เมื่อเห็นท่าทางกังวลใจของเว่ยเชิน ทันใดนั้นหยางเฉินพูดว่า: “ถ้าหากฉันจำไม่ผิด ในมือของตระกูลเว่ยมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ใช่มั้ย?”
ในใจของเว่ยเชินตกใจ เขาเข้าใจความหมายคำพูดนี้ของหยางเฉินว่า คือกำลังสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเว่ย
“หยุนเซิงกรุ๊ปเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเว่ย”
เว่ยเชินพูดตามความจริง ในใจหลับเริ่มไตร่ตรอง จะปฏิเสธคำขอของหยางเฉินอย่างไร
“ในเมื่อหยุนเซิงกรุ๊ปเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอก็เป็นธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างด้วย ประธานเว่ยไม่พิจารณา ร่วมงานกับบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอเหรอ?”
หยางเฉินหรี่ตาจ้องมองเว่ยเชิน
แน่นอนว่าเป็นแบบนี้ เว่ยเชินแอบพูดในใจว่าไม่ดี ก็คิดคำพูดชี้แจ้งไว้ตั้งนานแล้ว: “คุณหยาง ขอโทษด้วยจริงๆ เรื่องนี้ผมไม่สามารถช่วยคุณได้”
หยางเฉินก็เดาได้ว่าเว่ยเชินจะปฏิเสธ เนื่องจากบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอเป็นเพียงบริษัทเล็กแห่งหนึ่ง ตอนนั้นตระกูลหยางเพื่อที่จะเปิดตลาดของเจียงโจว ถึงได้รับซื้อบริษัทเล็กแห่งหนึ่ง ยังไม่ทันได้พัฒนาขึ้นมา
และหยุนเซิงกรุ๊ปเป็นกิจการหลักของตระกูลเว่ย อย่าว่าแต่เจียงโจว ต่อให้เป็นทั้งจิ่วโจว ก็สามารถจัดอันดับได้
กิจการสองแห่งนี้ มีความแตกต่างราวกับฟ้าและดินอย่างสิ้นเชิง และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นร่วมงานกัน
“คุณหยาง พูดอย่างไม่ปิดบังคุณ อยู่ในตระกูลเว่ย ความสัมพันธ์สายตรงระหว่างพวกเรา ต้องไม่เข้าไปยุ่งธุรกิจที่คนอื่นดูแลรับผิดชอบอยู่ อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ความรับผิดชอบของผม”
เว่ยเชินพูดตามความจริง และน้ำเสียงจริงใจมาก
สิ่งนี้ทำให้หยางเฉินคาดไม่ถึง ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ เว่ยเชินไม่สามารถเข้าไปยุ่งเรื่องการร่วมงานได้จริงๆ
“งั้นประธานเว่ยรับผิดชอบอะไร?”หยางเฉินถาม
“ผมรับผิดชอบธุรกิจบันเทิงเป็นหลัก” เว่ยเชินพูด
ธุรกิจหลักของตระกูลเว่ยมีสองอย่าง อย่างที่หนึ่งคือธุรกิจบันเทิง อีกอย่างหนึ่งคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เว่ยเชินสามารถรับผิดชอบธุรกิจบันเทิงของทั้งตระกูลได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นตำแหน่งของเขาอยู่ในตระกูลเว่ยสูง
หลังจากที่หยางเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็บังคับใจคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ แกไปเถอะ!”
เว่ยเชินนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง เห็นหยางเฉินไม่ได้โกรธ เขาถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนแรกยังคิดว่าหยางเฉินจะโลภมากไม่รู้จักพอ
“ขอบคุณครับคุณหยาง! คุณวางใจได้ ตราบใดที่เป็นคนของผม จากนี้ไปไม่มีทางที่จะเกิดการล่วงเกินคุณอีก”
เว่ยเชินรับประกันอย่างรวดเร็ว
จ้าวหัวพวกเขาหลายคน ตอนที่เห็นเว่ยเชินเคารพนบน้อมต่อหยางเฉินมากขนาดนี้ ก็หวาดกลัวไปตั้งนานแล้ว
แววตาของหยางเฉินจับจ้องไปที่บนตัวของพวกเขา และแผ่นหลังของหลายคนก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่เย็นยะเยือกในทันที
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจียงโจวไม่มีที่ยืนสำหรับพวกแกอีก ถ้าหากให้ฉันเห็นพวกแกอีก พวกแกก็จะไม่โชคดีเหมือนวันนี้ ไสหัวไปซะ!”
หยางเฉินตวาดอย่างกะทันหัน
“ท่านประธาน ทุกอย่างของพวกเราอยู่ที่เจียงโจว คุณได้โปรดให้โอกาสพวกเราเป็นครั้งสุดท้ายด้วยพวกเราไม่กล้าอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินว่าหยางเฉินให้พวกเขาออกจากเจียงโจวไปตลอดกาล หลายคนก็หน้าถอดสี รีบขอร้องอ้อนวอน และก้มศีรษะลงกราบครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างที่พวกเขาบอกแบบนั้น เจียงโจวเป็นบ้านเกิดของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือเพื่อน ทั้งหมดก็อยู่ที่นี่
ขับไล่พวกเขาออกจากเจียงโจวตลอดกาล พวกเขาจะรับได้อย่างไร
“ถ้าหากใครกล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว งั้นก็อยู่ที่นี่ตลอดกาล!”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็เอ่ยปากพูด และน้ำเสียงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
สำหรับคนที่ใช้อำนาจบังคับแบบนี้ คนต่ำทรามที่ปรับตัวไปตามสถานการณ์ หยางเฉินรังเกียจที่จะถือสาพวกเขา
แต่เรื่องบางอย่างผิดไปแล้วก็คือผิด จำเป็นต้องได้รับโทษตามสมควร
รู้สึกถึงความเยือกเย็นในน้ำเสียงของหยางเฉิน หลายคนอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาไปทั้งตัว และไม่กล้าพูดจาอะไรไร้สาระอีก ทำได้เพียงจากไป
“คุณหยาง งั้นผมก็กลับแล้วนะ?”
เว่ยเชินถามอย่างระมัดระวัง อยู่ด้วยกันกับหยางเฉิน เขามักจะรู้สึกว่าอยู่ใกล้ชิดคนใหญ่คนโตมีความอันตรายเหมือนกับเสือ
“เรื่องที่ฉันมอบหมายให้แก เป็นยังไงบ้าง?”
หยางเฉินถามอย่างกะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...