เมื่อได้ยินคำพูดของเฝิงเสียวหว่าน สีหน้าของเหล่าจิ่วและหวยหลันก็นิ่งอึ้ง
ตัวหยางเฉินเอง ก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน
เขารู้ว่าบาดแผลการถูกของอาถรรพ์ดูดจิตนั้นรุนแรงอย่างมาก แต่เขาไม่คาดคิดว่า มันจะรุนแรงมากเช่นนี้ ถึงขั้นมีโอกาสที่จะต้องตัดแขน
“เสียวหว่าน เธอเป็นหมอวิเศษ จะต้องมีวิธีที่ทำให้พี่หยางไม่ต้องตัดแขนใช่มั้ย?”
หวยหลันร้อนรน หันไปถามเฝิงเสียวหว่านด้วยดวงตาแดงก่ำ
เฝิงเสียวหว่านส่ายหน้าตาแดงก่ำ “ฉันพยายามแล้ว ส่วนเรื่องแขนนี้จะรักษาไว้ได้มั้ย ก็ต้องดูพลังการฟื้นฟูของพี่หยางเองแล้วละ”
เหล่าจิ่วเอาแต่เงียบไม่พูดอะไร แต่ความกังวลในดวงตานั้นเข้มข้นอย่างมาก
ภายในใจหยางเฉินเองก็กังวลอย่างมาก ถ้าหากว่าแขนขวาของตัวเองต้องถูกตัดทิ้งจริงๆ พลังของเขาก็จะลดลงอย่างมากแน่นอน แล้วต่อไปจะปกป้องทุกสิ่งที่ตัวเองอยากจะปกป้องได้ยังไงกัน?
แต่เมื่อเห็นทุกคนต่างก็มีท่าทางเสียใจ เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสียวหว่านก็บอกแล้วไม่ใช่หรอ? ว่านั่นก็แค่ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด ฉันมีความมั่นใจในพลังการฟื้นฟูของตัวเองอย่างมากนะ อีกไม่นาน บาดแผลของฉันก็จะฟื้นฟูดีขึ้นเอง”
ในเวลานี้เอง ด้านนอกได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“น้องหยางเฉิน!”
เสียงของเจ้าเมืองมู่ดังขึ้น มู่ฮว๋ากำลังเข็นเจ้าเมืองมู่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นเดินเข้ามา
เจ้าเมืองมู่มองหยางเฉินแล้วพูดว่า “ได้ยินว่านายได้รับบาดเจ็บ? ฉันก็เลยมาดู”
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณเจ้าเมืองมู่ที่เป็นห่วงครับ บาดแผลของผมไม่รุนแรงครับ”
เขาไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับเจ้าเมืองมู่ และเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน จึงไม่มีทางบอกสภาพอาการของตัวเองให้กับอีกฝ่ายรู้
“ไม่รุนแรงก็ดีแล้ว”
เจ้าเมืองมู่พยักหน้าเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันประมาทความเลวทรามของตระกูลติงและจวนเมืองหวยเฉิงเอง ไม่คิดเลยว่าพวกมันคิดอยากจะใช้ตัวคุณหนูเฝิงมาข่มขู่นายจริงๆ”
ในสายตาของหยางเฉินมีความคมเข้มปรากฏขึ้น เอ่ยปากพูดว่า “เลวทรามจริงๆครับ ทั้งตระกูลติงและจวนเมืองหวยเฉิง ล้วนเป็นผู้มีอำนาจระดับต้นทั้งนั้น แต่พวกเขากลับใช้วิธีการที่แสนเลวทรามเช่นนี้กับผม”
เขาโกรธมากจริงๆ ไม่ว่าใคร จะทำยังไงกับเขาก็ได้ แต่ถ้ากล้าคิดจะทำอะไรกับคนข้างกายของเขา เขาทนไม่ได้
“ท่านนี้คงจะเป็นน้องสาวสินะ คุณหนูเฝิงใช่มั้ย?”
จู่ๆเจ้าเมืองมู่ก็หันไปมองทางเฝิงเสียวหว่าน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
หยางเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม พูดกับเฝิงเสียวหว่านว่า “เสียวหว่าน ท่านนี้คือเจ้าเมืองมู่ คนที่พาตัวเธอออกมาจากสนามบินได้อย่างปลอดภัย ก็คือเจ้าเมืองมู่ส่งตัวไป ครั้งนี้ที่เรียกตัวเธอมา ก็เพราะอยากจะขอให้เธอดูอาการขาของเจ้าเมืองมู่ให้หน่อย ว่าจะสามารถรักษาหายได้มั้ย”
เฝิงเสียวหว่านมองไปทางเจ้าเมืองมู่แล้วก้มหน้าเล็กน้อย “สวัสดีค่ะเจ้าเมืองมู่ ในเมื่อท่านเป็นเพื่อนกับพี่หยาง อย่างนั้นก็เรียกฉันว่าเสียวหว่านก็พอค่ะ”
เจ้าเมืองมู่หัวเราะ “โอเค อย่างนั้นข้าก็ไม่เกรงใจละ ครั้งนี้ คงจะต้องรบกวนเสียวหว่านแล้วละ”
หยางเฉินรู้ว่าตอนนี้เจ้าเมืองมู่ใจร้อน ดังนั้นจึงพูดกับเฝิงเสียวหว่านว่า “เสียวหว่าน ตอนนี้เธอลองไปดูอาการให้กับเจ้าเมืองมู่สักหน่อย ว่ายังไง?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าเมืองมู่ก็มีสีหน้าตื่นเต้น
เขาได้เคยหาหมอวิเศษมากมายมารักษาให้กับตัวเองแล้ว แต่ว่าไม่มีใครสามารถรักษาขาของเขาได้ เดิมทีคิดที่จะล้มเลิกแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าในเวลาแบบนี้ กลับพบเจอเข้ากับหยางเฉิน จึงได้มีโอกาสอีกครั้ง
เฝิงเสียวหว่านหยิบเอากระเป๋าเข็มออกมาใบหนึ่ง เดินมาที่ข้างกายเจ้าเมืองมู่ แล้วพูดกับอีกฝ่ายว่า “เจ้าเมืองมู่คะ เดี๋ยวฉันจะทำการฝังเข็มให้กับคุณ อาจจะมีความรู้สึกเจ็บ คุณเตรียมใจไว้ด้วยนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าเมืองมู่ก็นิ่งอึ้งสักพัก จากนั้นก็พูดยิ้มๆว่า “เสียหว่านวางใจได้ ไม่ว่าเจ็บแค่ไหน เพียงแค่สามารถทำให้ฉันสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ฉันก็ล้วนทนได้ทั้งนั้น”
ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดนี้ของเฝิงเสียวหว่าน เพราะว่าขาทั้งสองข้างของเขาได้สูญเสียความรู้สึกไปตั้งนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...