เจ้าของร่างสูงจอดรถยนต์ราคาแพงบริเวณลานจอดรถหน้าคณะนิเทศศาสตร์ เขาก้าวเดินลงมาพร้อมกับรอยยิ้มบ่งบอกถึงอารมณ์ดีจนถึงขีดสุด แค่นึกถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้าเสียวซ่านที่ทิชาแสดแวบขึ้นมาให้หัว สำหรับเขา…
…มันน่ารักจนเขาอยากจะเห็นอีกบ่อยๆ
“พี่แปง~” เสียงหวานใสทำให้ลูแปงหยุดชะงักแล้วหันไปมอง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มก็ส่งยิ้มพร้อมกับเอ่ยด้วยสรรพนามที่ใช้มาตั้งแต่จำความได้ทักทายกลับไป
“ว่าไงตัวจิ๋วของพี่”
“งะ! ทำไมพี่แปงถึงเรียกเคทตัวจิ๋วตลอดเลยเนี่ยยย~”
“ก็เราตัวเล็กเหมือนเด็กประถม”
“เคทสูงขึ้นตั้งสิบเซนเลยนะ ไม่เชื่อดู” เด็กสาวทำท่าจะหยิบบัตรประชาชนจากกระเป๋าสตางค์ราคาแพงออกมาให้ลูแปงดู แต่เขากลับยื่นมือไปขยี้ศีรษะทุยเล็กเบาๆ อย่างเอ็นดู
“ถึงเราจะสูงขึ้นแค่ไหนก็ยังเป็นเจ้าตัวจิ๋วของพี่เหมือนเดิมนั่นแหละ”
“แต่เคทอยากสูงอะ”
“ตัวเล็กๆ น่ารักดีพี่ชอบ”
“ฮั่นแน่~ นี่บอกสเปกสาวอยู่หรือเปล่าคะเนี่ย”
“หึ…ไม่มีเรียนเหรอเรา” ร่างสูงแค่ส่งยิ้มเป็นคำตอบแล้วเลือกที่จะถามร่างเล็กกลับไป
“มีค่ะ แต่เรียนเสร็จแล้ว เคทกำลังจะกลับบ้าน”
“ฝากทักทายพ่อกับแม่เราด้วยนะ”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวเคทจะบอกแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ให้”
“ครับ พี่ไปเรียนก่อนนะ กลับดีๆ ล่ะ”
“บ๊ายบายค่ะ” ลูแปงยกมือลูบศีรษะของเคทอย่างอ่อนโยนพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้กับน้องสาว ก่อนจะเดินขึ้นมาบนคลาสเรียนของตัวเองทันที
“ทำไมเมื่อคืนมึงทิ้งกูไว้ผับคนเดียวไอ้สัด” และเมื่อชายหนุ่มก้าวขาเข้าไปในคลาสเสียงของกวินก็ด่าทอออกมาเสียงดัง
“ไอ้เซนต์ก็อยู่”
“อยู่เหี้ยไร มันออกไปก่อนมึงอีก ทำลืม”
“นับวันมึงยิ่งบ่นมากขึ้นนะ เทคฮอร์โมนเหรอ” ลูแปงแซวเพื่อนกลับไปอย่างนึกสนุก สร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนได้เป็นอย่างดี
“เทคฮอร์โมนบ้านมึงสิ”
“แล้วเมื่อคืนมึงไปไหนมา ทำไมอารมณ์ดีแปลกๆ” เซนต์ที่นั่งเงียบๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูดีราวกับมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเมื่อคืนโดยที่เขาไม่รู้
“เปล่า”
“เปล่าเหี้ยไร พอมึงหายไปทิชาก็หายไปด้วย” กวินหรี่ตามองเพื่อนรักอย่างจับผิด และเขาก็มั่นใจด้วยว่าเมื่อคืนคงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้
“แล้วมึงคิดว่าไง” รอยยักยิ้มมุมปากของลูแปงเป็นคำตอบได้อย่างดี
“อย่าบอกนะว่ามึงกับทิชา…ไอ้เชี่ย!” กวินป้องปากเบิกตาด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะส่ายหัวราวกับต้องการสลัดภาพชวนสยิวเหล่านั้นออกไป “เขายอมเหรอ”
“ไม่เสือกดิ”
“ไอ้แปงกูอยากรู้”
“ขี้เสือก” เซนต์ว่าให้กวินที่พูดเรื่องระหว่างลูแปงกับทิชาเสียงดังเกินไปจนสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่พวกเขาอย่างสนอกสนใจ
“มึงไม่อยากรู้เหรอไอ้เซนต์”
“กูไม่ขี้เสือกเหมือนมึง”
“หยุดพูดเรื่องนั้นสักทีเถอะ เป็นโรคจิตหรือไงกัน”
(รีบเดินมาขึ้นรถฉันสิ หรืออยากจะให้ฉันไปอุ้มดีล่ะ)
“ไม่ต้อง!” ทิชารีบปฏิเสธเสียงแข็ง แล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความกังวลใจ หากเธอเดินไปขึ้นรถของลูแปงตอนนี้ทุกคนต้องเห็นและคิดว่าเธอกับลูแปงมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกันแน่ๆ ซึ่งเธอไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น “นายขับไปรอข้างคณะแล้วกัน ฉันจะเดินไปขึ้นตรงนั้น”
(กลัวเพื่อนรู้ว่ามีอะไรกับฉันเหรอ)
“งั้นฉันกลับ”
(เธอมีสิทธิ์ไม่เชื่อฟังฉันด้วยเหรอ)
“…” น้ำเสียงเย็นเยือกจากปลายสายทำทิชาหายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนจะหันไปสบตาคมกริบของเขาแล้วเบนสายตาไปมองอีกทางเพราะมันดูเป็นสายตาข่มขู่สวนทางกับรอยยิ้มบางๆ ของเขาอย่างสิ้นเชิง
(ยืนรออยู่ตรงนั้น ฉันจะขับไปรับ ไม่ต้องเดินไปไหนทั้งนั้น)
“ลูแปง…ลูแปง!” พูดจบเขาก็กดวางสายไปโดยไม่รอให้เธอได้ตกลงเสียก่อน ทิชาทำได้แค่หันไปมองกลุ่มเพื่อนและคนอื่นๆ เล็กน้อย แล้วสาวเท้าเดินไปยืนข้างต้นไม้ใหญ่ที่บดบังเธอได้เป็นอย่างดีเพื่อรอให้คนเจ้ากี้เจ้าการมารับ
ปัง~ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่รถยนต์สีแดงเพลิงเคลื่อนมาจอดริมฟุตบาททิชาก็หันไปมองเพื่อนอีกครั้ง แล้วเปิดประตูรถขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็วเป็นจังหวะเดียวกันที่เพื่อนกำลังเดินไปอีกทางนึง
“เฮ้อ…” มันเป็นความตื่นเต้นที่เธอไม่เคยรู้สึกเลยสักครั้ง ต้องหลบซ่อนราวกับเป็นความรักที่ต้องห้ามยังไงอย่างนั้น
“คิดถึงกันไหม ไม่ได้เจอตั้งสามชั่วโมงแหน่ะ”
“คิดถึงกับผีน่ะสิ เป็นบ้าอะไรต้องมารับที่คณะฮะ!”
“เสียใจจังคุณครูดูเหมือนไม่คิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึง…คุณครูเลยนะครับ” ลูแปงแกล้งตีหน้าเศร้าที่ถูกทิชาต่อว่าทั้งที่มันกลับเป็นเรื่องสนุกที่แกล้งเธอได้สำเร็จ
“ลูแปงอย่างทำแบบนี้ได้ไหม เรื่องของเราน่ะ มันควรจะเป็นความลับไม่ใช่เหรอ”
“มันก็จะเป็นแบบนั้น ถ้าเธอไม่ขัดใจฉันน่ะนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: TRICK TO LOVE หลอกให้รัก