หยางเฉินมองเห็นอยู่ในสายตา เป็นห่วงอยู่ในใจ แต่รู้ว่าฉินซีหวังดีต่อเสี้ยวเสี้ยว จึงถือโอกาสหันหน้าหนี ไม่ไปมองสายตาที่เต็มไปด้วยการอ้อนวอนของเสี้ยวเสี้ยว
ดีว่าที่นี่คือสวนสนุก หลังจากเล่นกิจกรรมบันเทิงไม่กี่อย่าง บนใบหน้าน้อยๆ ของเสี้ยวเสี้ยวจึงมีรอยยิ้มที่สนุกสนานกลับคืนมา
หนึ่งวันเต็มๆ สามคนพ่อแม่ลูกอยู่แต่ในสวนสนุกเมืองเจียงโจว ทั่วทุกที่ล้วนมีแต่เสียงพูดคุยหัวเราะของสามคนพ่อแม่ลูก
วันต่อมา หลังหยางเฉินไปส่งลูกสาวกับภรรยาที่โรงเรียนอนุบาลและบริษัทเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปยังเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
หลังจากที่ประชุมแลกเปลี่ยนวันนั้นสิ้นสุดลง เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว สถานการณ์การเติบโตพุ่งขึ้นรวดเร็วอย่างยิ่ง
ภายในหนึ่งอาทิตย์สั้นๆ บริษัทได้รับการร่วมงานนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเป็นแต่ละตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นตนเองของมณฑลเจียงผิง เสนอการร่วมงานมาให้เองถึงที่
สำหรับเรื่องนี้ หยางเฉินไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ถ้าสาขาที่เมืองเจียงโจวและสาขาใหญ่กำหนดเส้นแบ่งกันชัดเจน หากว่ากันตามสถานการณ์แบบนี้ต่อไป ใช้เวลาอีกไม่นาน สาขาที่เมืองเจียงโจวคงสามารถกลายเป็นเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอีกแห่งหนึ่งได้
ส่วนฉินยี ตั้งแต่กลับมาถึงเมืองเจียงโจววันนั้น ก็กลายเป็นคนบ้างาน ทำงานจนดึกดื่นไม่รู้วันรู้คืน ถึงสามารถกลับบ้านได้
“เสี่ยวยี ถ้ายุ่งเกินไป ก็หาผู้ช่วยฝีมือดีสักคนหนึ่งมาช่วยแบ่งเบาภาระงานของเธอสักหน่อยสิ”
หยางเฉินพูดแบบเป็นห่วงอยู่บ้าง
ฉินยีตอบอย่างจำใจ “ฉันก็อยากเหมือนกัน! แต่ว่าไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมน่ะสิ! จะว่าไป สำหรับพี่แล้ว เยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั้นมีความหมายพิเศษ แบ่งภารกิจไปให้คนอื่นทำ ฉันก็ไม่วางใจด้วย!”
ได้ยินคำพูดของฉินยีเข้า ในใจหยางเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง
ในความคิดของเขา เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นความทรงจำเพียงหนึ่งเดียวที่มารดาทิ้งไว้ให้เขาบนโลกใบนี้ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็อยากทำให้บริษัทกลายเป็นกิจการชั้นนำให้ได้
“เสี่ยวยี ขอบใจเธอนะ!” หยางเฉินพูดด้วยท่าทางซาบซึ้งใจ
ฉินยีหัวเราะอย่างซุกซน กะพริบตาให้แล้ว พูดอย่างยิ้มกริ่ม “พี่อย่าลืมซะล่ะ ที่เคยรับปากฉันไว้ เรื่องที่จะไปสวนสนุกเป็นเพื่อนฉัน”
“ไม่ลืมแน่นอน รอเธอมีเวลาว่าง ฉันไปเป็นเพื่อนได้ทุกเวลา!” หยางเฉินยิ้มบอกไป
“ได้ งั้นรอฉันทำงานช่วงนี้ให้เสร็จ จะขูดรีดพี่ให้หนักสักมื้อ! ฉันจะให้พี่เลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ฉัน กินจนพี่ล้มละลายไปเลย!” ฉินยีจงใจทำท่าทางโอหัง หัวเราะพลางพูดขึ้นมา
“ฮ่าๆ! เชิญเธอกินตามสบาย กินไปทั้งชาติ ก็ไม่เป็นไร!” หยางเฉินหัวเราะยกใหญ่
อยู่ที่บริษัทมาสักพักหนึ่ง หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์ในช่วงนี้ของบริษัทพอประมาณแล้ว หยางเฉินก็หมุนตัวออกมา
เขาพึ่งเดินลงมาถึงชั้นล่าง มีชายรูปร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดสูทคนหนึ่งเดินมาตรงหน้า ทันใดนั้นขวางทางเขาเอาไว้
“คุณนายของพวกเราขอเชิญ!”
ชายสูงใหญ่ชุดสูทพูดด้วยเสียงทุ้ม
หยางเฉินขมวดคิ้วแล้ว “อยากเจอฉัน ให้เธอมาหาเอง!”
พูดจบ หยางเฉินก็ออกไปทันที ไม่เห็นคุณนายที่ฝ่ายตรงข้ามพูดถึงอยู่ในสายตาสักนิดเดียว
เจียงผิงในปัจจุบันนี้ จะมีใครที่ไหนกล้าเรียกว่าคุณนายต่อหน้าตนเองอีก?
“ไอ้หนุ่มก้าวร้าวไปแล้ว! นายรู้หรือเปล่าว่าคุณนายของพวกฉันคือใคร? กล้าให้เธอมาเจอนาย?”
ชายสูงใหญ่สวมชุดสูทพูดตะโกนอย่างดุดัน ขยับเท้าออกมา ขวางด้านหน้าหยางเฉินอีกครั้งหนึ่ง
หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้น จากบนตัวของชายสูงใหญ่สวมชุดสูท เขารู้สึกได้ถึงอำนาจคุกคามที่ยิ่งใหญ่ส่วนหนึ่ง
และไม่ได้หมายความว่าความสามารถของฝ่ายตรงข้ามจะแกร่งกว่าตนเอง แต่หลังจากที่เขาออกมาจากชายแดนเหนือ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอยอดฝีมือที่กลิ่นอายเข้มแข็งเช่นนี้อยู่ข้างนอก
ต่อให้เป็นเฉียนเปียว ก็คงไม่ใช่คู่แข่งของชายสูงใหญ่ตรงหน้าคนนี้เด็ดขาด
คนที่สามารถให้ผู้แข็งแกร่งระดับนี้คุ้มครองได้ ต้องเป็นบุคคลร่ำรวยและสูงส่งมาก
สายตาของหยางเฉินมองทางรถตู้เบนซ์ธรรมดาคันหนึ่งที่อยู่ด้านหลังชายสูงใหญ่ไม่ไกลนัก กระจกสีดำมองไม่เห็นสภาพด้านในรถ
“คุณนายของพวกแก เป็นใคร?”
หยางเฉินเก็บสายตากลับ มองทางชายสูงใหญ่ชุดสูทแล้วสอบถามขึ้น
“คุณนายสกุลเย่ มาจากเมืองเยี่ยนตู!”
ในสายตาของชายสูงใหญ่ชุดสูท เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ จากนั้นพูดว่า “เธอมาหานาย อยากพูดคุยเรื่องของฉินซี!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...