หลังจากอ้ายหลินกับหม่าชาวจากไป หยางเฉินก็จับมือฉินซีแล้วเดินไปตามถนน
ค่ำคืนเข้ามาปกคลุมในเวลานี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเดินเล่น เป่ยหยวนชุนนั้นอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยในเมือง และบนทางเท้ามักจะเห็นคู่รักของมหาวิทยาลัยจับมือกันเดินอยู่บนถนนนี้เป็นคู่ ๆ
“ที่รัก คุณลองบอกมาสิว่าเมื่อก่อนคุณชอบฉันยังไง?”
จู่ ๆ ฉินซีก็ถามด้วยรอยยิ้ม
ทุกวันนี้ทั้งสองคนได้เปิดใจกันอย่างสมบูรณ์ และกำแพงความสัมพันธ์ระดับสุดท้ายของทั้งสองก็ถูกพังทลายลงแล้วเช่นกัน ดังนั้นฉินซีจึงไม่ได้รู้สึกเขินอายเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เธอจึงถามคำถามนี้ขึ้นมา
หยางเฉินจับมือฉินซีไว้แน่นๆ แล้วมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากส่วนโค้งแห่งความสุขก็ปรากฏขึ้น “ในตอนแรก ผมก็เหมือนกับเด็กมหาลัยทั่วไป ในใจคิดว่าคุณเป็นเหมือนเทพธิดาที่ไม่อาจแตะต้องได้”
“ความจริงแล้ว ผมรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองมาตลอด ผมไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าจะขอคุณแต่งงานได้”
“ต่อมา ด้วยชีวิตที่ยากลำบาก ผมจึงจำเป็นต้องเข้าไปในแผนกรักษาความปลอดภัยของซานเหอกรุ๊ป ช่วงนั้นผมถูกรังแกตลอด จนมาวันหนึ่ง คุณเห็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยรังแกผม ด้วยความโกรธ คุณไล่เขาออกทันที”
“คุณยังบอกผมว่า ชีวิตคนเรามีแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่พยายามพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น เราก็จะถูกสังคมย่ำยี จะถูกสังคมตีสอนจนเกลี้ยงเกลา จนสุดท้ายเราจะไม่มีที่ยืน และจะไม่มีวันลุกขึ้นได้อีก”
“นั่นเป็นครั้งแรกที่คุณพูดกับผม แต่คำพูดของคุณเป็นแรงบันดาลใจให้ผม จนผมมีทุกวันนี้ได้!”
“ในช่วงที่เราถูกใส่ร้าย และหลังจากที่ผมต้องแต่งงานเข้าบ้านตระกูลฉิน คำพูดของคุณมันทำให้ผมยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ในตอนนั้นไม่ได้ ผมก็เลยไปจากคุณ”
“ช่วงที่ผมอยู่ชายแดนเหนือ ผมพยายามอย่างหนัก ผมหวังว่าสักวันจะคู่ควรกับคุณได้! ช่วงเวลาห้าปีในอาชีพทหารของผม ภาพของคุณ คำพูดของคุณ ยังคงปรากฏอยู่ในใจผมตลอด”
“หลังจากผมรู้ตัวอีกที คุณเข้ามาอยู่ในส่วนลึกในจิตใจผมไปแล้ว ผมถึงจะเข้าใจว่า วันที่คุณช่วยผม วันที่คุณให้กำลังใจผม วันนั้นแหละ เป็นวันที่ผมได้เจอกับรักแรกพบของผม!”
หลังจากฟังคำพูดมากมายของหยางเฉิน ฉินซีรู้สึกอบอุ่นหัวใจและรู้สึกโชคดีมาก
เธอโชคดีที่วันนั้นได้ช่วยหยางเฉินและพูดคำพูดที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา
ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกโจวยู่ชุ่ยบังคับให้แต่งงานกับคุณชายครอบครัวเศรษฐีไปนานแล้ว
“ที่รัก ขอบคุณนะ! เพื่อฉัน คุณพยายามมาตลอด! เพื่อฉัน คุณยอมทำทุกอย่าง!”
ฉินซีหยุดเดินอย่างกะทันหัน จากนั้นยืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉินและมองเขาอย่างลึกซึ้ง
เมื่อมองดูใบหน้าอันมีเสน่ห์เย้ายวนของเธอ หยางเฉินรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้น ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ขึ้นมาทันที
แม้เขาจะรักผู้หญิงคนนี้มาหลายปีแล้ว แต่ ณ เวลานี้ ถึงจะเรียกว่าจุดเริ่มต้นของความรักอย่างแท้จริง
เมื่อเห็นหยางเฉินมองด้วยสายตาอันเร่าร้อน ฉินซีก็เขินอายและหลับตาลงเพื่อรอการจูบของเขา
หนึ่งวินาที!
สองวินาที!
ห้าวินาที!
และสิบวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เธอยังไม่รู้สึกถึงการจูบของหยางเฉินเลย
เธอค่อนข้างหัวเสีย คนสวยอุตส่าห์ปูทางให้ขนาดนี้แล้ว แต่เขากลับไม่มีการกระทำใดๆ เลยหรือ?
แต่ทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็พบว่าหยางเฉินกำลังจ้องมองตรงไปข้างหน้า แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความโกรธ
“ที่รัก คะ......คุณเป็นอะไรเหรอ?”
ฉินซีรู้สึกประหม่ามาก เธอไม่เคยเห็นหยางเฉินในสีหน้าแบบนี้มาก่อน
“เสี่ยวซี คุณขับรถกลับบ้านเองก่อนนะ เดี๋ยวผมจะนั่งแท็กซี่กลับไปทีหลัง!”
หยางเฉินสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
ฉินซีก็เหลือบมองไปที่ที่หยางเฉินกำลังมองอยู่ในตอนนี้ นอกจากคนที่เดินไปมาตามท้องถนนแล้ว เธอไม่เห็นอะไรเลย
แม้เธอจะไม่เข้าใจ แต่เธอรู้ดีว่าหยางเฉินจะไม่ยอมปล่อยให้เธอกลับไปก่อนโดยที่ไม่มีเหตุผล
ดังนั้นเธอจึงไม่ลังเลอีกต่อไป จากนั้นเธอรับกุญแจรถจากหยางเฉินแล้วพูดอย่างกังวลว่า “ที่รัก ฉันรอคุณที่บ้านนะ! อย่ากลับดึกล่ะ!”
“ครับ!”
หยางเฉินพยักหน้าและเฝ้าดูฉินซีออกไปก่อน จากนั้นถึงจะเดินตรงไปยังทิศทางที่เขามอง
“ออกมาซะ!”
เมื่อเดินไปที่ลานกว้างที่หนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่ หยางเฉินหยุดเดินอย่างกะทันหันแล้วตะโกนไปยังทิศทางที่เขามอง
ขณะที่เสียงของหยางเฉินลดลง คนวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินออกมาอย่างช้าๆ
ในเวลานี้หยางเฉินรู้สึกโกรธมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...