แต่ว่า หยางเฉินไม่รู้จะคิดยังไงให้เข้าใจ สำนักบู๊ใหญ่โตขนาดนี้ สมาพันธ์นักบูโดเล็ก ๆ นอกจากตัวเขานี้ ก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าอีกเลย
พูดได้ว่า สำนักบู๊แค่เพียงส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดไปสองนาย ก็ถล่มสมาพันธ์บูโดราบคาบไปแล้ว
ส่วนหยางเฉินก็ได้สัมผัสเองแล้ว ในสำนักบู๊ ก็มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดอยู่ห้านาย นี้ยังไม่รวมผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดที่ไม่อยู่ในสำนักบู๊ในเวลานี้อีก
ในความคาดคิดของหยางเฉิน สำนักบู๊อย่างน้อยต้องมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดถึงสิบนาย
ระดับอิทธิพลบูโดยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ในกลุ่มอิทธิพลที่ต่ำกว่านักบู๊โบราณ จัดได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ทำไมยังจะไปละโมบกับสมาพันธ์บูโดกระจอกกระจอกในโลกสามัญด้วย?
หยางเฉินขรึมเงียบใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่ตู้ป๋อ พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ผมยอมรับ สำนักบู๊มีกองกำลังสูงมาก ถ้าจะจัดการกับสมาพันธ์บูโด เพียงใช้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดแค่สองนาย ก็ถล่มสมาพันธ์บูโดราบคาบไปอย่างง่ายดายแล้ว”
“แต่ว่า สมาพันธ์บูโดเป็นกลุ่มนักบูโดโลกสามัญ ช่วยกันจัดตั้งเป็นองค์กรพลังประชาธิปไตย ถึงแม้ผมจะเป็นหัวหน้าในวาระปัจจุบัน ในกรณีเมื่อมีเรื่องระดับใหญ่ จะไม่มีการปล่อยให้สมาพันธ์บูโดไปเกาะติดให้เสียงเดียวตัดสินได้”
“หวังว่าคุณลุงจะให้ความกรุณา เปิดทางรอดให้สหพันธ์บูโดด้วย!”
การวางตัวของหยางเฉินเป็นไปอย่างสุภาพอ่อนน้อม เวลานี้เขารู้สึกลำบากใจอย่างหนักมาก ถึง ณ ขณะนี้ ยังไม่รู้ได้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของตู้จ้งเลย และหลังจากที่ได้รับรู้ถึงความทรงพลังของสำนักบู๊แล้ว เขาไม่มีปัญญาปลุกเร้าความคิดที่จะสู้กับสำนักบู๊เลยแม้แต่น้อยนิด
ไม่ใช่เพราะเขาขี้ขลาด แต่เป็นเพราะว่าสำนักบู๊แข็งแกร่งเกินจริง ๆ เป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุด เท่าที่พบเห็นมา ไม่นับกลุ่มบู๊โบราณ
สมาพันธ์นักบูโดนั้นไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปสู้กับสำนักบู๊ได้เลย เขาเองหยางเฉินนี่ก็ไม่มีคุณสมบัติพอ แค่ผู้เฒ่าที่ยืนข้างเขาท่านนี้ ก็ยังสับฆ่าเขาทิ้งได้อย่างง่ายดาย
ช่วงทิ้งห่างขนาดนี้ ยังจะไปสู้รบอะไรกับสำนักบู๊?
นอกเสียแต่ว่า เขาปัญญาอ่อน
แน่นอน ถ้าตู้ป๋อจะบีบบังคับเอาสมาพันธ์บูโดผนวกเข้ามาอยู่ในสำนักบู๊ เขาก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้ คงต้องกล้ำกลืนไว้ก่อน รอจนมีกำลังแข็งแกร่งพอ สามารถสยบสำนักบู๊ได้ ถึงเวลานั้นจึงค่อยปลดสลักสมาพันธ์ให้หลุดจากสำนักบู๊
ตู้ป๋อพูดในทันใดนั้นอีกว่า “ถ้าหากว่า เป็นว่าข้าจะให้เจ้ามารับตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักบู๊หละ?”
หยางเฉินงงยืนเซ่ออยู่กับที่ เขาถึงกับคิดสงสัย ตู้ป๋อแก่แล้วเลอะเลือนหรือเปล่า กำลังพูดเลอะเทอะ?
แต่ พอเขาสังเกตเห็น ตู้หมิงเหวี่ยนสีหน้าเรียบเฉย แววตาไม่มีส่อให้เห็นความตื่นใจใด ๆ จึงรู้ได้โดยจิตสำนึกเลยว่า ตู้ป๋อไม่ได้พูดเล่นกับเขา แต่เป็นเรื่องจริงจัง
ในสำนักบู๊ ตู้หมิงเหวี่ยนจึงใช่ผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักที่ถูกกำหนดไว้เป็นทางการแล้ว ตอนนี้เจ้าสำนักปัจจุบัน อยู่ต่อหน้าเขาในขณะนี้ คิดจะเอาตำแหน่งเจ้าสำนักนี้ยกไปให้คนอื่น ตู้หมิงเหวี่ยนยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ นี่มันเป็นเรื่องไม่ปกติเป็นอย่างมาก
หยางเฉินคิดขึ้นมาในทันใดนั้นว่า ตั้งแต่เขาย่างก้าวเข้ามาในสำนักบู๊ ตู้หมิงเหวี่ยนก็ออกอาการไม่เป็นมิตรกับเขาอย่างมาก ถึงขนาดใคร่อยากจะประลองยุทธกับเขา
จวบจนหยางเฉินรับชัยชนะมาอย่างชนิดว่าโชคช่วย ความเป็นปฏิปักษ์ของตู้หมิงเหวี่ยนต่อเขาจึงได้หายเกลี้ยงไป กลับกลายเป็นความชื่นชม
อีกเรื่องหนึ่ง ตู้จ้งก็แซ่ตู้ อายุก็ไล่เลี่ยกับตู้ป๋อ ชื่อก็เข้าคู่ในความหมายกัน ป๋อกับจ้งสองตัวนี้ ก็บ่งบอกชัดในความหมายต่าง ๆ แล้ว
ประเด็นที่สำคัญจุดหนึ่ง ตู้ป๋อกับตู้จ้งมีหน้าตาที่คล้ายกันมาก แทบจะว่าแกะมาจากพิมพ์เดียวกันก็ได้
เพียงแต่ว่า ระดับขั้นบูโดของทั้งสอง ต่างกันไกลมาก
นี่เป็นประเด็นที่หยางเฉินไม่สงสัยไม่ได้ว่า ตู้ป๋อกับตู้จ้งเป็นพี่น้องในสายเลือดเดียวกัน
หลังจากที่เขาอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสจนสลบไสลไปนั้น ตู้จ้งสู้อุตส่าห์จะไปหานำเอายาคืนชีพไปช่วยเขา และขณะที่จะออกไปนั้น ยังมีท่าทีมั่นใจเต็มที่ว่าจะหานำกลับไปได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...