“เธอพูดอีกทีหนึ่งสิ?”
ในน้ำเสียงของมู่ตงเฟิงเห็นได้ชัดว่ามีความโกรธหลายระดับ
ใครต่างดูออกกันหมด มู่ตงเฟิงในตอนนี้ เกินกว่าขอบเขตของความโมโหเดือดดาลไปแล้ว
ครั้งนี้ ในที่สุดเจิ้งเหม่ยหลิงสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ชั่วขณะนั้นตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน
“เจ้าบ้านมู่คะ ฉันทำเพื่อชื่อเสียงของท่านนะคะ!” เจิ้งเหม่ยหลิงพูดเสียงดังออกไป
“ป้าบ!”
มู่ตงเฟิงตบเข้าไปที่หน้าทีหนึ่ง พูดจาฉุนเฉียว “แกแม่งถือว่าตัวเองเป็นใครกัน? มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉัน?”
ชั่วพริบตาเดียวเลือดสดที่มุมปากของเจิ้งเหม่ยหลิงก็ไหลออกมาแล้ว ใบหน้าด้านซ้ายบวมเปล่งขึ้น ด้านบนยังมีรอยฝ่ามือที่ชัดแจ๋วอยู่
“กล้ามาหลอกใช้ฉันจัดการคนอื่น แกแม่งอยากตายหรือไง?”
มู่ตงเฟิงจับผมยาวของเจิ้งเหม่ยหลิงเอาไว้ ตะคอกใส่ด้วยความโมโห
เดิมทีเพราะเรื่องเมื่อสักครู่นี้ก็ทำให้เขาโกรธเคืองอย่างยิ่งอยู่แล้ว และเจิ้งเหม่ยหลิงโผล่ออกมาอีกคนหนึ่ง คาดไม่ถึงยังกล้ามาหลอกใช้ตนเอง มู่ตงเฟิงถลึงตาเดือดดาล ในสายตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้นที่รุนแรง
“อ๊ะ......”
เจิ้งเหม่ยหลิงส่งเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดออกมา ร้องไห้ตะโกนเสียงดัง “เจ้าบ้านมู่! ที่ฉันพูดล้วนเป็นความจริง เขาเป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ!”
“ยังกล้ามาเล่นลิ้นกันฉันอีก ไม่รู้จักที่ตายเสียจริง!”
มู่ตงเฟิงพึ่งพูดจบ ถีบเจิ้งเหม่ยหลิงล้มลงบนพื้นแล้ว จากนั้นพูดสั่งกับบอดี้การ์ดสองคนว่า “นังแพศยาคนนี้ ให้พวกแกเอาไปเสพสุข!”
“ขอบคุณครับเจ้าบ้าน!”
พอบอดี้การ์ดสองคนได้ยิน ต่างพากันดีใจยกใหญ่
ถึงแม้ว่าเจิ้งเหม่ยหลิงจะไม่มีทางเทียบได้กับฉินซีที่เป็นสาวงามเลิศล้ำแบบนี้ได้ แต่ยังถือว่าหน้าตาดูดีในระดับหนึ่ง
บอดี้การ์ดทั้งสองคนยิ้มชั่วร้ายเดินไปยังเจิ้งเหม่ยหลิง หน้าตาหล่อนดูตกใจกลัวเต็มที่ จนกระทั่งวินาทีนี้ ถึงสำนึกได้ว่าตนเองทำผิดพลาดไป
“เจ้าบ้านมู่คะ ฉันสำนึกผิดแล้ว ขอให้ท่านปล่อยฉันไปด้วยนะคะ ฉันรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วจริงๆ”
หล่อนเหมือนสุนัขเพศเมีย คลานไปยังแทบเท้าของมู่ตงเฟิง ร้องไห้อ้อนวอน
“ไสหัวไป!”
มู่ตงเฟิงถีบหล่อนออกไปทีหนึ่ง
หยางเฉินมองมู่ตงเฟิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เขาเป็นบุคคลที่ปรับตัวได้ตามสถานการณ์คนหนึ่ง
เพียงแต่คนที่มีปณิธานต่างกันย่อมไม่มีทางร่วมงานกันได้ คนประเภทนี้ เขาไม่ชอบเอามากๆ ถึงแม้จะมีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่อาจจะใช้งานได้
“พวกเราไปกันเถอะ!”
หยางเฉินดึงฉินซีไว้แล้วพูดขึ้น
“พี่คะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันขอร้องพี่นะ ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
เจิ้งเหม่ยหลิงรู้ว่ามู่ตงเฟิงไม่อาจปล่อยหล่อนไปแน่นอน ตอนนี้มีความหวังเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือฉินซี หล่อนน้ำตานองเต็มหน้า คุกเข่าอ้อนวอนอยู่แทบเท้าฉินซี
แม้แต่คนใหญ่คนโตของเมืองโจวเฉิงเหล่านั้นยังทนดูไม่ได้ เมื่อสักครู่ผู้หญิงคนนี้พึ่งอยากจะอาศัยมือของมู่ตงเฟิง ทำให้หยางเฉินและฉินซีหมดหวัง
ตอนนี้กลับมาขอร้องให้พวกเขาช่วยหล่อน
“ตอนนี้มาสำนึกผิดได้แล้วเหรอ? สายไปแล้ว!”
หยางเฉินยักคิ้วขึ้น ปกป้องฉินซีเอาไว้ด้านหลัง พูดจาเย็นชา “นี่คือการหาเรื่องใส่ตัวเอง ไม่มีทางหนีพ้น!”
“พี่เขย ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริงๆ ใครบ้างตอนเป็นหนุ่มสาวไม่เคยทำผิดพลาดกัน! ขอให้พี่ให้โอกาสฉันสักครั้ง ต่อไปพี่คือผู้มีพระคุณสูงสุดของฉัน ฉันจะต้องตอบแทนพี่กับพี่เขยอย่างดีแน่นอน!”
เจิ้งเหม่ยหลิงร้องไห้ไปพูดไป
“ไสหัวไป!”
เฉียนเปียวเข้ามากะทันหัน ขวางด้านหน้าของเจิ้งเหม่ยหลิงไว้
ฉินซีทนไม่ได้อยู่บ้าง พูดเสียงเบาๆ “ที่รัก คุณว่าช่วยหล่อนอีกสักทีได้หรือเปล่า?”
หยางเฉินพูดด้วยท่าทางจริงจัง “เสี่ยวซี คุณน่าจะยังจำฟางเยว่ได้มั้ง? ตอนนั้นคุณทำกับหล่อนยังไง? แล้วหล่อนทำกับคุณยังไง?”
ได้ยินหยางเฉินพูดถึงฟางเยว่ ฉินซีอดสั่นไปทั้งตัวไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...