The king of War นิยาย บท 1659

สรุปบท บทที่ 1659 พลังธาตุน้ำ: The king of War

บทที่ 1659 พลังธาตุน้ำ – ตอนที่ต้องอ่านของ The king of War

ตอนนี้ของ The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1659 พลังธาตุน้ำ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หวยหลัน เห็นเจ้าเมืองหวยเฉิง สีหน้าซีดเผือดลงทันที

ช่วงเวลาสั้น ๆ ในไม่กี่อึดใจ เจ้าเมืองหวยเฉิงที่อยู่ห่างไปหลายร้อยเมตรเมื่อครู่นี้ ร่างที่เบาพลิ้วปานขนอ่อนนก ยืนลงมาบนเรือลำน้อยของเจียงเฉิงจื่อ

“หวยอวี่ผู้เป็นศิษย์ กราบคารวะท่านอาจารย์!”

เจ้าเมืองหวยเฉิงค้อมตัวลงน้อย ๆ ทำความเคารพต่อเจียงเฉิงจื่อ

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อจริงของเจ้าเมืองหวยเฉิง ฉับพลันนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหมดหวัง

เจียงเฉิงจื่อ ยังคงนั่งตกปลาเฉย หัวเราะเสียงหุ ๆ เอ่ยปากพูดว่า “ท่านเจ้าเมืองหวยเฉิงอย่าได้ทำความเคารพกับข้าเลย ข้าไม่ใช่อาจารย์ของท่านไปนานแล้ว”

เจ้าเมืองหวยเฉิงพูดเสียงทุ้มต่ำ “ในหัวใจของข้า มีเพียงท่าน จึงใช่เป็นอาจารย์ของข้า”

เจียงเฉิงจื่อ ยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไร เหมือนมองไม่เห็นเจ้าเมืองหวยเฉิง นั่งตกปลาต่อ

เจ้าเมืองหวยเฉิงก็ไม่ได้ไปยุ่งกับการต่อสู้ของเหล่าจิ่วกับสุดยอดผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนั้น แต่กลับนั่งลงบนเรือลำเล็กของเจียงเฉิงจื่อ หวยหลันรีบลุกขึ้น ยืนเลี่ยงออกไปข้าง ๆ

เจ้าเมืองหวยเฉิงก็ขยับนั่งที่ที่หวยหลันนั่งเมื่อครู่นี้ มองไปที่ข้องใส่ปลา หัวเราะเหอ ๆ พูดว่า “อาจารย์ได้ปลามาไม่น้อยเลย คืนนี้ได้ฉลองมื้อรวมปลากันได้เลยนะ”

เจียงเฉิงจื่อ หัวเราะแล้วพูดว่า “ใช่สินะ! ได้กินมื้อรวมปลาอีกแล้วนะ ข้าจำได้ว่ากินมื้อรวมปลาครั้งที่แล้ว มันตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อน”

ได้ยินที่เจียงเฉิงจื่อ พูด เจ้าเมืองหวยเฉิงดูสีหน้าสลดลง จู่ ๆ ก็พูดออกมาว่า “คืนนี้ ข้าต้องขอร่วมดื่มกับอาจารย์สักหลายจอกละ!”

เจียงเฉิงจื่อ ก็ยังคงอยู่ในสีหน้ายิ้มแย้ม ส่ายหน้า พูดปฏิเสธไปว่า “ข้าเคยชินกับการกินเหล้าคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คงไม่รบกวนท่านเจ้าเมืองมานั่งเป็นเพื่อนหรอก”

เจ้าเมืองหวยเฉิงก็ไม่ฝืนใจ นั่งนิ่งเงียบบนเรือของเจียงเฉิงจื่อ

“ได้ปลาตัวใหญ่อีกแล้ว!”

เจียงเฉิงจื่อ จู่ ๆ หัวเราะขึ้นมา ปลาใหญ่อีกตัวหนึ่ง ติดเบ็ดขึ้นมา

เจ้าเมืองหวยเฉิงรีบจับปลาใส่ลงในข้องใส่ปลา

ตัวเขาในเวลาขณะนี้ หาใช่เวลาที่เขาจะวางมาดของเจ้าเมืองแล้ว ทำตัวเป็นผู้น้อย กำลังนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างผู้อาวุโส

หยางเฉินยืนอยู่บนแผ่นเศษไม้ มองบรรยากาศที่ดูปรองดองบนเรือ ในใจให้รู้สึกประทับใจ

ดูจากการสนทนาของทั้งคู่ หยางเฉินก็รู้ว่า ช่วงระหว่างนี้ศิษย์อาจารย์คู่นี้ ต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่สบายใจต่อกันอยู่

“ปึง!”

ในขณะนั้นเอง เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น มองไปเห็นผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดที่สู้กับเหล่าจิ่วอยู่เมื่อครู่นั้น ลอยกระเด็นตกลงไปในน้ำ

เหล่าจิ่วกลับพลิกจากแพ้เป็นชนะมาได้ แต่ในสภาพบอบช้ำไปทั่วทั้งตัว พลังปราณในตัวรู้สึกได้ว่าอ่อนล้ามาก

“ท่านเก้า!”

สีหน้าหยางเฉินเต็มไปด้วยความห่วงใย

เหล่าจิ่วส่ายหน้าเล็กน้อย มองไปที่เจ้าเมืองหวยเฉิงที่นั่งบนเรือด้วยสีหน้าที่หนักใจ

ขณะนั้นเอง เจ้าเมืองหวยเฉิงที่นั่งบนเรืออย่างสงบเสงี่ยมอยู่ตลอดเวลา ได้ลุกยืนขึ้น สายตาทั้งคู่จับมองไปที่เหล่าจิ่ว จ้องเขม็งแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เสียทีที่เป็นคนของเขา ถึงขนาดเอาชนะผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนมนุษย์ขั้นแปดแห่งเมืองหวยเฉิงของข้าได้ ดูจากพลังฝีมือของเจ้าแล้ว ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นที่เก้าไม่ออกมา ไม่น่ามีใครจะเป็นคู่ต่อสู้กับเจ้าได้เป็นแน่ มีนึกสนุกบ้างไหม มาทำงานกับเมืองหวยเฉิงของข้า?”

เหล่าจิ่วพูดเสียงเยือก ๆ “ถ้าท่านยอมปล่อยเขาไป ข้าก็จะรับพิจารณาดู!”

เจ้าเมืองหวยเฉิงหัวเราะขึ้นมาในทันใด พูดไปด้วยสีหน้าเย้ยเยาะ “คิดว่าข้าเป็นไอ้แก่สมองเลอะเลือนหรือไง?”

เพียงเสียงพูดจบคำ กระแสพลังบูโดที่น่าสะพรึงกลัว แผ่กระจายออกจากตัวเขา และในทันทีนั้นเองก็ได้ครอบเหล่าจิ่วกับหยางเฉินอยู่นวงกรอบ

ชั่วเวลานั้น หยางเฉินก็รู้สึกตัวเองว่าถูกตรึงติดอยู่กับที่ ขยับตัวไม่ได้ กระแสไหลเวียนเลือดในตัว ดูเหมือนถูกสะกดให้ไหลช้าลงไปอย่างมาก

นี่คือระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นที่เก้าหรือ?

เพียงแค่ความกดดันจากกระแสพลังบูโด ก็สามารถทำให้เขาหมดสภาพของการต่อสู้ไปได้เลย

อุณหภูมิรอบข้าง ดูเหมือนในแค่ชั่วประเดี๋ยวนั้น พุ่งสูงขึ้นไปถึงหลายองศา

บรรยากาศขณะนั้น คุกรุ่นด้วยธาตุแห่งไฟที่ร้อนรุ่ม ทำให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเตาหลอม

เหล่าจิ่วลองระเบิดพลังปราณบูโดในร่างกายขึ้นไปที่จุดสูงสุด เพื่อจะลองใช้มาต้านความกดดันจากเจ้าเมืองหวยเฉิง แต่ผลไม่เป็นอันช่วยอะไรได้ พลังของฝ่ายตรงข้ามสูงเกินไป ทั้งสองคนต่างกันถึงคนละขั้น มันไม่มีทางที่จะไปทาบได้เลย

เหล่าจิ่วกัดฟันกร๊อดแล้วพูดว่า “ท่านน่าจะรู้นะ ถ้าว่าท่านฆ่าหยางเฉิน ท่านจะต้องเผชิญกับอะไร ข้าขอเตือนว่าจะให้ดีคิดให้กระจ่าง แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะฆ่าเขาหรือไม่”

“ผลุบ!”

หวยหลัน ทรุดคุกเข่าลงบนพื้นเรือทันที ความตื่นกลัวเต็มใบหน้าพูดว่า “ท่านปู่ ขอท่านได้โปรดกรุณา ปล่อยพวกเราไปเถิด”

เจ้าเมืองหวยเฉิงพูดด้วยสีหน้าสยองขรึม “เจ้าทรยศกับเมืองหวยเฉิง ยังกล้ามาขอให้ข้าปล่อยพวกเจ้าไปอีกหรือ?”

หวยหลัน สีหน้ามีแต่ความผิดหวัง เจ้าเมืองหวยเฉิงอยู่ในระดับไหน หล่อนเป็นเพียงกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์ให้เจ้าเมืองหวยเฉิง รู้เรื่องดีกว่าคนอื่นมากมาย ในเมื่อตอนนี้หล่อนทรยศกับเมืองหวยเฉิง ก็มีแต่ตายสถานเดียว

หวยหลัน มองไปที่เจ้าเมืองอีกครั้งหนึ่ง แล้วทันทีนั้นก็กระโดดลงน้ำไป

และแล้ว บนผิวแม่น้ำหวยเหอ ลมเรียบคลื่นสงบ คงเหลือแต่เรือลำน้อยลำหนึ่ง บนเรือมีคนหาปลาใส่หมวกไม้ไผ่สานคนหนึ่ง อีกหนึ่งคือเจ้าเมืองหวยเฉิงยืนเอามือไพล่หลัง

ในเวลานั้นเอง ในน้ำเกิดเสียงขลุกขลักขลุกขลักแว่วมาในทันใดนั้น

“อื๋อม์?”

เจ้าเมืองหวยเฉิงขมวดคิ้ว สายตาจ้องไปที่แม่น้ำ

บริเวณที่มองไปนั้น มีฟองอากาศอยู่เป็นจำนวนมาก ปุดขึ้นจากในน้ำ

ในขณะเดียวกันนั้น กระแสพลังที่ยังความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวให้กับเขา ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำ

“บรึม!”

วินาที่ต่อมา เสียงลั่นดังสนั่น เงาหนุ่มน้อยร่างหนึ่ง ทะยานพุ่งขึ้นจากในน้ำ

บนผิวน้ำ เกิดเป็นคลื่นใหญ่ยักษ์

เห็นเงาร่างสองร่าง ปรากฏลอยขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำ ร่างของเหล่าจิ่วกับหวยหลันนั่นเอง

ทั้งสองอยู่ในสภาพสลบหมดสติ แต่ยังไม่ตาย ร่างกายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ดูเหมือนนอนราบอยู่บนพื้นดิน

ส่วนหยางเฉิน ขณะนี้ยืนตระหง่านอยู่บนผิวน้ำ นัยน์ตาแดงก่ำทั้งคู่ เต็มไปด้วยแววบ้าคลั่งของการฆ่า

เจ้าเมืองหวยเฉิงหยีตาลง “มันเป็นไปได้ยังไงนี่?เขามันแค่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นกลางเท่านั้นไม่ใช่หรือ ทำไมฝึกบรรลุพลังแห่งธาตุน้ำมาได้?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War