บทที่ 856 ข้ออ้าง – ตอนที่ต้องอ่านของ The king of War
ตอนนี้ของ The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 856 ข้ออ้าง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“เพียงแค่ ตามกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นับวันยิ่งมากขึ้นที่ราชวงศ์มีความคิดปรารถนาต่อเมืองเยี่ยนตู”
“จนกระทั่งมีวันหนึ่ง ราชวงศ์ทั้งห้าที่อยู่ในราชวงศ์ทั้งเก้าแอบปรึกษาหารือกัน ตัดสินใจร่วมมือปราบปรามเมืองเยี่ยนตู และหลังจากนั้น ราชวงศ์ทั้งห้าจึงตัดสินใจเป็นเจ้าของเมืองเยี่ยนตู”
“แต่ที่น่าเศร้าคือ ราชวงศ์ทั้งห้านำทัพกองกำลังมากมายมาบุกเมืองเยี่ยนตู ในเวลานี้เอง คนคนนั้นกลับปรากฏตัวขึ้นแล้ว ภายใต้ความโกรธ ใช้กำลังตัวเองคนเดียว ปราบปรามราชวงศ์ทั้งห้า”
“คนคนนั้นพิจารณาถึงสายเลือดของราชวงศ์ทั้งห้าว่าเป็นสายเดียวกันกับตนเอง ถึงปล่อยราชวงศ์ทั้งห้าไปสักครั้ง และเพราะเรื่องนี้ อิทธิพลของราชวงศ์ทั้งห้าจึงถูกทำให้อ่อนกำลังลงมาก กลายเป็นตระกูลเดอะคิงทั้งห้าในปัจจุบันนี้”
หม่าชาวตกใจอึ้งไปแล้ว เพราะในหัวสมองของเขาปรากฏท่วงท่าที่งดงามของหยางเฉินในอดีตตอนอยู่ชายแดนเหนือขึ้นมา สามารถสู้กับครึ่งประเทศด้วยตัวคนเดียว
เขาคิดว่า มีเพียงหยางเฉินที่ครอบครองความสามารถแบบนี้ไว้ นึกไม่ถึงยังมีคนสามารถแกร่งขนาดนี้ได้
“คนคนนั้นคือใคร?”
ชั่วขณะนั้นอารมณ์ของหยางเฉินฮึกเหิมขึ้นกะทันหัน ถามด้วยเสียงดัง
กุ่นเจี้ยนโฉวตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “นี่เป็นเรื่องเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เรื่องเล่าลือเกี่ยวกับคนคนนั้นมีมากมาย แต่ไม่มีใครรู้ว่า คนคนนั้นเป็นใครกันแน่ มีคนบอกว่า คนคนนั้นตายไปตั้งแต่นานแล้ว และมีคนบอกว่า คนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่”
“แต่ความจริงคืออะไร เกรงว่าคงไม่มีใครรู้มั้ง!”
ฟังคำพูดของกุ่นเจี้ยนโฉวแล้ว หยางเฉินรู้สึกสูญเสียอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะคนคนนั้นกับคนผู้นั้นที่เขารู้จัก ไม่อาจเป็นคนเดียวกัน
คนผู้นั้นที่เขารู้จัก เป็นเพียงชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
“คนคนนั้นเคยตั้งกฎหนึ่งขึ้นมา พื้นที่ของเมืองเยี่ยนตู ห้ามเครือญาติสายเลือดของราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงเข้ามา นอกจากมีสักวันหนึ่ง เมืองเยี่ยนตูมีคิงขึ้นมาอีกคนหนึ่ง”
กุ่นเจี้ยนโฉวพูดอยู่ มองทางหยางเฉินแล้ว “และครั้งนี้ เจ้าชายของตระกูลเซวกล้ามาเมืองเยี่ยนตู เป็นเพราะมีคนแพร่ข่าวไปว่า จะมีคนประกาศตัวเป็นคิงที่เมืองเยี่ยนตู”
“เท่าที่ผมรู้มา คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นคิงแห่งเยี่ยนตูผู้นี้ ก็คือคุณ”
ชั่วพริบตาเดียวหยางเฉินมึนงง คนของตระกูลเดอะคิงปรากฏตัวที่เมืองเยี่ยนตูต่อเนื่อง คาดไม่ถึงเป็นเพราะตนเอง?
“ฉันไปเป็นคิงแล้วตั้งแต่เมื่อไร?”
หยางเฉินเอ่ยปากถาม
ทันใดนั้นเขานึกขึ้นได้ ครั้งที่แล้วก่อนที่เซวหยวนป้าจะถูกเขาไล่ออกจากเยี่ยนตู ยังบีบให้เซวหยวนป้าเรียกตระกูลเศรษฐีเมืองเยี่ยนตูหลายแห่งที่ยึดไว้แล้วมารวมตัวที่โรงแรมเยี่ยนตู
ตระกูลซุนเป็นผู้นำในตระกูลเศรษฐีหลายแห่งนั้นรู้ว่าสถานการณ์ย่ำแย่ ต่างแสดงท่าทีกันทั้งหมด ยินยอมยกเขาเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู
ตอนนั้น เขาพูดไปแค่ประโยคเดียว เขาบอกว่า: “ฉันเป็นเทพ ทำไมต้องเป็นคิงอีก?”
เจตนาเดิมของเขาคือ เมื่อตอนที่ตนเองเคยอยู่ชายแดนเหนือ ได้ฉายาว่าเทพสงครามผู้ชนะ แม้แต่เกียรติยศอันนี้ยังยอมสละทิ้ง ทำไมต้องมาที่เมื่องเยี่ยนตูเพื่อเป็นคิงแห่งเยี่ยนตูด้วย?”
กลับนึกไม่ถึงว่า คำพูดประโยคนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปว่าเขาอยากเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู
“ไม่ใช่สิ ว่าตามที่แกบอกมานั้น ก่อนหน้าที่ฉันยังไม่ได้เป็นคิง เครือญาติตระกูลเดอะคิงมาเมืองเยี่ยนตูไม่ได้ แต่ว่าที่คลับหวงจินมันเรื่องอะไรกัน?”
“ยังมีตอนที่เซวหยวนป้ามาเมืองเยี่ยนตูด้วย ไม่เกี่ยวกับที่ฉันเป็นคิงสักนิดหนึ่งมั้ง?”
หยางเฉินพูดปฏิเสธ
กุ่นเจี้ยนโฉวส่ายหน้าแล้ว “นี่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมรู้แค่ว่า ตระกูลเซวกล้ามาเมืองเยี่ยนตูอย่างเหิมเกริม เป็นเพราะข่าวลือที่คุณเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู”
“แน่นอนว่า บางทีนี่อาจเป็นเพียงแค่ข้ออ้างอย่างหนึ่งมั้ง เหมือนแบบนั้นที่คุณบอก ก่อนหน้าที่คุณจะเป็นคิง ก็มีเครือญาติตระกูลเฉาและตระกูลเซวมาเมืองเยี่ยนตูแล้ว”
“จะว่าไป คนคนนั้นที่ตั้งกฎขึ้นมา เวลาที่ตั้งไม่ให้ราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงเข้ามาเยี่ยนตู ระยะห่างก็เกินกว่าร้อยปีแล้ว เขาน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว เดิมทีไม่มีภัยคุกคามต่อราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงสักนิด”
ชั่วขณะหนึ่งหยางเฉินเงียบงันไม่พูดอะไร กำลังไตร่ตรองความลับพวกนี้ของกุ่นเจี้ยนโฉวอยู่
ว่าตามที่กุ่นเจี้ยนโฉวพูดมา คนของตระกูลเซวและตระกูลเฉามาเมืองเยี่ยนตู บางทีอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
ฟังคำอธิบายของกุ่นเจี้ยนโฉว หม่าชาวกัดฟันพูดว่า “ยังเป็นคนสารเลวที่รับมือยากคนหนึ่งเสียจริง นึกไม่ถึงว่าจะระวังขนาดนี้”
หยางเฉินมองกุ่นเจี้ยนโฉวอีกทีหนึ่ง เจ้าคนลึกลับคนนี้ ยังมีประโยชน์อยู่หน่อยจริงๆ
คนขับรถคอยสนับสนุนอยู่ที่เดิม หยางเฉินกับหม่าชาว ยังมีกุ่นเจี้ยนโฉวทั้งสามคน เข้าสู่ภายในหนึ่งพันเมตรของคฤหาสน์ไปแล้ว
มีกุ่นเจี้ยนโฉวอยู่ด้วย ทั้งสามคนจึงหลบเลี่ยงการ์ดและวงจรปิดทั้งหมดได้ง่ายดายมาก จนมาถึงบริเวณเขตคฤหาสน์แล้ว
นี่คือคฤหาสน์ใหญ่สามชั้นพื้นที่พันตารางเมตรขึ้นเต็มๆ หลังหนึ่ง ด้านนอกยังมีสระว่ายน้ำแบบเปิดอันหนึ่ง ทางเข้าคฤหาสน์ยังมีการ์ดสี่คนที่สะพายปืนเตรียมพร้อม
เพราะเป็นฤดูหนาว หน้าต่างทุกบานล้วนปิดสนิท และพูดได้ว่า พวกเขาอยากจะเข้าสู่คฤหาสน์ มีเพียงเข้าไปจากประตูของคฤหาสน์เท่านั้น
หม่าชาวมองทางกุ่นเจี้ยนโฉว ใช้มือแทนคำพูดสักหน่อย ความหมายคือถามว่า: “พวกเราจะเข้าไปยังไง?”
กุ่นเจี้ยนโฉวมองหน้าประตูคฤหาสน์แล้ว จากนั้นพูดเสียงเบา “คุณหยาง ประตูเข้าคฤหาสน์มีวงจรปิด ถ้าเกิดลงมือ จะถูกคนของทีมตรวจสอบพบเห็นทันที”
“ตอนนี้ มีเพียงให้ผมเข้าไปก่อน รอผมหาภรรยาของคุณเจอ หลังมั่นใจความปลอดภัยของเธอแล้ว จะแจ้งให้พวกคุณทราบ พวกเรามาใช้วิธีด้านนอกด้านในตีประสานกัน ช่วยภรรยาของคุณออกมา”
หยางเฉินพยักหน้า “ได้ แกไปเถอะ!”
“ครับ!”
กุ่นเจี้ยนโฉวพูดจบลง จึงก้าวเดินไปทางคฤหาสน์
ชั่วขณะนั้นหม่าชาวร้อนใจแล้ว “พี่เฉิน พี่เชื่อคำพูดของเจ้าหมอนี่จริงเหรอ?”
หยางเฉินถามด้วยหน้าตานิ่งสงบ “ตอนนี้ พวกเรายังมีทางเลือกด้วยเหรอ?”
หม่าชาวตะลึง จากนั้นเข้าใจความหมายของหยางเฉินแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...