The king of War นิยาย บท 2142

สรุปบท บทที่ 2142 ลองคิดๆ ดู: The king of War

ตอน บทที่ 2142 ลองคิดๆ ดู จาก The king of War – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 2142 ลองคิดๆ ดู คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต The king of War ที่เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เฉินไห่โจวรู้สึกตกใจอย่างมาก ถึงเขาจะมั่นใจว่าสามารถสังหารจางจี้ได้อย่างง่ายดาย แต่มันไม่กล้านี่สิ!

การที่เขาเลือกปลดปล่อยแรงกดดันบูโดนั้น ก็เพื่อต้องการข่มขู่จางจี้ให้เลิกมาจุ้นจ้านได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่า ระดับวิถีบู๊ของจางจี้ จะบรรลุถึงแดนนภาแล้วเหมือนกัน

อีกอย่าง จางจี้เป็นหนึ่งในสี่รองผู้บัญชาการของกองยุทธการจงโจว ถ้ามาตายด้วยน้ำมือของเขาจริงๆ ตนตัวที่อยู่เบื้องหลังสมาคมผู้อาวุโสไม่มีทางปล่อยตระกูลบู๊โบราณเฉินไว้แน่

“รองผู้บัญชาการจาง ใจเย็นๆ ก่อน!” 

เหอหยวนหงที่เห็นอย่างั้น จึงรีบเดินเข้ามา แล้วเกลี้ยกล่อมด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวว่า “คุณเฉินไม่มีทางคิดท้าทายสมาคมผู้อาวุโสแน่นอน รองผู้บัญชาการจางช่วยเห็นแก่หน้าผมสักครั้งได้มั้ยครับ?” 

จางจี้ไม่ได้สนใจ มือข้างหน้าถือหอกเอาไว้ แล้วจ้องมองเฉินไห่โจวด้วยสายตาที่เคร่งขรึม

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่แกร่งกว่าเขามาก สายตาของจางจี้ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความพร้อมสู้

ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งบรรลุถึงแดนนภาจากความช่วยเหลือของหยางเฉิน ยังไม่เคยประมือกับผู้แข็งแกร่งแดนนภา ตอนนี้เขาก็อยากประมือกับเฉินไห่โจวสักตั้ง เพื่อขัดเกลาความสามารถในการต่อสู้ของเขา

ผู้แข็งแกร่งที่ถือกำเนิดจากกองยุทธการ ถึงจางจี้จะเพิ่งบรรลุถึงแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแต่ความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริง กลับสูงกว่าแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นไปแล้ว บางทีอาจอยู่ระดับแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นกลางหรือชั้นปลายเลยก็ได้

ผู้พิทักษ์แดนนภาขั้นสองชั้นยอดสองคนที่อยู่ด้านหลังเฉินไห่โจว ต่างจ้องเขม็งไปที่จางจี้ราวกับถ้าจางจี้กล้าลงมือกับเฉินไห่โจวพวกเขาก็จะสังหารจางจี้ทันที

เฉินหยางสีหน้าเคร่งขรึม การเป็นลูกชายของเฉินไห่โจวเขารู้ดีว่า ในสถานการณ์แบบนี้พ่อของตนไม่อยากมีปัญหากับจางจี้มาก

“รองผู้บัญชาการจาง ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด คุณที่เป็นถึงรองผู้บัญชาการกองยุทธการจงโจว มีตำแหน่งที่สูงส่ง คงไม่มาถือสาคนอย่างพวกเราหรอกจริงมั้ยครับ?” 

เฉินหยางพูดกับจางจี้ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม จากนั้นก็หันไปพูดกับเฉินไห่โจวว่า “พ่อครับ ตอนนี้พ่อเป็นตัวแทนของตระกูลเฉินที่อยู่ในจงโจว ต่อไปยังไงก็ต้องติดต่อกับรองผู้บัญชาการจางวันนี้ก็ถือว่าไม่สู้ไม่รู้จักแล้วกันนะครับ!” 

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหาทางลงให้เฉินไห่โจว เฉินไห่โจวพยักหน้าเบาๆ แล้วแสดงรอยยิ้มออกมาจากนั้นก็พูดกับจางจี้ว่า “รองผู้บัญชาการจาง ต้องขออภัยด้วย! ไว้วันหลัง ผมค่อยเชิญคุณไปรับประทานอาหารด้วยกันนะครับ!” 

จางจี้สบถออกมา “ไม่สนใจ!” 

รอยยิ้มบนใบหน้าเฉินไห่โจวแข็งเกร็งจางจี้นี่ช่างไม่ไว้หน้ากันจริงๆ

หลังจากที่เขารู้ว่าแดนวิถีบู๊ของจางจี้ได้บรรลุถึงแดนนภาแล้ว ก็ไม่คิดจะใช้แรงกดดันวิถีบู๊สร้างแรงกดดันให้จางจี้แล้ว หลังจ้องมองจางจี้อย่างลึกซึ้งไปทีหนึ่ง เขาก็โบกมือ “พวกเราไป!” 

คนที่อยู่ตรงหนี้ต่างเป็นผู้มีอิทธิพลของจงโจวทั้งสิ้น การที่อยู่ที่นี่ต่อ มีแต่จะขายหน้ามากขึ้นเท่านั้น

เหอหยวนหงี่เห็นอย่างนั้น ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที กว่าจะเชิญสองพ่อลูกเฉินไห่โจวมาได้ ทำไมจะไปแล้วล่ะ?

ถ้าพวกเขาไป แล้วใครจะพาเซี่ยเหอไป?

แต่ว่า มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เขาก็ไม่กล้าเขาไปขวางสองพ่อลูกเฉินไห่โจว ทำได้แค่มองดูคนของตระกูลบู๊โบราณเฉินจากไปเท่านั้น

จางจี้ถึงได้เก็บหอกงอย่างเซ็งๆ แล้วดื่มชาต่อราวกับไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย

พอคนของตระกูลบู๊โบราณเฉินไปแล้ว ในโต๊ะหน้าสุด ก็เหลือหยางเฉินแค่คนเดียว

ถึงลึกๆ จะมีคนที่รู้สึกไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่กล้าออกหน้า

หยางเฉินนั้นกล้าหาเรื่องคนของตระกูลบู๊โบราณเฉินต่อหน้าทุกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้มีอิทธิพลในจงโจวอย่างพวกเขาเลย

“ในที่สุดก็ไม่เป็นอะไรแล้ว!” 

ในโต๊ะตระกูลกู้ เซี่ยหลินรู้สึกโล่งอก ตบไปที่หน้าอกของตัวเองเบาๆ

เหอหยวนหงหันมองไปทางหยางเฉินอย่างไม่ชอบใจ เมื่อกี้จางจี้ออกมาเพราะหยางเฉิน เขาจึงไม่กล้าไล่หยางเฉินออกไปอยู่แล้ว

คนที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน แล้วพูดไปว่า “เจ้าบ้านแต่งตั้งคุณเป็นผู้สืบทอดแล้ว!” 

“เหอจื้อ!” 

ทันใดนั้นเอง เหอหยวนหงได้มองมาที่เหอจื้อ แล้วพูดขึ้นว่า “ขึ้นมากล่าวอะไรบนเวทีหน่อย!” 

เหอจื้อถึงตั้งสติกลับมาได้ ในที่สุดก็มั่นใจแล้วว่า เมื่อกี้เหอหยวนหงได้แต่งตั้งเขาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเหอจริงๆ สีหน้าของเขามีแต่ความตื่นเต้น และเตรียมจะขึ้นเวที

เหอสงสองมือกำแน่น ดวงตาแดงก่ำ จ้องเขม็งไปยังเหอหยวนหงที่อยู่บนเวที

เขาไม่เข้าใจ ทำไมเหอหยวนหงถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน?

พอเห็นเหอจื้อที่ทำหน้าดีอกดีใจกำลังจะขึ้นเวที ทันใดนั้น หยางเฉินก็ได้ส่งเสียงยิ้มเยาะออกมา ทำให้สายตาทุกคู่ต่างมองมาที่เขาทันที

เหอหยวนหงหันมองมาที่หยางเฉินทันที แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ขำอะไรของคุณ?” 

หยางเฉินไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่เลือกที่จะยกแก้วชาขึ้นมา แล้วดื่มชาในแก้วหมดในทีเดียว

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น มองเหอหยวนหงอย่างไม่ชอบใจแล้วพูดไปว่า “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คนที่ตระกูลเหอจะแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอด ควรจะเป็นเหอสงไม่ใช่รึไง?” 

เหอหยวนหงรูม่านตาหดเล็กลง นี่เป็นเนื้อหาที่คุยกันในประชุมด้วยของตระกูลเมื่อคืน แล้วหยางเฉินรู้ได้ยังไง?

เหอหยวนหงพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ตระกูลเหอจะตั้งใครเป็นผู้สืบทอด มันเกี่ยวอะไรกับคุณ? หรือจะบอกว่า ประธานหยางจะเข้ามาแทรกแซงการแจ่งตั้งผู้สืบทอดของตระกูลเหออย่างนั้นเหรอ?” 

หยางเฉินยิ้มอย่างไม่ให้เกียรติ หรี่ตาแล้วถามเหอหยวนหงไปว่า “เหอหยวนหง คุณมั่นใจแล้วใช่มั้ย ว่าจะแต่งตั้งเหอจื้อเป็นผู้สืบทอด?” 

แต่แล้ว สิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงยิ่งกว่ามันหลังจากนี้ ทันใดนั้น จางจี้ก็ได้พูดออกมาเหมือนกันว่า “เจ้าบ้านเหอ ผมแนะนำให้คุณคิดให้ดีๆ ก่อนจะดีกว่านะ!” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War