The king of War นิยาย บท 332

เมื่อเห็นสิ่งนี้ กวนเจิ้งซานและคนอื่นๆ ก็รีบขอตัวออกไปก่อน

ในเวลาสั้นๆ ด้านในคฤหาสน์เหลือเพียงหยางเฉินกับฉินต้าหย่งและสองพี่น้องฉินซีกับฉินยี

“ความจริงแล้วโจวยู่ชุ่ยไม่ได้โกหกเธอหรอกนะ เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเราจริงๆ”

ฉินต้าหย่งมองฉินซีด้วยความซับซ้อน และในที่สุดก็พูดความจริงออกมา

ฉินซีที่ยังเหลือความหวังอันริบหรี่ แต่ในเวลานี้มันได้แตกสลายอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

น้ำตาที่เหมือนเม็ดไข่มุกร่วงลงมาจากดวงตาของเธอ

แต่ครั้งนี้เธอเข้มแข็งมาก เธอไม่ปล่อยให้ตัวเองส่งเสียงร้องไห้ออกมาเลยแม้แต่นิด

ฉินยีก็รู้สึกตกใจและพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ถ้าพี่สาวหนูไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อ? แล้วหนูล่ะ?”

“เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ของพ่อกับโจวยู่ชุ่ย!”

ฉินต้าหย่งมองไปที่ฉินยีแล้วพูดกับเธออีกครั้ง

ฉินยีถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ยังรู้สึกเศร้าใจแทนฉินซี สองมือของเธอกุมมือฉินซีไว้แน่นๆ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ในใจหนู พี่ก็ยังเป็นพี่สาวของหนู! พี่สาวแท้ๆ ของหนู! ในชีวิตนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน!”

หลังจากที่สองพี่น้องเริ่มสงบสติลง ฉินต้าหย่งจึงได้พูดต่อ “เมื่อยี่สิบหกปีที่แล้ว โจวยู่ชุ่ยกับพ่อแต่งงานกัน เราก็เหมือนคู่รักทั่วไป ไม่นานหลังจากที่แต่งงานกันโจวยู่ชุ่ยก็ได้ตั้งท้อง”

“หลังจากเรารู้ผลตรวจว่าเธอตั้งท้อง เราก็ตื่นเต้นกันมาก จากนั้นเราได้ตั้งชื่อให้เด็กในครรภ์ทันที ถ้าเราได้ลูกชาย เราจะเรียกเขาว่าฉินหยาง แต่ถ้าเราได้ลูกสาว เราจะเรียกเขาว่าฉินซี”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ ฉินต้าหย่งจึงหยุดลงแล้วเหลือบมองไปที่ฉินซี และเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้มีอารมณ์แปรปรวนมากนัก ฉินต้าหย่งถึงกล้าพูดต่อ

“ในวันคลอดโจวยู่ชุ่ยมีอาการผิดปกติ ในตอนนั้นฐานะของเราแย่มาก และเธอก็คลอดยากด้วย ดังนั้นจึงทำให้เด็กในท้องมีโอกาสรอดออกมาจากท้องแม้ได้น้อยมาก!”

“และสุดท้าย เพราะการทำคลอดยาก ใช้เวลานานเกินไป เด็กในท้องขาดออกซิเจนในสมอง เธอเลยเสียชีวิตทันทีหลังคลอดออกมา!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของฉินต้าหย่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเขาแดงก่ำและพูดต่อว่า “ถ้าในตอนนั้นฐานะของเราดีกว่านี้ เราคงไม่ต้องเสียเด็กทารกไปแล้ว!”

ฉินซีกับฉินยีก็ตกใจมากเช่นกัน โดยเฉพาะฉินซี เพราะเธอเคยให้กำเนิดเสี้ยวเสี้ยวแล้ว เธอจึงเข้าใจถึงความรู้สึกนั้นดี สำหรับคนเป็นแม่ที่ต้องตั้งครรภ์เป็นเวลาสิบเดือน แล้วมันจะรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน

“จากนั้นล่ะ?”

ฉินยีถาม

เมื่อฉินต้าหย่งเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาก็แดงก่ำจนน่าตกใจ

เขาพูดว่า “หมอบอกว่าโจวยู่ชุ่ยเป็นหมันแล้ว ในชีวิตนี้เธอจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีก!”

“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง เธอพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ”

“แต่เรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นกับพวกเรา พ่อเก็บเด็กทารกผู้หญิงคนหนึ่งได้ที่ถังขยะ”

จากนั้นฉินต้าหย่งก็มองไปที่ฉินซี “และเด็กทารกคนนั้นก็คือเธอ!”

ฉินซีถึงกับตัวสั่น เธอกัดริมฝีปากสีแดงของเธอไว้แน่นๆ และรอให้ฉินต้าหย่งพูดต่อ

“จากนั้น เราก็รับเลี้ยงเธอ และตั้งแต่มีเธอเข้ามาในชีวิต อาการซึมเศร้าของโจวยู่ชุ่ยก็ดีขึ้น ในสายตาของโจวยู่ชุ่ยนั้น เธอก็คือลูกสาวแท้ๆ ของนาง”

ฉินยีถามขึ้นอย่างกะทันหันว่า “นางเป็นหมันแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วหนูล่ะ หมายความว่าไงคะ?”

รอยยิ้มที่นุ่มนวลปรากฏขึ้นที่มุมปากของฉินต้าหย่ง “เมื่อเสี่ยวซีอายุได้สองขวบ นางก็ตั้งท้องอีกครั้ง บางที การวินิจฉัยของหมออาจจะผิดพลาดก็ได้!”

“แบบนี้นี่เอง!”

ฉินยีรู้สึกเข้าใจทันที

จากนั้น ฉินต้าหย่งได้พูดคุยเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่างในอดีต และการสนทนานี้ก็ได้กินเวลาของทั้งบ่ายวันนั้น

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง ฉินต้าหย่งจึงจะพูดจบ

เขากุมมือฉินซีไว้แน่นๆ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวซี เธอต้องเชื่อพ่อนะ!”

“ในสายตาของพ่อ เธอกับเสี่ยวยีก็เหมือนกัน เธอเป็นคนที่พ่อเลี้ยงดูมาเองกับมือ ความรักของพ่อที่มีให้เธอไม่เคยน้อยลงเพราะเธอไม่ใช้ลูกในสายเลือดของพ่อเลยนะ”

ฉินยีก็จับมือของฉินซีไว้แน่นๆ “พี่สาวคะ หนูก็เช่นกัน หนูจะเป็นน้องสาวของพี่ตลอดไป! ชาติหน้า หนูก็จะขอเป็นน้องสาวของพี่!”

ดวงตาของฉินซีแดงก่ำ เมื่อเห็นฉินต้าหย่งกับฉินยีพูดกับเธออย่างจริงใจ น้ำตาของเธอก็อดไหลออกมาไม่ได้อีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความโศกเศร้า แต่เป็นความซาบซึ้ง

เธอเชื่อในสิ่งที่ฉินต้าหย่งกับฉินยีพูด

ตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่เคยรู้สึกถึงความลำเอียงจากตัวของฉินต้าหย่งเลยแม้แต่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War