The king of War นิยาย บท 622

เมื่อเห็นหยางเฉินเดินจากไป อวี๋เหวินเกาหยางก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในใจของหยางเฉิน

เขารักผู้หญิงคนนั้นอย่างสุดซึ้งและเป็นไปได้ว่าจะรักคนที่เกี่ยวข้องกับหล่อนด้วย สำหรับเรื่องนี้แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของอวี๋เหวินเกาหยางแต่เขาก็มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งด้วย

หากไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากตระกูลเฉาล่ะก็เขาคงจะไม่มีวันขับไล่หยางเฉินและผู้หญิงที่รักของเขาออกจากตระกูลไป

“หยางเฉิน!”

เมื่อเห็นหยางเฉินที่กำลังจะออกจากห้องไป อวี๋เหวินเกาหยางก็อดไม่ได้ที่ตะโกนเรียก

หยางเฉินหยุดลงและไม่ได้หันกลับมามอง

“ในใจของฉัน นายเป็นลูกชายของฉันเสมอนะ ตอนนั้นที่ฉันขับไล่นายสองแม่ลูกออกจากตระกูลไป ฉันผิดเอง ขอโทษด้วย!”

อวี๋เหวินเกาหยางเอ่ยปากพูดออกมาในทันใด

เพียงคำพูดของเขาที่ออกมานี้ก็ทำให้หยางเฉินสั่นสะท้าน รู้สึกว่าร่างกายนั้นไหลเวียนไปด้วยความอบอุ่น หัวใจของตนก็ดูเจ็บปวดมากขึ้น

ใช่!

ถ้าไม่ใช่เป็นเรื่องที่เขาไล่ตนและแม่ออกจากตระกูลไปในวันนั้น ไม่ว่าจะมองในด้านไหนๆเขาก็ยังเป็นพ่อที่ดีเลิศเสมอ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่อวี๋เหวินปิงมี หยางเฉินเองก็เคยมีมันมาก่อน

ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ครอบครัวของภรรยาเองก็เป็นถึงตระกูลเดอะคิงแห่งจิ่วโจว เขาก็คงรู้สึกเสียใจอย่างมากกับการที่ต้องไล่ตนกับแม่ออกจากตระกูลไปเช่นกัน?

เพราะว่าเขานั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆของอวี๋เหวินเกาหยาง การที่อวี๋เหวินเกาหยางทำได้มาจนถึงขั้นนี้ก็ถือว่าเพียงพอมากแล้ว

“จากนี้ไป คุณไม่ได้ติดหนี้อะไรแม่ผมออีก แต่ผมติดหนี้บุญคุณที่คุณได้เลี้ยงดูมา!”

หยางเฉินไม่ได้หันหลังกลับมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงๆใจจากนั้นก็ก้าวเดินออกไป

อวี๋เหวินเกาหยางรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน หยางเฉินเป็นคนที่เขานั้นคอยดูการเติบโตมาในทุกๆวัน แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆที่ให้กำเนิดแต่มันก็ไม่ต่างอะไรกันเลยแม้แต่น้อย!

เขารอคำพูดนี้ของหยางเฉินมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปี

หลังออกจากตระกูลอวี๋เหวิน หม่าชาวก็ได้เป็นคนขับรถไปส่งหยางเฉิน

“ฉันจะลงรถข้างหน้านี้ นายกลับไปก่อนได้เลย!”

เมื่อรถขับมาถึงใจกลางเมือง หยางเฉินก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาในทันที

“พี่เฉิน ฉันไปกับพี่ด้วย!” หม่าชาวพูดอย่างรู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก

ท่าทางของหยางเฉินในตอนนี้นั้นควรมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยเป็นอย่างมาก

หยางเฉินส่ายหัว “ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”

“แต่…”

หม่าชาวที่กำลังจะพูดโน้มน้าวก็ถูกหยางเฉินพูดตัดบท “อยู่ที่เมืองเยี่ยนตู ใครจะมาทำอะไรฉันได้?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้หม่าชาวก็ไม่พูดอะไรต่อและจอดรถที่ข้างทาง

หยางเฉินที่เพิ่งลงจากรถก็ได้พูดเตือนเอาไว้ “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ต้องเอาไปบอกเสี่ยวซีล่ะ”

“พี่เฉินวางใจได้เลย ฉันไม่บอกใครแน่นอน!” หม่าชาวตอบ

“ดี นายไปเถอะ!”

หยางเฉินพูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายลำพัง

เมืองเยี่ยนตูในเวลากลางคืนมีแสงไฟส่องสว่างไปทั่ว ในช่วงเวลานี้ชีวิตในยามค่ำคืนนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มีทิวทัศน์ของรถราขวักไขว่วิ่งไปมาอยู่ทุกหนทุกแห่ง

บนทางเท้ามีคนเดินอยู่บนถนนมากมายนัก มีทั้งคู่รักวัยหนุ่มสาว คู่รักวัยกลางคน สวนสาธารณะเล็กๆที่ไม่ไกลจากนี้ก็ยังมีคู่สามีภรรยาอาวุโสกำลังเต้นรำกันไปมา

ใบหน้าของทุกๆคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขแต่หยางเฉินที่โดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังนี้แตกต่าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ

ในสมองของเขามีแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลอวี๋เหวินเมื่อครั้งเยาว์วัย

ในความทรงจำของเขา อวี๋เหวินเกาหยางนั้นดูแลเขาดีมาก ดูแลดีไม่น้อยกว่าที่ปฏิบัติกับอวี๋เหวินปิงเลย หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

หากในเริ่มแรกอวี๋เหวินเกาหยางนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายแท้ๆก็คงดี แต่กลับกลายเป็นว่าเขารู้ความจริงเรื่องนี้มาตั้งนานแล้วและยังคงปฏิบัติต่อหยางเฉินและแม่ของเขาอย่างดีมาโดยตลอด

เรื่องนี้ทำให้หยางเฉินทำใจยอมรับได้ยาก เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมแม่ของเขาถึงไม่เคยบ่นเกี่ยวกับเรื่องที่โดนขับไล่ออกจากตระกูลอวี๋เหวินเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War