สีหน้าของ เจิ้งหยัน เต็มไปด้วยความโมโห น้ำเสียงโมโหของเขา เรียกสายตาของทุกคน
เหย่เหมยยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ
คนที่ถูกจัดให้นั่งโต๊ะตัวที่อยู่ตรงมุมอย่างโจวยู่ชุ่ยได้ยินเสียงของ เจิ้งหยัน เธอรู้สึกสั่นและหนาววาบไปทั้งตัว
ถึงแม้ตระกูลเจิ้งจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ในเมืองโจวเฉิง แต่ไม่กี่ปีนี้เจิ้งเหอกรุ๊ปเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ตระกูลเจิ้งมีอำนาจขึ้นมา ในเมืองโจวเฉิง
“เสี่ยวซี ยังไม่รีบไปขอโทษสามีของคุณน้าอีก!”
โจวยู่ชุ่ยพูดเร่งด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะกลัวว่าถ้าขอโทษช้า จะทำให้เจิ้งหยันโมโห
แขกที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินคำพูดของโจวยู่ชุ่ย ก็มีสีหน้าดูถูก
ก่อนหน้านี้ตอนที่โจวอวี้หรงกับโจวอวี้เจี๋ยร่วมมือกันด่าฉินซี คนที่เป็นแม่อย่างโจวยู่ชุ่ย เอาแต่ยืนหลบอยู่ห่างๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
ตอนนี้เจิ้งหยันบอกให้ฉินซีขอโทษ โจวยู่ชุ่ยก็ผลักไสลูกตัวเองไปอีก
ฉินซีกับฉินยีผิดหวังกับเธอตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นคำพูดของเธอ ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกไม่เหมาะสม
หยางเฉินปรายตามองเจิ้งหยัน แววตาของเขาดูดุดัน
ฉินซีลุกขึ้นยืน เธอพูดกับเจิ้งหยันด้วยสีหน้าราบเรียบ “หนูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษด้วย”
“ทำไมจะไม่ผิดล่ะ คนที่เด็กกว่าอย่างเธอ มาดูถูกภรรยาฉันต่อหน้าทุกคนได้ยังไง อย่าบอกนะว่าไม่ควรขอโทษ”
เจิ้งหยันพูดอย่างโมโห
ฉินซีแสยะยิ้ม “ติดหนี้แล้วต้องคืน นี่เป็นสิ่งที่ใครก็ต้องทำ! คำพูดนี้ออกจากปากภรรยาของคุณ คนที่อยู่ในงานก็ได้ยิน ทำไมกลายเป็นว่าหนูดูถูกเธอล่ะ”
“บังอาจ!”
เจิ้งหยันพูดอย่างโมโห “ตระกูลเจิ้งของฉันมีหุ้นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ในเจิ้งเหอกรุ๊ป ทำไมถึงจะไม่คืนเงินล่ะ”
“คุณก็ไปถามเธอเองสิ!”
ฉินซีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หนูก็อยากรู้เหมือนกัน เจิ้งเหอกรุ๊ปที่มีมูลค่าในตลาดกว่าหลายสิบล้าน ทำไมคุณที่เป็นผู้สืบทอด รวมถึงภรรยาของคุณ ต้องยื้อหนี้ห้าแสนมานานตั้งสี่ปี โดยไม่คืนสักบาท”
“หรือเจิ้งเหอกรุ๊ปก็แค่บริษัทที่มีชื่อเสียงจอมปลอม ชักหน้าไม่ถึงหลังมาตั้งนานแล้ว แม้แต่เงินห้าแสนก็ไม่สามารถหามาได้”
คำพูดของฉินซี ทำให้ทุกคนในงานตกตะลึง
เจิ้งหยันคือทายาทเพียงคนเดียวของเจิ้งเหอกรุ๊ป ถึงแม้เจิ้งเต๋อหัวยังเป็นประธาน แต่เจิ้งหยันก็เริ่มรับหน้าที่แทนแล้ว
ฉินซีกลับซักถามอย่างสงสัย ว่าแม้แต่เงินห้าแสน เจิ้งเหอกรุ๊ปก็หามาไม่ได้เหรอ
“บังอาจ!”
เจิ้งหยันโมโห “ เจิ้งเหอกรุ๊ปกิจการดีขนาดนั้น คนนอกอย่างเธอมาพูดมั่วๆ ได้ยังไง”
เจิ้งหยันแอบรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เขามองโจวอวี้หรง เห็นแววตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เห็นได้ชัดว่าฉินซีไม่ได้โกหก โจวอวี้หรงติดหนี้ไม่คืนจริงๆ
เจิ้งหยันไม่มีทางถามโจวอวี้หรงต่อหน้าทุกคน เขาทำได้เพียงมองฉินซีด้วยสายตาเย็นชา เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการข่มขู่ “ยัยเด็กน้อย ทุกเรื่องต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มีหลักฐาน งั้นก็แสดงว่าใส่ร้าย ฉันแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทเจิ้งเหอกรุ๊ป ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้เลยนะ!”
“ถ้าไปแจ้งแล้วเขารับแจ้ง ถือว่าฉันแพ้!”
ฉินซีพูดอย่างก้าวร้าว เธอไม่กลัวการข่มขู่ของเจิ้งหยันแม้แต่น้อย
ตอนนี้เจิ้งหยันรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
ขณะนั้น รถหรูราคาเป็นล้าน จำนวนเจ็ดแปดคัน มาถึงสถานที่ท่องเที่ยว
“น้องเขย แขกที่น้องเชิญมาแล้ว!”
โจวอวี้เจี๋ยเดินเข้ามาในห้องบอลรูม ด้วยสีหน้าดีใจ
“ขอโทษที่มาช้านะครับ ประธานเจิ้ง พอดีเมื่อกี้ติดประชุมสำคัญน่ะครับ พอประชุมเสร็จก็รีบมาที่นี่เลย”
ชายวัยกลางคน เดินยิ้มเข้ามาในห้องบอลรูม พร้อมสาวงามที่ควงแขนเขาอยู่
“ฮ่าๆ ช้าที่ไหนกันล่ะครับ ประธานหวังมางานแต่งหลานชายของภรรยาผมด้วยตัวเอง ถือเป็นเกียรติมากครับ! เชิญประธานหวังข้างในเลยครับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...