“เรียนเหนื่อยเหรอ หน้าเครียดเชียว” คนตัวสูงถามด้วยรอยยิ้มบางๆ เมื่อเห็นใบหน้าของคนตัวเล็กดูไม่สดใสเหมือนตอนเช้า ก่อนที่เขาจะยกมือเขี่ยปอยผมที่ตกลงมาบนแก้มนวลออก แต่ทว่าทิชากลับตวัดสายมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจพร้อมกับปัดมือเขาออกอย่างแรง
“อย่ามาทำรุ่มร่ามต่อหน้าคนอื่น”
“อย่าขึ้นเสียงไม่น่ารักเลย”
“ฉันไม่มีอารมณ์เล่นกับนายหรอกนะลูแปง”
“แล้วฉันบอกว่าเล่นเหรอ นี่ฉันกำลังจริงจังอยู่นะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามกลับไป แล้วคว้ามือเล็กมาจับประสานหมายจะจูงเดินไปที่รถ แต่ทิชาก็เลือกที่จะสะบัดออกอีกเพราะตอนนี้มีสายตาหลายๆ คนกำลังจ้องมองมาที่เธอและเขาอย่างให้ความสนใจ
“ฉันเหนื่อยจะต่อล้อต่อเถียงกับนายจริงๆ” ทิชาถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วก้าวขาเดินผ่านคนตัวสูงไปที่รถยนต์ของเขาโดยมีเขาเดินตามมาทีหลัง
หลังจากที่ทิชาขึ้นมานั่งบนรถของลูแปง เธอก็เลือกที่จะหยิบแอร์พอดออกมาฟังเพลงแล้วเอนเบาะลงนอนหันหน้าหนีอีกฝ่าย แต่หูฟังข้างนึงกลับถูกลูแปงดึงออกไปจนทำให้เธอหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์อีกครั้ง
“เอาแอร์พอดคืนมา”
“วันนี้แม่ฉันชวนเธอไปกินข้าว”
“ฉันไม่ไป”
“ปฏิเสธผู้ใหญ่ไม่ดีนะ”
“ไม่ไป” ทิชาเน้นเสียงดังฟังชัดให้คนตัวสูงได้ยินเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องยัดเยียดสิ่งที่เธอไม่ต้องการมาให้อีก
“ยังโกรธเรื่องเมื่อเช้าอยู่หรือไง”
“แล้วฉันควรโกรธไหม นายทำอะไรไม่ปรึกษาฉันบ้างเลย” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาพูดต่อหน้าเพื่อนเธอแบบนั้น และที่เขาหอมศีรษะเธอต่อหน้าทุกคนอีก มันทำให้เธอกลายเป็นคนในวงสนทนาของคนอื่นไปทั่ว
“ฉันกำลังทำหน้าที่แฟนที่ดะ…”
“ก่อนจะเป็นแฟนที่ดีเป็นคนดีให้ได้ก่อนเถอะ เพราะที่นายทำน่ะ คนดีๆ เขาไม่ทำกันหรอก” ทิชากระชากแอร์พอดในมือของลูแปงกลับคืนมาใส่มันไว้ในหูเหมือนเดิม ลูแปงมองใบหน้าบึ้งตึงของคนตัวเล็กด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนจะโน้มเข้าไปหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“เข้าใจแล้วครับคุณครู ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
“ก็ทำไปแล้วนี่ พอใจหรือยังล่ะ”
“ก็พอใจอยู่นะ” รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กยังไม่หายโกรธเขา แต่ก็อดเอ็นดูใบหน้ามุ่ยของเธอจนเผลอยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ
“ยังจะกล้ายิ้มอีกเหรอ นับวันยิ่งเป็นบ้านะนายเนี่ย”
“หายโกรธได้แล้ว เดี๋ยวพาไปกินข้าวอร่อยๆ ฝีมือแม่ผัว”
“เหอะ เดี๋ยวฉันจะฟ้องแม่นายให้หมดเลยว่านายทำอะไรกับฉันไว้บ้าง” ร่างเล็กขู่ฟ่อราวกับตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่าย แต่ดันผิดคาดที่ลูแปงไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัวคำขู่ของเธอเลย
“อยากฟ้องก็ฟ้องเลยครับ ระวังแม่จับมัดมือชกนะ”
“นั่นมันนิสัยนาย”
“ก็เป็นแม่ลูกกัน นิสัยก็ต้องเหมือนกันบ้างแหละ”
“เหอะ” ทิชาส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนที่ลูแปงจะโน้มเข้ามาใกล้เพื่อดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้กับเธอ เขาไม่ลืมที่จะขโมยจูบบนกลีบปากเล็กหนึ่งที แล้วจึงกลับมานั่งในท่าทางปกติสตาร์ตรถและขับออกมาจากมหาวิทยาลัย
@คฤหาสน์หรู
เกือบหนึ่งชั่วโมงที่รถยนต์ราคาแพงฝ่ารถติดในเมืองกรุงเทพเพื่อมาที่คฤหาสน์ของผู้เป็นพ่อแม่ แต่กว่าจะถึงทิชาก็ผล็อยหลับไปเสียแล้ว คงเป็นเพราะกว่าที่เธอจะได้นอนหลับเต็มตาก็ปาไปเกือบตีหนึ่งครึ่ง
“ทิชาถึงแล้ว”
“อือ” คนตัวเล็กขานรับทั้งที่ยังไม่ลืมตา ริมฝีปากหาวหวอดๆ ก่อนจะลืมตาสู้แสงแดดยามโพล้เพล้
“ปะ พ่อกับแม่รออยู่”
“อือ” ทิชาพยักหน้าน้อยๆ พร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย หยิบโทรศัพท์บนหน้าตักมาถือไว้โดยไม่ได้สะพายกระเป๋าลงมาจากรถด้วย เท้าเล็กก้าวขาเดินเข้ามาในคฤหาสน์โดยมีคนตัวสูงจูงเธอเดินมาด้วยกัน
“แม่ได้ทิชาเป็นลูกสะใภ้สมใจแล้ว”
“หนูทิชายอมคบกับลูกแล้วเหรอ”
“ประมานนั้น” ที่จริงแล้วเธอไม่ได้ตอบตกลงเสียทีเดียว เธอถูกเขามัดมือชกจนจำเป็นต้องยอมต่างหาก แต่เรื่องนี้เขาจะบอกให้ผู้เป็นแม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด
“เชื้อพ่อมันแรง”
“ทีงี้มาเชื้อพ่อเลยนะ” หญิงวัยกลางคนตวัดสายตามองสามีตัวเองด้วยสายตาคมกริบ ส่วนโชแปงก็ทำได้แค่กระตุกยิ้มมุมปากส่งให้ภรรยาตัวเองพร้อมกวักมือเรียกให้ไปนั่งข้างๆ
“ผมไม่อยากมีน้องตอนอายุยี่สิบกว่านะ” ทันทีที่เห็นพ่อแม่สวีตหวานกันไม่เกรงใจสายตาของเขา ลูแปงก็พูดขัดการกระทำระหว่างทั้งคู่ขึ้น
“มีแกคนเดียวฉันก็ปวดหัวจะแย่แล้ว”
“เหมือนที่แม่เคยปวดหัวกับพ่อตอนหนุ่มๆ ใช่ไหม แม่เล่าให้ผมฟังว่าวีรกรรมพ่อหนักกว่าผมอีกนะ”
“แม่แกวีรกรรมเบาซะที่ไหนล่ะ ดื้อก็ที่หนึ่ง แสบก็ที่หนึ่ง”
“แม่ก็เหมือนเมียผม”
“เมีย? เดี๋ยวนะ! ลูกหมายความว่ายังไง” เพตราที่กำลังคลี่ยิ้มก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาเมื่อได้ยินลูกชายใช้สรรพนามใหม่เรียกแฟนสาว
“ก็ตามนั้นแหละครับ”
“ลูกต้องรับผิดชอบหนูทิชานะลูแปง อย่าทำตัวไม่มีความรับผิดชอบเด็ดขาด” ทิชาเดินลงมาจากบันไดได้ยินบนสนทนาที่เกิดขึ้นภายในบ้านทันเวลาพอดี เธอรู้สึกอายเล็กน้อยที่ผู้ใหญ่รู้ความสัมพันธ์ที่เกินเลยต่อกัน แต่ก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายพูดต่อจากบทสนทนานั้นแทน
“ไม่ต้องรับผิดชอบหรอกค่ะคุณแม่ หนูไม่ได้เสียหะ…”
“ไม่ได้ๆ เรื่องนี้แม่ยอมไม่ได้ เดี๋ยวไว้หนูเรียนจบแล้วแม่จะไปคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่หนูอีกทีนะ…โอเค ตามนี้” หญิงสาวหันมองหน้าลูแปงที่ทำหน้าราวกับว่าเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย และดูเหมือนว่าเขาก็คงจะขัดความต้องการของผู้เป็นแม่ไม่ได้ ในขณะที่เพตราขยิบตาให้ลูกชายตัวเองราวกับว่ารู้กันสองคน ทิชาถึงขั้นยกมือนวดคลึงขมับเมื่อรู้สึกปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาอย่างกะทันหัน หากพ่อแม่เธอรับรู้เรื่องนี้มีหวังเธอกับลูแปงคงลงเอยกันและจบด้วยการแต่งงานแน่นอน
…สุดท้ายเธอก็ถูกแม่ของเขามัดมือชกตามที่ลูแปงบอกจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: TRICK TO LOVE หลอกให้รัก