The king of War นิยาย บท 1741

หยางเฉินในตอนนี้ นอกจากร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้แล้ว อย่างอื่นปกติทุกอย่าง และเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งภายนอกได้อย่างชัดเจน

ตั้งแต่ที่เขามีการรับรู้ ตราบใดที่ไม่มีใครอยู่ในห้อง เขาจะใช้พลังแห่งธาตุน้ำ

ทุกวันเขาได้พัฒนาการใช้พลังแห่งธาตุน้ำเรื่อยๆ กล่าวได้ว่า ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังแห่งธาตุน้ำในการฆ่าคนโดยล่องหนได้แล้ว

นอกจากนี้ เขายังรู้สึกว่าพลังทางจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร

หากเขาสามารถกลับมาเคลื่อนที่ได้ ตอนนี้ก็สามารถเดินได้เหมือนคนปกติแม้จะหลับตา และสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางทุกอย่างได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือมีคนจากตระกูลบู๊โบราณกำลังจับตามาที่เขาแล้ว

ในเวลานี้ ข้างนอกจวนมู่ มีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง และข้างหลังเขามีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายสามคน ซึ่งหนึ่งในนั้นแขนหักไปข้างหนึ่ง

คนกลุ่มนี้ คือกลุ่มคนจากตระกูลบู๊โบราณแห่งตระกูลเจียงที่พ่ายแพ้จากจวนมู่ก่อนหน้านี้

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของตระกูลเจียง จ้องมองไปทางจวนมู่อย่างโกรธแค้น กัดฟันและกล่าวว่า "บอส เจ้าเมืองมู่คนนี้ช่างหยิ่งผยองเกินไปแล้ว เพื่อหยางเฉิน เขากล้าผิดใจกับท่าน หาที่ตายชัดๆ"

"หึ!"

เจียงเหยียนส่งเสียงอย่างเย็นชา“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาได้หยิ่งผยองสักระยะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะรู้ว่าผลที่ตามมาของการรุกรานตระกูลเจียงนั้นร้ายแรงเพียงใด”

“บอส ความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองมู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งแล้ว ผมขอแนะนำว่าเรารีบนำผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งของตระกูลเจียงมาฆ่าบุคคลนี้ตอนนี้เลยดีกว่า หากรอให้ความแข็งแกร่งของเขาก้าวเข้าสู่กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง ถึงตอนนั้น ถ้าเราจะจัดการกับเขาก็ยากแล้ว"

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของตระกูลเจียงกล่าว บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม และเหลือบมองไปยังผู้แข็งแกร่งที่โดนนักดาบเงาเพชฌฆาตตัดแขน และพูดต่อว่า“นอกจากเจ้าเมืองมู่แล้ว ยังมี นักดาบที่มีความแข็งแกร่งมากเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย แต่ดาบยาวในมือของเขานั้นดูแปลกอย่างเห็นได้ชัด และด้วยดาบยาวเล่มนี้ ความแข็งแกร่งของเขาเทียบได้กับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด”

เจียงเหยียนพยักหน้า หรี่ตามองไปยังทิศทางของจวนมู่ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ถ้าผมเดาไม่ผิด ดาบยาวในมือของนักดาบคนนั้นน่าจะเป็นดาบอาถรรพ์"

“ดาบอาถรรพ์?”

ผู้แข็งแกร่งหลายคนของตระกูลเจียงต่างตกตะลึง

ในตระกูลบู๊โบราณ ไม่ใช่ว่าไม่มีของอาถรรพ์ แต่ก็มีไม่มากนัก แต่ในโลกมนุษย์นี้ พวกเขากลับรู้จักของอาถรรพ์สองอย่าง อันหนึ่งคือมีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉิน และอีกอันคือดาบยาวในมือของนักดาบเงาเพชฌฆาต

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง บนใบหน้านั้นไม่ปกปิดความโลภของตนเองเลย หรี่ตาลงและกล่าวว่า “ถ้าเราสามารถยึดจวนมู่ได้ งั้นก็หมายความว่า เราจะมีของอาถรรพ์สองชิ้นพร้อมกัน?”

“บอส เรียกคนมาเดี๋ยวนี้เถอะ เราต้องรีบฆ่าเจ้าเมืองมู่ก่อนที่ความแข็งแกร่งของเขาจะไปถึงกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งมิฉะนั้น หลังจากที่เขาเข้าสู่กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งแล้ว หากเราต้องการฆ่าเขา ก็ต้องจัดผู้แข็งแกร่งแดนนภามาแล้ว แต่พันธมิตรพิทักษ์มีกฎข้อบังคับ ผู้ที่ก้าวเข้าสู่แดนนภาแล้ว ห้ามเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าแดนนภา”

เจียงเหยียนส่งเสียงอย่างเย็นชาและพูดด้วยท่าทางดูถูก"กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งไม่ใช่ว่าอยากจะทะลุก็สามารถทะลุไปได้ เรากลับไปที่ตระกูลเจียงก่อน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม จะมีคนมาจัดการเขาแน่นอน”

ในไม่ช้า ทุกคนในตระกูลเจียงก็จากไป

ผู้แข็งแกร่งจากทุกทิศทุกทางที่ซุ่มดูอยู่ เห็นว่าแม้แต่คนในตระกูลบู๊โบราณแห่งตระกูลเจียงก็ไม่สามารถทำอะไรจวนมู่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจากไปอย่างไม่เต็มใจ

แม้แต่ตระกูลบู๊โบราณแห่งตระกูลเจียงก็ทำอะไรจวนมู่ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดพวกเขา?

นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าเมืองมู่ได้เอาชนะเจียงเหยียนอย่างรวดเร็ว และนักดาบเงาเพชฌฆาตก็ได้ตัดแขนของผู้แข็งแกร่งในตระกูลเจียงด้วยดาบเดียว เช่นนี้ นอกจากตระกูลบู๊โบราณแล้ว ยังมีกองกำลังไหนอีกที่กล้ามาเปิดศึกกับจวนมู่อีก?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War