับมาแล้วเหรอ? ไม่ทราบว่าผมพอมีโชค เลี้ยงข้าวประธานหยางหรือเปล่า?”
หยางเฉินหรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย ข่าวที่เขากลับมา คนที่รู้มีไม่กี่คน โดยเฉพาะคนที่รู้ว่าเขากลับมา ล้วนเป็นคนที่ไว้ใจได้
ดังนั้นหมายความว่า ตารางการเดินทางของเขา ไม่อาจเปิดเผยได้
แต่หลัวซื่อหงกลับรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ดูแล้วตารางการเดินทางของเขาคงถูกคนรู้เข้าตั้งแต่แรกแล้ว
ลั่วปิงมองทางหยางเฉิน หลังจากเห็นหยางเฉินพยักหน้า เขาถึงพูดจาด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อประธานหลัวอยากเจอประธานหยาง ผมจะเป็นตัวแทนบอกให้ ส่วนประธานหยางจะไปร่วมหรือไม่ ผมก็ไม่รู้ด้วยนะ”
หลัวซื่อหงหัวเราะเสียงดังออกมา “งั้นขอบคุณประธานลั่วด้วยนะครับ อีกสักครู่ ผมจะส่งเวลาและที่อยู่ไปให้ประธานลั่ว”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ลั่วปิงพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ท่านประธานครับ ท่านคิดจะไปร่วมงานนัดกินข้าวของเขาจริง?”
หยางเฉินพยักหน้า “หุ่นเชิดกระจอกๆ คนหนึ่ง ยังกล้าออกหน้า ผมกลับอยากดูหน่อยว่า ซุ่นเทียนกรุ๊ปที่กล้าเป็นศัตรูกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปคนนี้ มีความสามารถแค่ไหน”
เขารู้ว่า ซุ่นเทียนกรุ๊ปไม่ธรรมดา ถ้าธรรมดาจริงล่ะก็ ด้วยความสามารถของลั่วปิง คงพังทลายซุ่นเทียนกรุ๊ปไปตั้งนานแล้ว ในเมื่อทำไม่ได้ งั้นก็หมายความว่า แม้แต่ลั่วปิง ก็รับมือไม่ได้
หยางเฉินพูดว่า “เอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับซุ่นเทียนกรุ๊ปมาให้ผม”
ลั่วปิงรีบตอบรับว่า “ครับ ท่านประธาน!”
ไม่นาน ลั่วปิงนำข้อมูลที่เกี่ยวกับซุ่นเทียนกรุ๊ปฉบับหนึ่งมาแล้ว ข้อมูลละเอียดอย่างมาก รวมทั้งข้อมูลรายละเอียดระดับผู้บริหารสำคัญของซุ่นเทียนกรุ๊ปล้วนมีหมด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หยางเฉินวางเอกสารลง ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว
จากในข้อมูลฉบับนี้ หยางเฉินรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของซุ่นเทียนกรุ๊ปแล้ว เวลาก่อตั้ง มีเพียงหนึ่งเดือนสั้นๆ ยังพัฒนาจนกลายเป็นกิจการชั้นนำของเมืองเยี่ยนตูได้ แม้กระทั่งกล้าแย่งธุรกิจของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปไปอีก
ประเด็นคือ คู่ค้าพวกนั้นที่เดิมทีร่วมงานกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป คาดไม่ถึงยังกล้าเลือกร่วมงานกับซุ่นเทียนกรุ๊ปจริง และทอดทิ้งเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
หยางเฉินถามว่า “คู่ค้ามากมายของผมยินยอมทอดทิ้งการร่วมงานกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป และอยากร่วมงานกับซุ่นเทียนกรุ๊ป นี่มันผิดปกติมากนะ มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
ลั่วปิงรีบตอบทันที “ผมตรวจสอบแล้วครับ แต่ว่าคู่ค้าที่ทอดทิ้งการร่วมงานกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปพวกนี้ ล้วนปิดปากเงียบ โดยเฉพาะไม่เหมือนว่าโดนบังคับด้วย พวกเขาร่วมงานกับซุ่นเทียนกรุ๊ปได้ เหมือนว่าดีใจมากๆ เลยครับ”
“ผมสงสัยว่า ซุ่นเทียนกรุ๊ปให้ผลประโยชน์มากมายแก่พวกเขาครับ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ยินยอมแบกรับค่าชดใช้ต่อเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นจำนวนมาก เพราะผิดสัญญาหรอกครับ และอยากไปร่วมงานกับซุ่นเทียนกรุ๊ป”
หยางเฉินพยักหน้าแล้ว “ในเมื่อไม่ใช่โดนบังคับ งั้นก็มีแค่ว่าซุ่นเทียนกรุ๊ปให้ผลประโยชน์ที่พวกเขาไม่มีทางปฏิเสธได้”
“เพียงแต่ ซุ่นเทียนกรุ๊ปทำได้อย่างไรกัน ถึงทำให้ฝ่ายคู่ค้าพวกนั้นยอมเชื่อพวกเขา?”
ลั่วปิงส่ายหน้าด้วยท่าทางขมขื่น “ผมกำลังพิจารณาปัญหาข้อนี้มาตลอดเหมือนกันครับ ด้วยความสามารถและตำแหน่งของพวกเราเยี่ยนเฉินกรุ๊ปในปัจจุบันนี้ ขอเพียงมีความสัมพันธ์กับพวกเราสักนิดหนึ่ง ก็หากำไรได้มากแล้ว แต่ทั้งๆ ที่คู่ค้าพวกนี้ที่กลายเป็นผู้ร่วมงานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว ดันเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญากับพวกเราเอง”
“ผมเคยคำนวณบัญชีก้อนหนึ่ง เพียงแค่เงินชดเชยเนื่องจากผิดสัญญาที่คู่ค้าพวกนี้มีทำต่อพวกเราเยี่ยนเฉินกรุ๊ป พุ่งไปถึงห้าหมื่นล้านเต็มๆ! พูดได้ว่า ซุ่นเทียนกรุ๊ปอยากให้คู่ค้าพวกนี้ร่วมงานกับตัวเอง อย่างน้อยต้องเอาออกมาห้าหมื่นล้าน ประเด็นคือ ซุ่นเทียนกรุ๊ปยังต้องรับประกันด้วยว่า จะสามารถทำให้คู่ค้าที่ยกเลิกสัญญากับพวกเราเหล่านั้น ทำเงินได้มากกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...