เห็นลักษณะท่าทางกัดฟันแน่นของฉินยี หยางเฉินจึงหัวเราะแล้ว
เขาชอบความรู้สึกแบบนี้มาก ความรู้สึกประมาณว่าเดิมทีฉินยีคือน้องสาวเขา
ประชุมแลกเปลี่ยนต้องเวลาสองทุ่มถึงจะเริ่มต้น ทั้งช่วงกลางวัน เขามีเวลาว่างเต็มๆ
“เสี่ยวยี เธอมาที่เมืองเอกได้ยังไงกัน?”
เห็นว่าฉินยีอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว หยางเฉินถึงเอ่ยปากถาม
“ฉันมาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนน่ะสิ!” ฉินยีตอบไป
“เธอก็ได้รับเชิญมาเหมือนกันเหรอ?”
หยางเฉินแอบรู้สึกตกใจ เขารู้เพียงว่าคนที่ได้รับเชิญมาเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยน เป็นผู้นำตระกูลใหญ่ที่ยืนอยู่ยอดบนแท้จริงของมณฑลเจียงผิง
ฉินยีย่อมรู้ว่าทำไมหยางเฉินถึงตกใจ มองตาค้อนไปและพูดว่า “งานประชุมแลกเปลี่ยนที่ฉันเข้าร่วมไม่ใช่อันเดียวกับของพี่ พี่เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างตระกูลใหญ่ชั้นนำ ที่ฉันเข้าร่วมคือประชุมแลกเปลี่ยนของกิจการชั้นนำ อยู่ที่โรงแรมลู่โจว”
หยางเฉินเข้าใจขึ้นทันใด นี่เขาถึงมานึกได้ถึงเรื่องราวที่ซูซานเคยบอกกับเขาก่อนหน้านี้ ว่าตระกูลระดับหนึ่งของมณฑลเจียงผิง และยังมีกิจการชั้นนำบางส่วน ก็จัดประชุมแลกเปลี่ยนงานหนึ่งเหมือนกัน
ฉินยีในฐานะผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว ได้รับเชิญมาย่อมเป็นเรื่องปกติ
“ฉินยี?”
ในเวลานี้เอง เสียงของผู้หญิงอายุน้อยเสียงหนึ่งลอยมาจากด้านหลังทั้งสองคน
ทั้งสองคนหันหน้าไปโดยจิตใต้สำนึก กระทั่งมองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามาหา
คนที่เรียกฉินยีเมื่อสักครู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิงผมยาวที่สวมแว่นตาดำคนนั้น
หล่อนใส่กางเกงยีนขาสั้นสีฟ้าอ่อนตัวหนึ่ง ท่อนบนสวมเสื้อยืดสีขาวตัวหนึ่ง ทั้งยังกางร่มกันแดดอันหนึ่งด้วย
เวลานี้ หล่อนกำลังควงแขนชายหนุ่มที่สวมชุดอาร์มานี่ทั้งตัว
ชายหนุ่มอาร์มานี่ ตอนที่มองเห็นฉินยี ดวงตาประกายไปหมดเลย
“คุณคือ?”
ฉินยีรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอคนรู้จักที่นี่โดยบังเอิญ
เพียงแต่อีกฝ่ายสวมแว่นตาดำที่ใหญ่เกินไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกบดบังเอาไว้ อาศัยเพียงเสียงอย่างเดียว เธอจึงจำอีกฝ่ายไม่ได้
“ยียี ฉันเองไง! สวุเจีย!”
หญิงสาวถอดแว่นตาดำออก ยิ้มและบอกไป
“นึกไม่ถึงเป็นเธอเองเหรอ สวุเจีย!”
ฉินยีทำหน้าประหลาดใจ จากนั้นพูดแนะนำกับหยางเฉินว่า “หยางเฉิน หล่อนคือเพื่อนสนิทของฉันสมัยม.ต้น สวุเจีย!”
หยางเฉินพยักหน้าให้สวุเจียนิดหนึ่ง พูดว่า “สวัสดี!”
สวุเจียถึงสังเกตเห็นเข้า ฉินยีกำลังควงแขนของหยางเฉินไว้
หล่อนเพียงแค่ถือโอกาสมองหยางเฉินแวบหนึ่ง หลังจากแน่ใจว่าหยางเฉินเป็นแค่พวกขี้แพ้จนๆ คนหนึ่ง สายตาจึงไม่ได้หยุดมองบนตัวหยางเฉินนานเท่าไร ก่อนจะย้ายหนีไป
“ยียี พวกเราไม่ได้เจอกันมาเจ็ดแปดปีได้แล้วมั้ง?” สวุเจียหัวเราะพูดขึ้น
ฉินยีพยักหน้า พูดอย่างดีใจ “ม.ปลายสามปี มหาวิทยาลัยสี่ปี เรียนจบมาอีกสองปี พูดให้ถูกต้องคือไม่ได้เจอกันมาเก้าปีแล้ว”
ตั้งแต่จบการศึกษามัธยมต้นมาทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย ที่จริงแยกจากกันเป็นเวลานานมาก
สวุเจียท่าทางทอดถอนใจ “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าผ่านไปเก้าปีแล้ว ตอนนี้พอนึกกลับไปถึงอดีตของพวกเรา ยังคุ้มค่าให้คิดถึงจริงๆ นะ!”
“ใช่ๆ ฉันยังจำได้ว่าตอนที่ใกล้จบม.3 พวกเรายังถ่ายรูปไว้มากมายเลย รูปถ่ายพวกนี้ ฉันเก็บล็อกเอาไว้ในกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งทั้งหมดเลยล่ะ!” ฉินยีพูดด้วยความตื่นเต้น
เพื่อนนักเรียนเก่าเจอหน้ากัน และเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ พอคุยกันขึ้นมา ก็ไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
“เจียเจีย คนนี้คือ?”
ชายหนุ่มที่สวุเจียควงแขนไว้ตลอดคนนั้น ทันใดนั้นเอ่ยปากถามขึ้น
สวุเจียถึงได้สติกลับมา รีบบอกทันที “ที่รักคะ หล่อนคือเพื่อนสนิทสมัยม.ต้นของฉัน ฉินยี ตอนนั้นเป็นถึงดาวโรงเรียนของโรงเรียนพวกเราเลยนะ!”
“สวัสดีครับสาวสวย ผมชื่อถังคุน เป็นคู่หมั้นของสวุเจีย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...