ในขณะนี้ ชายร่างกำยำหลายคนรีบวิ่งเข้ามา และหัวหน้าของคนกลุ่มนี้เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉินแล้วทำความเคารพเขา
จากนั้นชายร่างกำยำสองคนเดินไปจับโจวยู่ชุ่ยคนละข้างและพร้อมที่จะเอาตัวเธอไป
จนถึงตอนนี้ โจวยู่ชุ่ยถึงตระหนักได้ว่าเธอกำลังจะเผชิญกับอะไร
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องอะไรที่แกจะให้คนมาจับตัวฉันไป?”
“แกมีสิทธิ์อะไร?”
“ฉันเป็นแม่ของเสี่ยวซีนะ ถ้าแกให้พวกมันจับตัวฉันไป เสี่ยวซีต้องเกลียดนายไปตลอดชีวิตแน่!”
โจวยู่ชุ่ยพยายามดิ้นรน แต่เธอถูกจับโดยชายในเครื่องแบบที่ติดอาวุธ เธอจึงไม่สามารถขัดขืนได้เลยแม้แต่นิด
“แม่ ถึงขนาดนี้แล้วแม่ยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอ?”
ฉินซีพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “หนูไม่เกลียดหยางเฉินหรอก เพราะทุกอย่างแม่เป็นคนทำเอง หนูเคยเตือนแม่แล้ว ถ้าเรื่องของพ่อเป็นฝีมือของแม่ แม่ต้องไปมอบตัว โทษจะได้เบาลง แต่แม่ไม่ฟัง!”
“ไม่ใช่แค่นี้ แม่ยังส่งเสี้ยวเสี้ยวไปให้คนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินเตรียมการไว้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเสี้ยวเสี้ยว?”
“เด็กอายุแค่ 4 ขวบนะ! แล้วแม่ยังเป็นยายของเด็กอีกด้วย แม่ทำลงไปได้ยังไง? แม่ผลักเด็กอายุแค่นั้นลงหลุมไฟได้ยังไง?”
“สำหรับเรื่องที่แม่ทำร้ายพ่อ แล้วก็เรื่องของเสี้ยวเสี้ยว ชีวิตนี้หนูไม่มีวันให้อภัยแม่หรอก! หนูเกลียดแม่! หนูเกลียดแม่!”
ฉินซียิ่งพูดยิ่งโกรธ น้ำตาก็ไหลลงมาเต็มหน้าของเธออย่างควบคุมไม่ได้ และในตอนท้าย เธอแทบจะตะโกนด้วยสุดแรง
เธอรู้สึกอึดอัดมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเกลียดชังโจวยู่ชุ่ย
“ฉันบอกแล้ว เรื่องของพ่อเธอฉันถูกตระกูลเว่ยบังคับให้ทำอย่างนั้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ? พวกเธอเอาความผิดทุกอย่างมาโอนให้กับฉัน พวกเธอมีหลักฐานแล้วเหรอ? ไม่มีหลักฐานแล้วใครจะตัดสินลงโทษฉันได้?”
โจวยู่ชุ่ยตะโกนด้วยความโกรธ
หยางเฉินที่เฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชามาตลอด และในที่สุดเขาก็พูดขึ้นว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ในเมื่อคุณต้องการ ผมจะให้คุณดูหลักฐานตอนนี้เลยละกัน!”
เสียงพูดของหยางเฉินจบลง ชายร่างใหญ่สองคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับวัยรุ่นคนหนึ่ง
เมื่อโจวยู่ชุ่ยเห็นวัยรุ่นคนนั้น สีหน้าของเธอถึงกับเปลี่ยนไปทันที
“เจิ้งเหม่ยหลิง ถ้าคุณบอกความจริงทุกอย่างในตอนนี้ พฤติกรรมของคุณจะทำให้โทษของคุณเบาลงในช่วงเวลาที่รับการพิจารณาคดี”
หัวหน้าของชายร่างกำยำพูดขึ้นกะทันหัน
ก่อนหน้านี้เจิ้งเหม่ยหลิงถูกเฉินซิงไห่ควบคุมตัวไว้ตลอด และยังมีคำสั่งจากหยางเฉินอีกด้วย ฉะนั้นเธอจึงรู้สึกทรมานมาก
สำหรับเธอแล้ว การถูกจับเข้าคุกไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย แต่กลับเป็นการปลดปล่อยด้วยซ้ำ
แล้วเธอจะกล้าซ่อนความลับได้อย่างไร เธอจึงขึ้ไปที่โจวยู่ชุ่ยแล้วพูดด้วยความโกรธ “เพราะไอ้สารเลวคนนี้ มาเอาเงินกับฉันไปแปดแสน บอกว่าถ้าครบล้านหนึ่งแล้วจะหาคนไปฆ่าฉินต้าหย่ง”
“ถ้าฉินต้าหย่งตายแล้วมันก็จะได้กลับไปที่คฤหาสน์ยอดเมฆาอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น มันจะได้อยู่ใกล้หยางเฉิน แล้วจะช่วยฉันฆ่าหยางเฉิน!”
“เพราะผู้หญิงเลวคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ฉันจะกลายเป็นสภาพแบบนี้เหรอ?”
เมื่อเห็นหน้าโจวยู่ชุ่ย เจิ้งเหม่ยหลิงก็โกรธจนแทบอดไม่ได้ที่จะฆ่าโจวยู่ชุ่ยกับมือ
แต่โจวยู่ชุ่ยก็ไม่ยอมรับอยู่ดี เธอตะโกนพูดว่า “เธอสิสารเลว ฉันเคยขอเงินกับเธอเมื่อไหร่? เธอใส่ร้ายฉัน! ใส่ร้ายฉัน!”
“ใส่ร้ายเธอ?”
เจิ้งเหม่ยหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ในวันที่เราคุยกัน ฉันอัดเสียงในมือถือไว้หมดแล้ว ตอนนี้หลักฐานมัดตัว แล้วเธอจะดิ้นยังไงอีก?”
หยางเฉินมองไปที่โจวยู่ชุ่ยแล้วพูดว่า “คุณมันหน้าเงินจริงๆ รับเงินจากเจิ้งเหม่ยหลิงมาแปดแสน ยังบอกว่าต้องใช้เงินหนึ่งล้าน แต่สุดท้ายจ้างหูฉาวแค่ห้าแสนเพื่อเอารถไปชนพ่อ!”
“อะไรนะ? ไอ้สารเลว แกกล้าโกงเงินฉันเหรอ?” เจิ้งเหม่ยหลิงที่ได้ยินคำพูดของหยางเฉินก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
หลังจากโจวยู่ชุ่ยรู้ว่าเจิ้งเหม่ยหลิงแอบบันทึกเสียงไว้ เธอจึงรู้ตัวว่าแก้ตัวไปก็ไร้ความหมาย ความสิ้นหวังครอบงำจิตใจเธอและเธอก็ปวกเปียกลงกับพื้นทันที
ฉินซีกับฉินยีที่เห็นแม่ตัวเองอยู่ในสภาพนี้ก็อึดเศร้าใจไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...