The king of War นิยาย บท 867

สรุปบท บทที่ 867 กวนซินจับคน: The king of War

ตอน บทที่ 867 กวนซินจับคน จาก The king of War – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 867 กวนซินจับคน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต The king of War ที่เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

กวนเยว่ตาแดงขึ้นมาทันที แต่หล่อนก็ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ยิ้มประชดตัวเอง ส่ายหน้าว่า “หนูขอประทานโทษนะคะ หนูผลุนผลันไปหน่อย”

“แค่พบกับคุณเป็นครั้งที่สองเท่านั้นเอง ก็เซ้าซี้ขอให้มาเป็นอาจารย์ แถมยังจะขอให้มาช่วยแก้ปัญหาเรื่องคู่ครองของหนู มันก็ดูจะเกินไปอยู่นะ!”

หยางเฉินก็ให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่ แต่ก็ต้องฝืนใจในการปฏิเสธกับกวนเยว่

ยังไม่ต้องพูดถึงความเกี่ยวพันกับตระกูลเดอะคิง ถึงแม้จะมีการพัวพันเข้าจริงกับตระกูลเดอะคิงแล้วก็ตาม เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งเกี่ยวเรื่องใหญ่ขนาดเรื่องคู่สมรสได้

ทุกคนต่างมีชะตากรรมของตัวเอง กวนเยว่เป็นสตรีตระกูลกวนในตระกูลเดอะคิง ชะตาชีวิตลิขิตให้คาบช้อนทองมาเกิดจนเติบโตอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันกับการที่ได้เสวยสุขในชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าอยู่นั้น หล่อนก็จะไม่สามารถปลดเครื่องพันธนาการของวงศ์ตระกูลไปได้

“หนูไปละ!”

กวนเยว่มองหน้าหยางเฉินอย่างลึกซึ้ง แล้วก็หันกลับเดินจากไปทันที

จนเงาหลังของกวนเยว่หายไปจากสายตาแล้ว ลั่วปิงจึงเอ่ยปากพูด “ท่านประธาน เด็กผู้หญิงคนนี้ ดูน่าสงสารมากเลย”

หยางเฉินได้แต่แอบถอนหายใจ ไม่อยากพูดถึงเรื่องของกวนเยว่อีก จึงพูดไปว่า “เวลานี้ สี่ในห้าตระกูลเดอะคิงต่างปรากฏตัวออกมาแล้ว ผมคงจะถูกหมายตาไว้อยู่ เยี่ยนเฉินกรุ๊ป คุณต้องดูแลตัวเองให้มากหน่อยแล้วนะ”

ลั่วปิงรีบตอบรับคำด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านประธานวางใจได้ครับ ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

หยางเฉินตบไหล่ลั่วปิง แล้วก็ขึ้นรถขับออกไป

แต่ เขาเพิ่งขับรถออกจากไซ้ต์งานไม่ไกลนัก ก็เห็นกวนเยว่กำลังเดินอยู่ริมทาง ท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ขึ้นรถเถอะ!”

หยางเฉินจอดรถเข้าข้าง ๆ ตัวหล่อน เอ่ยปากพูด

“อาจารย์!”

พอเห็นหยางเฉิน กวนเยว่ให้ดีใจในฉับพลัน ความหมองหม่นบนใบหน้าหายไปหมด

“อาจารย์ ท่านตกลงยอมรับหนูเป็นลูกศิษย์แล้วใช่ไหมคะ?”

กวนเยว่พอขึ้นนั่งบนรถ ก็รีบถามด้วยความตื่นเต้น

หยางเฉินส่ายหน้า “โครงการเมืองจิ่วโจวอยู่ห่างออกจากตัวเมืองเป็นระยะทางครึ่งชั่วโมงในการเดินทาง ที่นี่เดิมก็เป็นเขตุนอกเมือง รถราไปมามีน้อยมาก เธอเดินไปแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะถึง”

เห็นหยางเฉินส่ายหน้า ใบหน้าที่เพิ่งจะกลับมีรอยยิ้มของกวนเยว่ หายหมดไปในทันใด

นิ่งเงียบกันตลอดเวลาขณะเดินทาง จนเข้ามาถึงใจกลางเมือง หยางเฉินเอ่ยปากถาม “เธอจะไปไหน?เดี๋ยวจะไปส่ง”

“หนูได้ยินว่า คนของตระกูลกวนได้เข้ามาถึงเยี่ยนตูแล้ว หนูว่าหนูควรออกให้พ้นจากเมืองนี้ไปจะดีกว่า!”

กวนเยว่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ พูดด้วยน้ำเสียงหมองเศร้า “ท่านช่วยส่งหนูไปที่สนามบินหน่อย ดูเที่ยวบินไหนจะออกในเวลาใกล้ที่สุด ก็จะไปเที่ยวนั้นเลย”

หยางเฉินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกทอดอาลัยในอารมณ์ของหล่อน แต่ถึงแม้จะรู้สึกเห็นใจหล่อนอยู่มาก ยังไงก็คนเพิ่งจะรู้จักพบกันเป็นครั้งที่สองเท่านั้น ไม่น่าจำเป็นที่จะต้องช่วยอะไรหล่อน แล้วไปกระทบกระทั่งกับอีกหนึ่งในตระกูลเดอะคิง

ยี่สิบนาทีต่อมา หยางเฉินก็ขับรถมาถึงสนามบินนานาชาติเยี่ยนตู

กวนเยว่พอลงจากรถ ก็มองหน้าหยางเฉินด้วยสายตาอาวรณ์ “ท่านอาจารย์ ไม่ว่าท่านจะรับหนูหรือไม่ ในใจของหนู ท่านก็คืออาจารย์ของหนู”

พูดจบ หล่อนหันหลัง เดินก้าวใหญ่มุ่งไปยังอาคารสถานีสนามบิน

หยางเฉินส่ายหน้าอย่างสลดใจ ขยับรถเตรียมจะจากไป

แต่ในขณะนั้นเอง ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่หลายคน ยืนออกมาขวางทางกวนเยว่ในทันใด

“กวนเยว่ เธอคิดจะไปไหน?คุณปู่ท่านคอยรอเธออยู่ที่บ้านนะ”

คนที่นำมาเป็นหญิงสาววัยประมาณยี่สิบห้าปี ดูมีส่วนคล้ายกับกวนเยว่อยู่ แต่สายตาที่มองกวนเยว่ ดูเย่อหยิ่งเอามาก

กวนเยว่ขบริมฝีปาก มองหน้าหญิงสาวที่ขวางหน้าหล่อน พูดอย่างเคียดแค้น “กวนซิน ฉันจะไปไหน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอมั้ง?บอกให้คนของเธอหลีกไป ไม่งั้นฉันก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ”

“ฮึ!”

กวนซินพูดเสียงเยือก “คุณปู่มีคำสั่ง ไม่ว่าใครในตระกูลกวนถ้าพบเห็น จะต้องนำตัวกลับไปบ้านตระกูล ไม่เช่นนั้นจะต้องได้รับโทษกรณีปกป้องคนผิดด้วย ถึงฉันจะไม่มีอะไรต้องใยดีกับที่เธอจะไปไหน แต่วันนี้ถึงยังไงก็ต้องเอาตัวเธอกลับไปบ้านตระกูล”

“จัดการ!”

ขาดคำของกวนซิน ชายฉกรรจ์สี่คน เดินบีบเข้าประชิดตัวกวนเยว่

กวนเยว่ให้รู้สึกร้อนรนใจอย่างมาก ยกมือพุ่งหมัดเข้าใส่

“ปึง!”

สิ่งที่เกิดขึ้นทำเอาหล่อนตกใจเป็นอย่างมาก หมัดที่ซัดออกไปนั้น ไม่ได้ทำให้ชายฉกรรจ์คนนั้นสะเทือนเลยแม้แต่น้อย

“แกเป็นใคร?”

กวนซินหันหน้ากลับ ก็เห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่ง จับแขนของหล่อนเอาไว้ หน้านิ่วขึ้นมาทันที พูดเสียงเยือก “ปล่อยมือข้า!”

“อาจารย์!”

พอกวนเยว่ได้เห็นผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น ตะโกนร้องขึ้นมาทันที

คนที่ถูกกวนเยว่เรียกว่าอาจารย์ ก็ต้องหยางเฉินนั่นเอง

“คนมากมายขนาดนี้รังแกเด็กผู้หญิงคนนึง มันไม่เกินไปหรือ?”

หยางเฉินถามกวนซินเรียบ ๆ คลายมือปล่อยแขนที่จับไว้ออก

บอดี้การ์ดชุดดำสี่คน เหมือนรู้ตัวว่าเจอศึกหนัก ตอนนี้ไม่ได้สนใจกวนเยว่แล้ว กลับไปยืนป้องกันให้กวนซินไปอยู่ข้างหลัง

ส่วนหยางเฉิน เดินก้าวเข้าไปข้าง ๆ กวนเยว่ ลองพยายามแก้เชือกให้หล่อน

“หยุดนะ!”

กวนซินตวาดเสียงใส่ “กล้าเข้ามายุ่งเรื่องภายในครอบครัวตระกูลกวนของเรา แกอยากตายหรือไง?”

หยางเฉินเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น คอย ๆ แก้ดึงเชือกออก

“ผึง ผึง ผึง!”

เชือทั้งหมดนั้น เพียงแค่ถูกมือดึงผ่าน ก็ขาดสบั้นออกพร้อมกับเสียง

กวนซินเหลือกตาขึ้นโต สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

บอดี้การ์ดทั้งสี่ที่ปกป้องอยู่ข้างหน้าตัวหล่อน ต่างก็หน้าตื่นไปเช่นกัน

กวนเยว่เป็นคนที่มีแรงกำลังมาก ฉะนั้นเชือกที่จัดมา เป็นเชือกที่ทำมาเป็นพิเศษ ขนาดใช้ลากรถใหญ่ก็ยังไม่มีปัญหา

เชือกที่เหนียวขนาดนี้ กลับให้หยางเฉินใช้แรงดึงกระชากขาดไปเฉย พลังแรงนี้มันน่ากลัวขนาดไหน?

พอได้คืนกลับเป็นอิสระ ใบหน้าแสนวิจิตรของกวนเยว่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์ หนูก็รู้ ถ้าหนูเจอปัญหาเดือดร้อน ท่านจะไม่ทิ้งหนูแน่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War