ทุกคนในตระกูลโจว ต่างทำหน้าช็อก
“เจิ้งเต๋อหัว คุณคงชอบทำอะไรด้วยตนเองสินะ!”
เมียวเจิ้งอวี่มองหน้าเจิ้งเต๋อหัวอย่างไม่ชอบใจ แล้วได้เดินจากไปอย่างไม่พอใจ
ถึงแม้ตอนที่เจิ้งเต๋อหัวหนุ่มๆ จะเคยช่วยชีวิตของเมียวเจิ้งอวี่เอาไว้ แต่หลายปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเมียว ก็คงไม่มีตระกูลเจิ้งในวันนี้
และเรื่องบุญคุณที่ช่วยชีวิต ตระกูลเมียวก็ได้ทดแทนเป็นสองเท่าไปนานแล้ว
ตอนนี้ เจิ้งเต๋อหัวไปล่วงเกินหานเซ่ยวเทียนเข้า เกรงว่าตระกูลเมียวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าตระกูลเมียวยังช่วยเหลือตระกูลเจิ้งเหมือนเมื่อก่อนต่อไปละก็ มันก็คงเป็นเรื่องที่โง่เขลาสิ้นดี
“ป๊าบ!”
เจิ้งเต๋อหัวตบหน้าเจิ้งหยันอย่างแรง แล้วตะคอกด้วยความดมโหว่า “แก ไอ้ลูกไม่รักดี ฉันอุตส่าห์เตือนแกไว้แล้ว ว่าวันนี้อย่าไปหาเรื่องใคร จะมีคนใหญ่คนโตมาบ้านตระกูลโจว คำพูดของฉัน แกฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรือไง?”
“แกก็อีกคน ฉันเตือนแกตั้งนานแล้ว ว่าให้ทำตัวเบาๆ ลงบ้าง อย่าดูถูกคนอื่นให้มันมากนัก ตอนนี้ ตระกูลเจิ้งได้ถูกไอ้หน้าโง่อย่างแกสองคนทำลายไปแล้ว!”
พอด่าลูกหลานเสร็จ เจิ้งเต๋อหัวก็มองไปที่นายท่านตระกูลโจว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “โจวเหลียงซาน นับจากวันนี้ไป ตระกูลเจิ้งกับตระกูลโจวของคุณ ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก คุณก็พึ่งพาตัวเองไปแล้วกัน!”
“พวกแกไปกับฉัน ไปขอโทษคุณหยาง!”
เจิ้งเต๋อหัวหันไปตะคอกใส่เจิ้งหยันกับเจิ้งเหม่ยหลิงอีกครั้ง
เมื่อกี้หานเซี่ยวเทียนนั้นพูดไว้แล้ว ว่าภายในวันนี้ พวกเขาต้องได้รับการยกโทษจากหยางเฉินให้ได้
ถึงแม้โอกาสที่หยางเฉินจะยกโทษให้นั้นมันน้อยมาก แต่พวกเขาก็ต้องลองดู
ที่ลานจอดของโฮมสเตย หลังจากที่หยางเฉินส่งคนในบ้านขึ้นรถไปแล้ว ถึงได้พูดออกมาว่า “พวกคุณกลับไปกันก่อนนะ ผมยังมีธุระในเมืองโจวเฉิงต้องไปจัดการอีก”
“หยางเฉิน คุณไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา คุณอยากทำอะไร ก็ไปทำได้เลยค่ะ! ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันก็จะอยู่ข้างคุณค่ะ!”
ฉินซีพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอต้องเป็นห่วงว่าหยางเฉินจะไปทำอะไรแน่นอน
แต่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะไม่ขวางเขาอีกแล้ว
จากในตัวของเจิ้งเหม่ยหลิง ทำให้เธอมองเห็นอะไรบางอย่าง คนที่น่าสงสารนั้นต้องมีจุดที่น่าสงสารแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นคนในตระกูลฉินหรือตระกูลโจว เธอต้องถูกรังแกครั้งแล้วครั้งเล่า จากจิตใจที่ดีงามของเธอ
ผู้คนแบบนี้ มันไม่มีค่าที่เธอต้องยกโทษให้เลย
“เฉียนเปียว ครอบครัวของผม ฝากคุณดูแลด้วยแล้วกัน!”
หยางเฉินหันมองเฉียนเปียวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
เฉียนเปียวยืนตรงโดยอัตโนมัติ ลำตัวยืดตรง แล้วขานรับด้วยความเสียงดังว่า “ภารกิจต้องสำเร็จแน่นอนครับ!”
ในใจของเขานั้นรู้สึกซาบซึ้ง และรู้สึกหนักแน่นไปด้วย
เหตุผลที่ซาบซึ้งนั้นเพราะความเชื่อใจที่หยางเฉินมีให้แก่เขา แม้แต่คนที่ใกล้ชิดที่สุด ก็ยังมอบหมายให้เขาคุ้มกัน
ส่วนเหตุผลที่เขารู้สึกหนักแน่นนั้นเป็นเพราะความสำคัญของภารกิจในครั้งนี้ ในรถมีผู้หญิงอยู่สามคน ต่างก็เป็นคนที่ใกล้ชิดกับหยางเฉินที่สุด เขาจะทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้องพวกเธอ
“โอเค ไปเถอะ!”
หยางเฉินพูดพร้อมโบกมือ
พี่น้องจากชายแดนเหนือนั้น ก็ยังสามารถเชื่อใจได้
“หยางเฉิน ในที่สุดตาแก่อย่างฉันก็ตามเธอจนทันซะที!”
ทันทีที่เฉียนเปียวขับรถออกไป หานเซี่ยวเทียนก็พาหานเฟยเฟยตามมาถึง พูดพร้อมกับหายใจหอบ
หยางเฉินมองหน้าหานเซี่ยวเทียนด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย จากนั้นก็พูดไปว่า “ที่ผมช่วยคุณไว้ มันไม่ใช่เรื่องที่ลำบากอะไร เมื่อกี้เจ้าบ้านหานก็ได้ช่วยผมไว้แล้ว ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก คุณจึงไม่จำเป็นต้องตอบแทนบุญผมอีกแล้วครับ”
เขารู้ดีอยู่แล้ว ว่าหานเซี่ยวเทียนนั้นมีใจที่สำนึกบุญคุณ
หานเซี่ยวเทียนรู้สึกแปลกใจ เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องจัดเลี้ยง ฐานะของเขาก็ถูกเปิดเผยแล้ว
หยางเฉินรู้ว่าเขาเป็นถึงผู้นำตระกูลระดับสูงสุดแห่งเมืองเอก แต่กลับไม่มีความนับถือยำเกรงเลยสักนิด
“พี่หยางคะ การที่พี่ได้ช่วยชีวิตคุณปู่ของฉันเอาไว้ พี่รู้รึเปล่าคะว่านั้นมันหมายถึงอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...