เมื่อเห็นหยางเฉินเดินจากไป อวี๋เหวินเกาหยางก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในใจของหยางเฉิน
เขารักผู้หญิงคนนั้นอย่างสุดซึ้งและเป็นไปได้ว่าจะรักคนที่เกี่ยวข้องกับหล่อนด้วย สำหรับเรื่องนี้แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของอวี๋เหวินเกาหยางแต่เขาก็มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งด้วย
หากไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากตระกูลเฉาล่ะก็เขาคงจะไม่มีวันขับไล่หยางเฉินและผู้หญิงที่รักของเขาออกจากตระกูลไป
“หยางเฉิน!”
เมื่อเห็นหยางเฉินที่กำลังจะออกจากห้องไป อวี๋เหวินเกาหยางก็อดไม่ได้ที่ตะโกนเรียก
หยางเฉินหยุดลงและไม่ได้หันกลับมามอง
“ในใจของฉัน นายเป็นลูกชายของฉันเสมอนะ ตอนนั้นที่ฉันขับไล่นายสองแม่ลูกออกจากตระกูลไป ฉันผิดเอง ขอโทษด้วย!”
อวี๋เหวินเกาหยางเอ่ยปากพูดออกมาในทันใด
เพียงคำพูดของเขาที่ออกมานี้ก็ทำให้หยางเฉินสั่นสะท้าน รู้สึกว่าร่างกายนั้นไหลเวียนไปด้วยความอบอุ่น หัวใจของตนก็ดูเจ็บปวดมากขึ้น
ใช่!
ถ้าไม่ใช่เป็นเรื่องที่เขาไล่ตนและแม่ออกจากตระกูลไปในวันนั้น ไม่ว่าจะมองในด้านไหนๆเขาก็ยังเป็นพ่อที่ดีเลิศเสมอ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อวี๋เหวินปิงมี หยางเฉินเองก็เคยมีมันมาก่อน
ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ครอบครัวของภรรยาเองก็เป็นถึงตระกูลเดอะคิงแห่งจิ่วโจว เขาก็คงรู้สึกเสียใจอย่างมากกับการที่ต้องไล่ตนกับแม่ออกจากตระกูลไปเช่นกัน?
เพราะว่าเขานั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆของอวี๋เหวินเกาหยาง การที่อวี๋เหวินเกาหยางทำได้มาจนถึงขั้นนี้ก็ถือว่าเพียงพอมากแล้ว
“จากนี้ไป คุณไม่ได้ติดหนี้อะไรแม่ผมออีก แต่ผมติดหนี้บุญคุณที่คุณได้เลี้ยงดูมา!”
หยางเฉินไม่ได้หันหลังกลับมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงๆใจจากนั้นก็ก้าวเดินออกไป
อวี๋เหวินเกาหยางรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน หยางเฉินเป็นคนที่เขานั้นคอยดูการเติบโตมาในทุกๆวัน แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆที่ให้กำเนิดแต่มันก็ไม่ต่างอะไรกันเลยแม้แต่น้อย!
เขารอคำพูดนี้ของหยางเฉินมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปี
หลังออกจากตระกูลอวี๋เหวิน หม่าชาวก็ได้เป็นคนขับรถไปส่งหยางเฉิน
“ฉันจะลงรถข้างหน้านี้ นายกลับไปก่อนได้เลย!”
เมื่อรถขับมาถึงใจกลางเมือง หยางเฉินก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาในทันที
“พี่เฉิน ฉันไปกับพี่ด้วย!” หม่าชาวพูดอย่างรู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก
ท่าทางของหยางเฉินในตอนนี้นั้นควรมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยเป็นอย่างมาก
หยางเฉินส่ายหัว “ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”
“แต่…”
หม่าชาวที่กำลังจะพูดโน้มน้าวก็ถูกหยางเฉินพูดตัดบท “อยู่ที่เมืองเยี่ยนตู ใครจะมาทำอะไรฉันได้?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หม่าชาวก็ไม่พูดอะไรต่อและจอดรถที่ข้างทาง
หยางเฉินที่เพิ่งลงจากรถก็ได้พูดเตือนเอาไว้ “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ต้องเอาไปบอกเสี่ยวซีล่ะ”
“พี่เฉินวางใจได้เลย ฉันไม่บอกใครแน่นอน!” หม่าชาวตอบ
“ดี นายไปเถอะ!”
หยางเฉินพูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายลำพัง
เมืองเยี่ยนตูในเวลากลางคืนมีแสงไฟส่องสว่างไปทั่ว ในช่วงเวลานี้ชีวิตในยามค่ำคืนนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มีทิวทัศน์ของรถราขวักไขว่วิ่งไปมาอยู่ทุกหนทุกแห่ง
บนทางเท้ามีคนเดินอยู่บนถนนมากมายนัก มีทั้งคู่รักวัยหนุ่มสาว คู่รักวัยกลางคน สวนสาธารณะเล็กๆที่ไม่ไกลจากนี้ก็ยังมีคู่สามีภรรยาอาวุโสกำลังเต้นรำกันไปมา
ใบหน้าของทุกๆคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขแต่หยางเฉินที่โดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังนี้แตกต่าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ
ในสมองของเขามีแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลอวี๋เหวินเมื่อครั้งเยาว์วัย
ในความทรงจำของเขา อวี๋เหวินเกาหยางนั้นดูแลเขาดีมาก ดูแลดีไม่น้อยกว่าที่ปฏิบัติกับอวี๋เหวินปิงเลย หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
หากในเริ่มแรกอวี๋เหวินเกาหยางนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายแท้ๆก็คงดี แต่กลับกลายเป็นว่าเขารู้ความจริงเรื่องนี้มาตั้งนานแล้วและยังคงปฏิบัติต่อหยางเฉินและแม่ของเขาอย่างดีมาโดยตลอด
เรื่องนี้ทำให้หยางเฉินทำใจยอมรับได้ยาก เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมแม่ของเขาถึงไม่เคยบ่นเกี่ยวกับเรื่องที่โดนขับไล่ออกจากตระกูลอวี๋เหวินเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...