“ดูเหมือนว่าคุณยังไม่สำนึกความผิดของคุณสินะ!”
หยางเฉินส่ายหัวอย่างกะทันหันแล้วพูดอย่างเฉยเมย
“ผั๊วะ!”
จากนั้นตามด้วยเสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างเสียงดัง
“ชีวิตของแกมีค่า ส่วนชีวิตของพวกเราคือเศษขยะงั้นเหรอ? ตอนนี้แกตกเป็นเชลยของพวกเราแล้ว แกยังมีหน้ามาแสดงสถานะของแกอีกเหรอ?”
สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจก็คือ คนที่ตบเซวหยวนป้านั้นไม่ใช่หยางเฉิน แต่เป็นหวงเจิ้ง
แม้แต่หยางเฉินยังต้องตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าในกลุ่มคนเหล่านี้ ยังมีคนกล้าลงมือกับเซวหยวนป้าด้วยวิธีนี้
เพราะด้วยชื่อเสียงของตระกูลเซวแล้ว มันเพียงพอที่จะทำให้คนมากมายถึงกับกลัวจนยอมจำนนได้
เซวหยวนป้าก็ตกใจเช่นกัน เขาถูกหยางเฉินตบหน้าในที่สาธารณะเพราะฝีมือของเขาสู้คนอื่นไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่เขายอมรับได้
แต่ตอนนี้ แม้แต่ตัวประกอบเล็กๆ ของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูยังกล้าลงมือตบหน้าเขา?
“แก แกกล้าตบข้างั้นเหรอ?”
เซวหยวนป้าแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ
“ผั๊วะ!”
หวงเจิ้งตบเขาอีกครั้งแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “กล้าตบแกแล้วจะทำไม?”
“ผั๊วะ ผั๊วะ ผั๊วะ!”
หวงเจิ้งพูดไปด้วยและตบหน้าเซวหยวนป้าไปด้วยอีกหลายครั้งติดต่อกัน เซวหยวนป้าก็เหลือเชื่อถึงกับลืมหลบหลีก ทำได้เพียงเฝ้ามองหวงเจิ้งด้วยความประหลาดใจ
“ใช่! แกมันสมควรโดน!”
ในขณะนี้ เย่หัวก็เดินเข้ามา ด้วยความโกรธที่สะสมมาตั้งนาน เขายกมือขึ้นแล้วตบไปที่กลางหน้าของเซวหยวนป้าอย่างรุนแรง
“เซวหยวนป้า แกคิดว่าแกสถานะสูงส่งงั้นเหรอ? นั่นมันแต่อดีต ตอนนี้แกเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือของพวกเรา ถ้าพวกเราจะฆ่าแก มันก็แค่เอื้อมเท่านั้น!”
เย่หัวพูดอย่างเย็นชา “โดยเฉพาะการที่แกกล้าข่มขู่คุณหยาง แกมันสมควรตายจริงๆ!”
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
ในที่สุด เซวหยวนป้าก็ตั้งสติได้อีกครั้ง เขาตวาดอย่างเสียงดัง จากนั้นยกกำปั้นขึ้นแล้วชกไปที่ใบหน้าของเย่หัวอย่างรุนแรง
ทุกคนถึงตะลึง เพราะไม่คิดว่าเซวหยวนป้าจะกล้าลงมือทำร้ายใครอีก
เซวหยวนป้านั้นเป็นนักสู้อยู่แล้ว แต่เย่หัวเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง แล้วเขาจะต้านทานการโจมตีด้วยหมัดของเซวหยวนป้าได้อย่างไร?
ในขณะนี้ เย่หัวแทบจะลืมหายใจ ได้แต่เบิกตากว้างแล้วมองดูหมัดของเซวหยวนป้าที่กำลังพุ่งในหน้าเขา
“พรึ่บ!”
เมื่อเห็นว่าหมัดของเซวหยวนป้ากำลังจะกระแทกกับใบหน้าของเย่หัว และในชั่วพริบตานั้น หยางเฉินก็ยืนมือออกไปคว้าหมัดของเซวหยวนป้าอย่างง่ายดาย
“ในเมื่อคุณชอบทำร้ายคนอื่นมากนัก งั้นผมขอตัดวิถีบู๊ของคุณก็แล้วกัน”
หยางเฉินพูดอย่างเฉยเมย “ผมก็อยากรู้เหมือนกัน เจ้าชายสามของตระกูลเซวที่ได้รับความสำคัญด้วยวิถีบู๊ในตัว ถ้าไม่มีวิถีบู๊แล้ว เขายังจะได้รับโอกาสในการเป็นเจ้าตระกูลเซวอีกไหม?”
ทันใดนั้น เซวหยวนป้ารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่แย่มาก และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“ตุ้ม!”
ทันใดนั้น เสียงกระแทกที่ทุ้มต่ำดังขึ้น หยางเฉินเตะไปที่ตำแหน่งตันเถียนของเซวหยวนป้าอย่างแม่นยำ
เซวหยวนป้าถึงกับกระอักเลือดออกมา ใบหน้าของเขาซีดลงทันที และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ “แก แกทำลายวิถีบู๊ของข้าจริงๆ!”
สำหรับตระกูลเดอะคิงแล้ว วิถีบู๊ของคนคนหนึ่งนั้นสำคัญมาก
และเหตุผลที่เขาเป็นลูกชายสุดที่รักของเจ้าตระกูลเซว ก็เพราะเขาเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งในตระกูลเซวนั้น เขาถือว่าเป็นนักสู้ระดับต้นๆ ของตระกูลก็ว่าได้
แต่ตอนนี้หยางเฉินทำลายวิถีบู๊ของเขาไปแล้ว
เพราะที่ผ่านมา เขาฝึกศิลปะการต่อสู้มาตลอด ดังนั้นจึงไม่มีความสามารถในด้านการทำธุรกิจเลย
และตอนนี้ยังถูกตัดวิถีบู๊ไปแล้วด้วย ถ้าแบบนี้ ในตระกูลเซวเขาก็คงกลายเป็นคนไร้ค่าไปแล้วจริงๆ
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าเจ้าตระกูลเซวจะส่งเสริมคนที่ไม่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้หรือไม่มีพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจเลย
ยิ่งคิด เซวหยวนป้าก็ยิ่งเสียใจ เขาหากสามารถย้อนเวลาได้ เขาจะไม่ท้าทายหยางเฉินอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...