การกระทำของเกาสงดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
ผู้คนของ สำนักมาร ต่างก็จ้องมองที่เกาสงอย่างโกรธจัด
ใบหน้าของลี่เฉินมืดมนขีดสุด เขาพูดอย่างเย็นชา “เกาสง นายรู้ไหมว่านายกำลังทำอะไรอยู่?”
เกาสงเป็นหนึ่งในสี่ยอดขุนพลมารของสำนักมาร ขณะอยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นก็ติดอันดับหนึ่งในสิบผู้แข็งแกร่งในภูเขามารแล้ว ตอนนี้เมื่ออยู่กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นความแข็งแกร่งก็ยิ่งมากขึ้น
กล่าวได้ว่าภายใต้สำนักมาร เงามาร นั้นแข็งแกร่งที่สุด รองลงมาคือเกาสง
แต่ตอนนี้ เกาสงคุกเข่าต่อหน้าผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่ต้องการทำลายสำนักมารและบอกว่าเขาอยากเป็นสุนัขของอีกฝ่าย ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องอัปยศต่อสำนักมาร
เกาสงจ้องลี่เฉินอย่างโกรธจัดและพูดเสียงดังว่า "ลี่เฉิน ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันจะยังมีทางรอดอยู่หรือไง? อันที่จริงนายบรรลุแดนนภาไปตั้งนานแล้วใช่ไหม? เงามารรู้ดี ในสี่ยอดขุนพลมารบอกจากฉันแล้วอีกสามคนก็ล้วนรู้เรื่องนี้ นายอยากจะจัดการฉันตั้งนานแล้ว แล้วทำไมฉันต้องภักดีกับนายด้วย? ทำไมต้องภักดีต่อสำนักมาร?”
ลี่เฉินจ้องที่เกาสงอย่างเย็นชาและกล่าวว่า "นั่นเพราะ นายไม่คู่ควร!"
"ฮ่าฮ่า!"
เกาสงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่เขาหัวเราะมากพอแล้วก็มองไปที่ลี่เฉินอย่างเคร่งขรึมและพูดว่า "ฉันไม่คู่ควรแค่นี้เอง! ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันเกาสงขอประกาศว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันขอประกาศสงครามกับสำนักมาร! ไม่ใช่แค่สำนักมาร แต่ยังมีนายลี่เฉินคอยดูเถอะ หลังจากที่วิถีบู๊ของฉันบรรลุสู่แดนนภาแล้ว ฉันจะไปหานายด้วยตนเองแล้วเอาชีวิตสุนัขของนายซะ!”
“บังอาจ!”
เงามารคำรามและคิดจะโจมตีเกาสง แต่ถูกลี่เฉินหยุดไว้
“ฮึ่ม!”
ลี่เฉินมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เชื่อฉันเถอะ คนอย่างนาย ไม่รอดไปถึงบรรลุแดนนภาหรอก”
เกาสงเอ่ยอย่างโกรธจัดว่า “นายอาศัยอะไรมาพูดแบบนั้น? ฉันที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดก็สามารถแข่งขันกับกลุ่มผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นและติดอันดับหนึ่งในสิบผู้แข็งแกร่งในภูเขามารได้ วันนี้แดนบูโดของฉันไปถึงกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งแล้ว ภายใต้แดนนภา ยังมีใครเอาชนะฉันได้อีก”
“พรสวรรค์ด้านบูโดแบบนี้ นายอาศัยอะไรมาบอกว่าฉันจะบรรลุแดนนภาได้หรือไม่ได้?”
ลี่เฉินเหล่มองที่เกาสงและถามว่า “ความแข็งแกร่งที่นายมีตอนนี้เป็นผลมาจากพรสวรรค์ด้านบูโดแล้วฝึกฝนสำเร็จหรือไง?”
เมื่อได้ยินคำถามของลี่เฉิน เกาสงก็ลนลานเล็กน้อยและพูดด้วยความโกรธและร้อนตัวว่า “ไร้สาระ ถ้าไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ด้านบูโดของฉันโดดเด่น แล้วเป็นเพราะความแข็งแกร่งที่นายมอบให้ฉันหรือไง?"
ลี่เฉินเยาะเย้ยและตะโกนทันทีว่า "โล่ล่องหน! ออกมา!"
ใบหน้าของเกาสงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สีหน้าเหลือเชื่อ
วินาทีถัดมา สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวอย่างมาก
ดูเหมือนมีพลังอันแข็งแกร่งพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา
แต่คำพูดของลี่เฉินทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในภูเขามารตกใจ
“โล่ล่องหน! ของอาถรรพ์ระดับสูงของคามิ โคโซ ซึ่งหายไปเป็นเวลาสิบปี ผู้ครอบครอง สามารถซ่อนมันในร่างกายได้ ภายใต้แดนนภา มันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแดนบูโดของตัวเอง”
อิงเทียนสิงมองที่เกาสงอย่างแปลกใจและกล่าวว่า
กองกำลังสูงสุดทั้งห้าแห่งภูเขามารต่างก็มีของอาถรรพ์ของตัวเอง เช่นโล่ล่องหนของสำนักบูโด ลูกปัดมารของสำนักมาร เฟิ่งกู่ฉินของสำนักเซิ่งกง และขนนกราตรีของสำนักพิษ ส่วนคามิ โคโซก็คือ โล่ล่องหน ในหมู่พวกเขา โล่ล่องหนเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
นั่นเพราะคนที่ฝึกฝนโล่ล่องหนจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งของแดนบูโดที่อยู่ใต้แดนนภาได้ กล่าวคือ ผู้ที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดจะสามารถมีกำลังในกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น และถ้าอิงเทียนสิงมีโล่นี้ เขาที่อยู่ในกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากแค่ไหน?
โล่ล่องหนหายไปเมื่อสิบปีก่อน แต่ตอนนี้มันปรากฏอยู่ในมือของเกาสง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...