เหล่าคนที่สงสัยในตัวฉินซีเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคน!
ถ้าไม่ใช่เพราะโจวอวี้หรงติดเงินฉินซี เธอคงไม่เอาผิดทางด้านกฎหมายกับโจวอวี้หรงหรอก
หยางเฉินมีสีหน้าแปลกใจ ความเด็ดเดี่ยวที่ฉินซีแสดงออกวันนี้ เหนือความคาดหมายของเขามาก
อันที่จริง ตอนที่ฉินต้าหย่งเปิดโปงเรื่องเหล่านั้น ที่บ้านตระกูลโจวเมื่อวานนี้ ฉินซีได้ทำการเตรียมหลักฐานที่เกี่ยวข้องเอาไว้ อีกทั้งยังขอความช่วยเหลือจากสำนักงานกฎหมายเฉินซี ให้ออกหนังสือแจ้งโจวอวี้หรงเมื่อจำเป็น
เมื่อกี้ ฉินซีใจอ่อน เธอเกือบจะยอมยุติเรื่องแล้ว แต่โจวอวี้หรงไม่ยอมอยู่เงียบๆ มาต่อว่าฉินยีต่อหน้าทุกคน นี่ทำให้ฉินซีโมโหมาก เธอจึงตัดสินใจทำแบบนี้
“โจวอวี้หรง คุณดูหมิ่นฉัน ทุกคนในที่นี้ก็ได้ยิน รอหนังสือแจ้งทางกฎหมายได้เลย! ข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ต้องรับผิดทางกฎหมาย!”
ฉินยีไม่ยอมเหมือนกัน เธอพูดด้วยสีหน้าเฉยชา
ถึงแม้เมื่อกี้จะโดนดูถูก แต่ทว่าตอนนี้ เธอรู้สึกสะใจมาก
“เสี่ยวซี เสี่ยวยี ฉันแค่ล้อพวกเธอเล่นเท่านั้น ทำไมพวกเธอถึงคิดมากขนาดนี้ล่ะ”
โจวอวี้หรงรีบเปลี่ยนท่าทีทันที เธอฉีกยิ้มและพูดว่า “พวกเธอวางใจได้เลย ฉันคืนเงินที่ติดไว้แน่นอน มันเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว รอให้งานแต่งของเสี่ยวข่ายเรียบร้อยก่อน ฉันจะหาวิธีเอาเงินมาคืน ฉันจะคืนให้ทั้งต้นทั้งดอกเลย”
เธอรู้ว่าถ้าเรื่องนี้เป็นคดีความ เธอไม่มีทางชนะอย่างแน่นอน
เป็นอย่างที่ฉินซีพูด ตอนที่ยืมเงิน เธอได้เซ็นสัญญาการยืมเงิน อีกทั้งเงินที่โจวยู่ชุ่ยโอนให้เธอสองแสน ก็มีหลักฐานอยู่ด้วย
ถึงมันจะน่าอาย แต่ตอนนี้เธอจะไม่ยอม ก็ไม่ได้เสียแล้ว
“ที่แท้โจวอวี้หรงติดหนี้เด็กคนนั้นจริงๆ ด้วย!”
“โจวอวี้หรง ผู้หญิงต่ำ ยังเป็นคนอยู่ไหม ยืมเงินคนอื่นแท้ๆ ยังจะหนีหนี้อีก ถ้าเด็กคนนั้นไม่ดำเนินคดี เธอคงไม่ยอมรับสินะ”
“เจอญาติแบบนี้ ช่างน่าเศร้าจริงๆ เด็กคนนั้นใจดีให้เธอยืมเงิน แต่เธอกลับหนีหนี้ แถมยังดูหมิ่นเด็กคนนั้นอีก”
......
ไม่นาน โจวอวี้หรงถูกตราหน้าด่าทอ ขนาดคนอื่นยังมองเธอไม่ดี
โจวอวี้หรงอับอายมาก แต่เมื่อกี้ทนายของฉินซีดำเนินการด้านกฎหมายกับเธอ เธอจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
เธอรีบออกไป เพราะอับอายจนไม่มีหน้าอยู่ต่ออีกแล้ว
มีใครบางคนกำลังมองฉินซีด้วยแววตาเกลียดชัง อยู่ท่ามกลางผู้คน
ราวกับสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังจากอีกฝ่าย หยางเฉินหันไปมองคนนั้นทันที อีกฝ่ายมีสีหน้าตื่นตระหนก และรีบหลบตาทันที
หยางเฉินหรี่ตามองเธอ จากนั้นจึงพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า “เจิ้งเหม่ยหลิง ทางที่ดีเธออย่าเหิมเกริม ไม่งั้น เธอจะได้หายไปจากโลกนี้แน่!”
โจวอวี้เจี๋ยเจอกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาว่านอนสอนง่ายขึ้นมาทันที เมื่อเห็นฉินซีมองมาทางตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน และพูดเสียงเบาว่า “เสี่ยวซี รอให้งานแต่งของเสี่ยวข่ายเรียบร้อยก่อน แล้วเราค่อยมานั่งคุยกันดีๆ ตอนที่สร้างคฤหาสน์ แม่ของเธอก็ลงเงินมาเยอะมาก”
โจวอวี้เจี๋ยพูดเสียงเบามาก เพราะกลัวว่าฉินซีจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับเขา ขืนเป็นเช่นนั้น เขาต้องอับอายขายขี้หน้าอย่างแน่นอน
“ได้!”
ฉินซีพูดออกมาแค่คำเดียว สีหน้าของเธอไร้ความรู้สึก
เมื่อเห็นโจวอวี้เจี๋ยเดินออกไปอย่างสลด ฉินยีหัวเราะพรืดออกมา “วันนี้พี่น่าเกรงขามมาก!”
แววตาของฉินซีแฝงไปด้วยความเศร้า เธอถอนหายใจ “ถ้าพวกเขาไม่ล้ำเส้น ฉันจะทำแบบนี้เหรอ”
“พี่อย่ากดดันตัวเองเกินไปสิ”
ฉินยีกุมมือเธอแน่น และยิ้มให้อย่างสดใส “บนโลกใบนี้ ญาติไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่างเรากับพวกเขา ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย ญาติแบบนี้ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินซีก็รู้สึกโล่งใจ ความรู้สึกผิด หายวับไปทันที
ขณะนั้น รถเบนท์ลีย์สีดำคันหนึ่งเคลื่อนตัวมาจอดที่ลานจอดรถของสถานที่ท่องเที่ยว
จากนั้นมีชายวัยกลางคนเดินลงมาจากรถ
“มาแล้วเหรอคุณสามี!”
คนที่เพิ่งออกมาจากห้องบอลรูมอย่างโจวอวี้หรง เห็นเจิ้งหยันสามีของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...