The king of War นิยาย บท 686

จินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางตกตะลึงไปชั่วครู่ และแล้วก็ตั้งสติคืนมา เซวข่ายจะเอาชีวิตพวกเขานี่

“โครม!”

“โครม!”

เกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน ทั้งสองทรุดตัวคุกเข่าลงข้าง ๆ เซวข่าย

“คุณชายเซว พวกเราคิดอยากเป็นหมาของท่านจริง ๆ นะ พวกเราสาบานได้ จะไม่มีการแปรพักตร์เปลี่ยนใจ ถ้าท่านไม่เชื่อพวกเรา พวกเราจะช่วยท่านจัดการถล่มตระกูลกวนให้ล่มสลายเดี๋ยวนี้เลย”

สองผู้นำตระกูลมหาเศรษฐีอันทรงเกียรติ ตอนนี้กลายเป็นหมา คุกเข่ากับพื้นแสดงความจงรักภักดี

เพียงแต่ว่า ให้เทียบกับหมา พวกเขาก็ยังไม่น่าจะมีคุณสมบัติพอ

“ก็ดี ถ้างั้นพวกแกก็ช่วยข้าถล่มตระกูลกวนให้ล่มสลายไปซะ เพียงถ้าพวกเจ้าทำได้ ข้าก็จะรับพวกเจ้าไว้เป็นหมารับใช้ของข้า ถ้าทำไม่ได้ พวกแกก็มีแต่ตายลูกเดียว”

เซวข่ายยิ้มตาหยี ๆ พูดว่า “แต่ตอนที่พวกแกยังถล่มตระกูลกวนไม่เสร็จ ข้าจะไม่มีการลงมือช่วยพวกแกหรอกนะ”

หัวใจจินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางเต้นรุนแรง นี่เซวข่ายจงใจเอาพวกเขาเป็นหอกทะลวงฟันชัด ๆ อีกทั้งยังจะต้องชนะลูกเดียว ถึงจะมีทางรอด

พวกเขาจะถล่มตระกูลกวน ตระกูลหานก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยตระกูลกวนแน่นอน

ไม่ว่าตระกูลหานหรือตระกูลกวน ต่างก็มีกำลังชั้นยอดของตระกูลมหาเศรษฐีระดับพอ ๆ กับเขา ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีตระกูลซูที่ยังไม่เลือกข้าง

ถ้าหากตระกูลซูก็เลือกยืนข้างตระกูลกวนกับตระกูลหาน แล้วแค่ตระกูลจินกับตระกูลเหลียง อย่าว่าแต่จะถล่มตระกูลกวนเลย พวกเขาไม่ถูกสามตระกูลมหาเศรษฐีถล่มยับ ก็ถือว่าบุญแล้ว

ในที่สุดจินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคางก็ได้ลิ้มรสชาติของการขี่หลังเสือแล้ว ทั้งสองมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นความหนักใจแสดงออกในแววตาของแต่ละฝ่าย

“ตระกูลกวนกับตระกูลหาน ยังอีกตระกูลซู ข้าจะให้เวลาพวกแกไปไตร่ตรองกันให้ดีอีกหนึ่งวัน”

ขณะนั้นเองเซวข่ายก็ได้เอ่ยปากพูด “พรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้ ข้าจะมาอีกครั้ง ถ้าพวกแกยินยอมสวามิภักดิ์ ต่อแต่นี้ไป ในเจียงผิงและหนันหยัง อีกทั้งสามมณฑลแห่งตงหลัน พวกแกจะเป็นกระบอกเสียงของตระกูลเซวของข้า”

พูดจบ เขาก็เตรียมพาคนของเขาออกไป

ส่วนจินจื้อหมิงกับเหลี่ยงเหวินคาง ได้ยินเซวข่ายพูดไปดังนั้น สีหน้าดูไม่ได้เลยอย่างสุด ๆ

พวกเขาร้องขอจะเป็นหมารับใช้เซวข่าย เซวข่ายไม่ใยดีด้วย กลับจะให้พวกเขาไปถล่มตระกูลกวน และต้องถล่มตระกูลกวนให้ล่มสลายให้ได้ จึงจะมีคุณสมบัติเป็นหมารับใช้เขาได้

แต่ เซวข่ายกลับโยนกิ่งมะกอกให้กับตระกูลกวนและตระกูลหาน รวมทั้งตระกูลซู ผ่อนผันเวลาให้ไปตัดสินใจใหม่อีกหนึ่งวัน ถ้ายินยอมสวามิภักดิ์ ก็จะให้เป็นผู้มีอำนาจจัดการแทน

ไม่ต้องคิดก็รู้ พอเมื่อสามสุดยอดตระกูลมหาเศรษฐีแห่งเจียงผิงสวามิภักดิ์กับตระกูลเซวแล้ว หลังจากนั้น ฐานะของสามตระกูลมหาเศรษฐี ก็จะลอยสูงขึ้นไปได้ตามกระแส

“ไม่ต้องไปรอไตร่ตรองให้เสียเวลา ข้าตระกูลกวนได้ตัดสินใจดีแล้ว จะให้สวามิภักดิ์กับตระกูลเซว ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด!”

เห็นเซวข่ายกำลังเตรียมจะไป กวนเจิ้งซานเอ่ยปากพูดไปในทันที

“ยังมีข้า ตระกูลหาน ก็ไม่จำเป็นต้องไตร่ตรอง เว้นแต่ว่าตระกูลหานล่มสลายไป มิฉะนั้นจะไม่มีทางสวามิภักดิ์ตระกูลเซวเด็ดขาด!”

หานเซี่ยวเทียนก็เอ่ยปากพูด

มีแต่ซูเฉิงอู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน

เซวข่ายที่เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูโถงรับรอง หยุดก้าวต่อในทันที หันตัวกลับ ยิ้มกวน ๆ จ้องหน้ากวนเจิ้งซาน แล้วมองหานเซียวเทียน

“ให้แม้ต้องล่มสลายไปทั้งตระกูล พวกแกก็ไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อตระกูลเซว?”เซวข่ายยิ้มกวน ๆ ถามไป

มองดูแล้ว หน้าของเขาไม่มีอาการโกรธเลยแม้แต่น้อย กลับดูชื่นมื่น

หานเซี่ยวเทียนกับกวนเจิ้งซานผงกหัวอีก “ถูกต้อง!”

“ดี ดีมาก!”

เซวข่ายผงกหัว หัวเราะแล้วพูดว่า “ตระกูลที่มีเลือดทระนงแบบนี้ ข้าไม่เคยเห็นมานานหลายปีแล้ว เกิดให้นึกเสียดายที่ต้องถล่มพวกแกให้ล่มสลายไปแบบนี้แล้วสิ”

“แต่ทว่า ถ้าไม่ให้พวกแกล่มสลายไป ก็เป็นการที่อำนาจศักดิ์ศรีของตระกูลเซวถูกท้าทาย พวกแกช่วยบอกข้าหน่อยสิ ข้าควรจะทำยังไงดี?”

หานเซี่ยวเทียนกับกวนเจิ้งซานต่างรู้สึกถึงความกดดันที่หนักหน่วง เซวข่ายที่ดูเหมือนกำลังหัวเราะ แต่สิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้ในเสียงหัวเราะนั้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการฆ่า

“ตระกูลซู ยินยอมสวามิภักดิ์ต่อตระกูลเซวครับ!”

ในขณะนั้นเอง ซูเฉิงอู่ที่ยังลังเลในการตัดสินอยู่ จู่ ๆ ลุกยืนขึ้น พูดออกไปด้วยเสียงอันดัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War